วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

้เที่ยวญี่ปุ่น


Sanrio Puroland อยู่ในส่วน Tama New Town ในเขตโตเกียว แสดงว่าเราใกล้เมืองหลวงเข้ามาอีกนิดแล้วชิมะ ตอนไปถึงเมืองนี่ก็ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ยังมิได้กินข้าวกลางวันเลย แต่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เพราะตุนปลาหมึกย่างมาจากฟูจิแล้ว

พอเข้าเขตก็เห็นป้ายเลย คนญี่ปุ่นบ้าคิตตี้โนะ ไปไหนก็เห็นแต่คิตตี้


ที่ทางเข้า ระหว่างรอคุณไกด์ไปซื้อบัตร ค่าเข้าก็ประมาณพันบาท เด็กวัยรุ่นกับเด็กก็ถูกไล่ๆลงมา ถ้าไปหลังสี่โมงเย็นก็ถูกลงอีก คุณไกด์แจกตังค์ให้คนละ 1300 เยน ไว้หาข้าวกลางวันกินกันเอง



เด็กที่นี่ชอบชูสองนิ้ว


พอเข้ามาข้างใน ก็จะเจอตัวการ์ตูนเลย ป้าก็อยากถ่ายเหมือนกันนะ แต่เกรงใจเด็กๆ ต้องรอหมดคิวก่อน



จริงๆอยากถ่ายมากกว่านี้อีกนะ แต่คนอื่นๆเค้าหายกันไปหมดแล้ว คุณไกด์ปล่อยให้เดินเอง เวลามีน้อย เค้าบอกให้ไปล่องเรือ Sanrio Character Boat Ride ก็เลยไปต่อคิวกะเค้าบ้าง มาเจอคนอื่นๆในนี้แหละ

ที่ทางเข้า Boat Ride กะจะกอดเสา แต่กลัวโดนเพื่อนประนาม เด็กๆยืนมองกันเยอะด้วย


คิวยาวมากๆ แต่แถวเคลื่อนไปเร็ว ส่วนมากแล้วเป็นพ่อแม่พาลูกๆมาเที่ยวทั้งนั้น


ถ่ายกะพี่โอ๊ต ข้างหลังเป็นจอทีวี แนะนำการ์ตูนประมาณนั้น


เรือมาแล้ว นั่งกันลำละ 6 คน ล่องไปตามน้ำ


ตรงที่จอดเรือเลย ครอบครัว Cinnamoroll กำลังทำขนมอย่างเมามันที่ Cafe’ Cinnamon



Kiki & Lala แห่ง Little Twin Stars จะบ้าตาย ถ่ายเบลอ เรือนะมันไปเร็วมาก แถมการ์ตูนก็เต็มไปหมด หมุนซ้ายหมุนขวาจะแย่เอาง่ะ



My Melody เกิดในป่าที่ Maryland วันที่ 18 มกรา ชอบทำคุ้กกี้ ชอบกินเค้กอัลมอนด์ มีเพื่อนสนิทเป็นหนูสีฟ้าทางซ้าย ชื่อ Flat


Monkichi กินกล้วยสิบลูกได้ในนาทีเดียว! ชอบบทกวี



Pochacco ชอบกินแครอทกะไอติมกล้วย เป็นลูกหมาบ้ากีฬา


Keroppi ชอบเล่นเบสบอลกับบูมเมอแรง


ตัวนี้ไม่รู้ชื่อ


ครอบครัว Badtz-Maru เพนกวินหัวตั้ง


ช่วงนี้เป็นปาร์ตี้ตัวการ์ตูน










น้องหนูที่คุมคิว


ขึ้นจากเรือก็เดินต๊อกแต๊กได้แป๊ปนึง


ร้านขายของที่ระลึก หมดตังค์ไปเยอะเลย


แป๊ปนึงก็หมดเวลา กลับมาขึ้นรถ ตกลงค่าข้าวก็ไม่ได้ใช้ ข้าวกลางวันไม่ได้กินเป็นวันที่สองแล้ว

ตอนนี้ก็ประมาณสี่โมงครึ่งแล้วล่ะ

Shinjuku - Ueno Park

Saturday, April 7th, 2007

เรา นั่งรถต่อกันเข้ามาที่ชินจูกุ ลงจากรถยังไม่ได้ชมคน ก็ต้องวิ่งตุ๊กๆพุ่งไปร้านอาหารอย่างรวดเร็วเพราะเรามาช้าไปครึ่งชั่วโมง รถติดตามเคย คุณไกด์บอกว่าจองไว้ชั่วโมงนึง เพราะงั้นเหลือเวลาให้กินแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น -_-’

ร้านอาหารอยู่บนตึก ออกจากลิฟต์ก็จะเจอพนักงานต้อนรับ



เรามากินสุกี้กัน


แค่สุกี้ก็มีเรื่องแล้ว คุณไกด์รถคันแรกบอกว่ามีเนื้อให้กิน พอขอเนื้อกับคุณไกด์รถเรา แกบอกหน้าตาเฉยว่าไม่มี แต่ซักพักจานเนื้อก็ลอยมาเพราะเปลี่ยนไปขอกับอีกคน

หม้อสุกี้เลยแยกกัน ของเรากินทั้งหมูและเนื้อ อร่อยดี แต่มีเวลากินน้อยไปหน่อย จะกินยังเหนื่อยเลยเนอะ


ทานเสร็จแล้วลงมาข้างล่าง คุณไกด์จะปล่อยเดินช้อปกันเอง




ทุเรียนลูกละพันบาท


คุณไกด์มาไปชี้จุดนัดพบสำหรับรถบัส และทางเข้ารถไฟใต้ดินกับจุดที่ต้องไปซื้อบัตร เพราะต่อจากนี้เราจะแยกไป ไม่กลับโรงแรมพร้อมกับคนอื่น

นัดแนะกับคนอื่น 7 คนว่าจะไปขึ้นรถไฟกัน แต่ตอนนี้ขอช้อปปิ้งก่อน พวกผู้ชายแยกไปดูเครื่องใช้ไฟฟ้า สาวๆมาเดินร้านขายยาสุดฮิตของคนไทย Mutsumoto Kiyoshi


ร้านสาขาชินจูกุไม่ใหญ่มาก มีสองชั้น ของอย่างแน่น ชั้นล่างเป็นพวกอาหารเสริมและของใช้ ชั้นบนเป็นเครื่องสำอาง เราก็กางโพยเดินไล่ๆหยิบใส่ตะกร้า โพยอย่างยาว มีเวลาหนึ่งชั่วโมงแต่แค่หาของให้เจอก็ยากแล้ว เพราะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆทั้งชั้นและ package



หันซ้ายหันขวาแล้วก็ถามพนักงานดีกว่า จิ้มรูปแล้วก็ถามว่าอยู่ตรงไหน มีพนักงานคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้เรื่องเลยเชียว แต่เธอโดนเรียกเรื่อย ส่วนคนอื่นๆชี้ๆอย่างเดียว ดีว่าติดรูปมาเยอะ เอาแค่หาชั้นเจอ แล้วก็พอจะหาของได้

เครื่องสำอางถูกมากเลย

ขนตะกร้าอย่างหนักไปจ่ายตังค์ งานนี้ถือว่าไม่รู้จัก ไม่อายค่ะ เพราะเค้าคิดตังค์นานมาก ค่อยๆยิงทีละชิ้น (น้องบอกว่าคนต่อคิวชะโงกมาดูตะกร้าเราด้วย) หมดไปห้าหมื่นเยนอ้ะ พอได้บิลมา แทบเป็นลม บิลเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆแล้วจะเอาไปคิดตังค์ชาวบ้านเค้าได้ไงล่ะ

แล้วแม่พระคนเดิมก็มาโปรด ขอให้เค้าช่วยแปลหน่อยว่าแต่ละ line นี่ชั้นหยิบอะไรมาจ่ายตังค์เนี่ย เค้าก็ดี๊…ดี บิลประมาณสามสิบกว่ารายการ เค้าช่วยไกด์ให้ ถ้าเป็นพวกสีๆยังพอเดาง่ายเพราะมีเบอร์สีในบรรทัด แต่จิปาถะอีกเพียบอ้ะ

เช็ครายการเสร็จ Thank you very much พร้อมกับโค้งๆให้เต็มที่ พอจะถือตะกร้าลงมาชั้นล่าง ตัวเซ็นเซ่อร์มันดันร้องขึ้นมา คนในร้านก็หันมามอง พนักงานเดินมาดูให้ ก็ยื่นบิลให้เค้า แต่เค้าไม่ดูนะ เอาตะกร้ากลับไปที่แคชเชียร์ เอากลับมาก็ยังดังอีก ก็เอากลับไปอีกรอบ เราก็สงสัยเหมือนกันว่าจะเช็คของยังไง ของอย่างเยอะเลย แต่กลับมารอบนี้มันไม่ดังแล้วล่ะ

ที่ชั้นล่างเป็นอาหารเสริม แต่ว่าไม่มีของที่จะซื้อ


ออกจากร้านก็ได้เวลานัดแล้ว นัดกันหน้าสถานีรถไฟ อยู่ห่างออกไปสองช่วงถนน คนเยอะแล้วฝนก็เริ่มตกแล้วด้วย

พอเจอกันครบแล้ว สมาชิก 4 คนก็เปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว เพราะกลัวฝนตก ก็เลยเหลือ 3 คนไปนั่งรถเล่นกัน ของที่ซื้อมาก็ฝากป๊อปกับเอ๋หิ้วขึ้นรถบัสกลับไปโรงแรมให้ด้วย

ยืมแผนที่มาจากคุณไกด์ คุณไกด์สอนเรื่องขึ้นรถกับต่อรถมาให้ 2 รอบ

คนเยอะมากเลย ลงไปก็งงแล้ว


เดินไปกดตั๋วที่ตู้ที่คุณไกด์บอก เราอยู่ชินจูกุ จะไป Ueno ก็ 190 เยน


ซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ดูตามคนอื่น หยอดตังค์แล้วก็กดจำนวนเงิน ถ้ามีเศษมันก็จะทอนมาให้


ซื้อตั๋วไม่ยาก ไอ้ที่ยากคือเดินไปหาจุดที่จะขึ้นรถ งมๆกันอยู่สามคน

เราจะไป Yamanote Line ไปถามคนญี่ปุ่นมาด้วยล่ะ เลือกคนที่ดูเป็นนักธุรกิจ เค้าก็ชี้ทางบอกมาให้


ขึ้นมาบนชานชาลาจนได้ สองทุ่มครึ่ง รถไฟกำลังจะมา


บนรถไฟมีจอบอกป้ายที่จะลง ถ้าต้องเปลี่ยนสถานีก็จะมีจอวิ่งๆบอกให้ไปต่อจุดไหน มีบอกทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ อยากให้บ้านมีอย่างนี้บ้างจัง




ตั๋ว JR


ในรถไฟ




ออกจากสถานี เราก็มุ่งหน้าเข้าไปที่ Ueno Park โดยมั่วเข้าไปตรงทางที่คิดว่าใช่เพราะเห็นคนเข้าเดินออกมากัน ได้ยินว่าที่นี่มีซากุระเต็มไปหมด เสียดายมาถึงตอนมืดแล้ว ก็เลยได้เห็นซากุระแบบมืดๆ เห็นลางๆเต็มไปหมด แต่ถ่ายรูปไม่ได้ ขาตั้งก็ม่ายยยมี แล้วทำไมเค้าไม่เปิดไฟล่ะเนี่ย


เดินเข้าไปจนเจอศาลเจ้าที่ปิดแล้ว



ระหว่างทางเดินยังเห็นคนนั่งกินนั่งดื่มใต้ต้นซากุระอยู่ มีหลายกลุ่มเลย


หนุ่มๆบอกให้ไปดูทางนี้ … มองลงไปเห็นเหมือนงานวัด


เดินข้ามถนนลงไป ส่วนใหญ่ร้านจะปิดแล้ว เพราะฝนตกด้วยมั้ง เหลือจุ่มๆแบบนี้ยังเปิดอยู่ เหมือนที่เกาหลีเลย


ข้างในเป็นศาลเจ้า (มั้ง)


ระหว่างยืนถ่ายรูป ก็เห็นนะว่ามีคนญี่ปุ่นยืนดูอยู่ ก็หยุดให้เค้าเดินไป เค้าก็ไม่เดิน พอถ่ายเสร็จเค้าก็เดินมาคุยด้วย บอกให้เราเอาเหรียญสิบเยนไปหยอดใส่ตรงประตู แล้วก็ไหว้ขอพระ เค้าบอกว่าปกติจะเปิดให้เข้าไปได้

เค้าเป็นนักเขียน กำลังจะมาเมืองไทยเดือนหน้า พูดภาษาอังกฤษกันรู้เรื่องเลยล่ะ (เค้าพูดดีกว่าเราอีก)


เดินอ้อมไปด้านหลัง หมดจากนี่ก็ไม่ค่อยเห็นคนแล้ว แต่ด้านข้างๆมีหนุ่มๆสาวๆยืนก๊งกันอยู่


ไหว้พระเสร็จ เราก็เดินกลับออกมาที่สถานี จะขึ้นรถกลับไปชินจูกุ


Shinjuku XXX Shop

Saturday, April 7th, 2007

ใกล้ๆสี่ทุ่ม เราก็ขึ้น JR กลับมาชินจูกุ คนยังแน่นเต็มรถไฟเลย


ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงชินจูกุ คนเต็มสถานีเหมือนตอนขาไป


สาวๆจากฮาราจูกุ


เห็นว่ายังมีเวลาเหลือ ก็เลยชักชวนให้ออกมาเดินเล่นข้างนอกก่อน ได้ยินว่ากลางคืนจะมีผับเปิด แต่ออกมาเดินๆแล้วหาไม่เจอ ไม่รู้ตรงไหน แต่พอจะกลับไปสถานีก็เจอร้านนี้


หนุ่มๆตาสว่างขึ้นมาทันที ไอ้เราก็ไม่ยอมถูกทิ้งไว้นอกร้านเหมือนที่ออสเตรียอีก ก็เลยรี่เข้าไปทั้งสามคน

ตรงทางเข้า เป็นชั้นวิดีโอ


เข้าไปข้างในทางซ้ายจะเป็นโซนของน่ารัก…ให้น่าสงสัยว่ามันใช้ทำอะไรมั่ง



อันนี้ไม่รู้อะไรเหมือนกัน เราก็แอบถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเค้ามีกระจกโค้งอยู่ข้างบน



ตัวเจ้าปัญหา ถ่ายมาทายกับเพื่อนๆว่ามันใช้ยังไง ขนาดพวกผู้ชายยังไม่แน่ใจ


ตุ๊กตายางก็มี ลอยอยู่เหนือหัว แต่ไม่น่ารักๆเหมือนที่เคยเห็นใน fwd mail


ว่าด้วยดุ้นๆ สารพัดขนาด ครืออออ ม้นจะใช้ได้จริงๆเหรอนั่น



อันนี้เข้าใจว่าเป็น anime มีครบทุกอย่างเลย


ร้านนี้มีชั้นใต้ดินด้วย ก็เลยเดินลงมา จ๊ะเอ๋พนักงานอยู่ข้างล่าง ไอ้เราก็ยังอยากถ่ายรูปอยู่ ก็เลยขอเค้าตรงๆ เค้าก็ให้นะ ไม่ว่าอะไรเลย

ของข้างล่างก็คล้ายๆของข้างบน


ใครจำ fwd mail น้องจิ๋มกระป๋องได้บ้าง ก็ลองเดินหากันนะ แต่หาไม่เจอ เจอแต่แบบเต็มๆ


และแบบไม่ wax


โซนมาโค-ซาดิสม์ก็มี



หนุ่มๆซื้อของฝากราคาย่อมเยา


มีพวกเสื้อผ้าขายด้วย อย่างที่เราเคยเห็นในการ์ตูน ชุดพยาบาล ชุดกลาสี เพียบเลย พวกชุดชั้นในก็แขวนๆไว้


ก่อนจะออกจากร้าน เห็นไอเดียมันเจ๋งดี เป็นผ้าผืนใหญ่ๆ


ถือว่าเปิดหูเปิดตาโนะ เมืองไทยคงผิดกฎหมาย แต่ก็เห็นขายกันตรึมในเว็บ แต่ที่นี่เห็นแฟนกันจูงมือกันมาเลือกของเหมือนอยู่ในซุปเปอร์ เค้าก็นับถือศาสนาพุทธเหมือนกับเรา แค่ทำให้มันถูกกฎหมายซะ มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

ออกมาจากร้านก็จะเดินกลับสถานีแล้ว คนบนถนนก็ หือ ยั้วเยี้ยมากๆ ทั้งที่มันใกล้จะห้าทุ่มแล้ว บ้านเรานี่เงียบแล้วอ้ะต่อให้เป็นพัฒน์พงษ์ก็ไม่เยอะอย่างนี้

ผ่านร้านซูชิน่ากิน




เดินผ่านร้านปาจิงโกะ ว่าจะแวะซะหน่อย เค้าบอกว่าปิดแล้ว


ราเมงแบบกดเอา ชามเบ้อเริ่ม กะจะกิน 2 ชาม 3 คน แต่ไอ้ที่อยากจะกินก็หมดอีก (ที่จะกินคือชุด 550 บาทที่มี ราเมงกะข้าวแกงกะหรี่) เลยเปลี่ยนใจกลับโรงแรมดีกว่า


มนุษย์กล่องในสถานีชินจูกุ


ตอนแรกคุณไกด์บอกว่ารถหมดเที่ยงคืน ตอนนี้ประมาณห้าทุ่ม แต่พอเราจะเดินไปจุดซื้อตั๋วที่อยู่อีกโยชน์นึงจากประตูเข้า ก็เห็นเจ้าหน้าที่เค้ามาจะปิดประตูที่กั้นระหว่างส่วน คนรอบๆก็วิ่งกันใหญ่เลย เราก็วิ่งมั่ง ประตูลากลงมาครึ่งนึงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เค้ายังกวักมือเรียกอยู่ ก็เลยรอดมาซื้อตั๋วได้ ไม่งั้นไม่รู้ต้องเดินยังไงเหมือนกัน

รถที่เราจะขึ้นกลับ เป็นสายสีแดง Oedo Line วิ่งลงมาข้างล่างไปที่ Akabanebashi ค่าตั๋ว 210 เยน


พอลงมารอรถได้ ก็เห็นฝรั่ง 2 คนยืนรอรถอยู่ เออ คิดไงไม่รู้ ถามเค้าหน่อยดีกว่าว่าไอ้ที่เรายืนอยู่น่ะมันจะไปเป้าหมายที่จะไปหรือเปล่า แต่เค้าจะไปรปปงหงิ ทางเดียวกะเรา

แต่พอไปถามเค้า เค้าก็บอกไม่รู้เหมือนกัน อ่าว นึกว่าอยู่ที่นี่มานานแล้วซะอีก

เจ้าหน้าที่ประจำสถานีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เค้าก็เลยถามเราว่าเราจะไปไหน พอบอกสถานีแล้ว เค้าก็บอกว่า นั่งหนึ่งสถานีแล้วให้ลงไปเปลี่ยนรถ เราก็งงว่ะ ไกด์ไม่ได้บอกมานิ แต่ต้องเชื่อเค้าอ้ะ

แต่พอขึ้นไปบนรถไฟ เค้าจะมีตัววิ่งบอกว่า ถ้าเราจะไปจุดนี้ๆ ต้องไปต่อรถที่จุดไหนๆ ดีมากๆเลยอ้ะ เราก็ลงไปต่อรถตามที่เจ้าหน้าที่เค้าบอก

รถไฟนี้ คนน้อยไม่เหมือน JR


จุดต่อรถ


สองสาวนี่ก็มารอรถเหมือนกัน เปรี้ยวมากๆ เธอเอาน้ำหอมขึ้นมา ถลกโค้ทแล้วก็ฉีดน้ำหอมตรงต้นขา แล้วก็ทำขวดน้ำหอมตกพื้นกลิ้งหลุนๆ บ่นใหญ่เลย


มาถึงที่หมายแล้ว รอดตาย ตอนนี้ห้าทุ่มครึ่ง


โผล่ขึ้นมาก็จ๊ะเอ๋ Tokyo Tower


จริงๆก็อยากเดินไปดูต่อนะ แต่หนุ่มๆงอแงจะกลับไปหาอะไรกินแล้ว ก็เลยเดินกลับไปโรงแรม โรงแรมก็อยู่ใกล้ๆชื่อ The Prince Park Tower Tokyo

พอเดินมาถึง โอ้โห โรงแรมอลังมาก เพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆเอง เราก็ควานหาเหรียญโทรหาคุณไกด์กัน เธอก็บอกว่าให้รอแป๊ปนึง แล้วก็หายไป เหรียญก็ใกล้หมด กลับมาเธอบอกเบอร์ห้องให้ไปเอากุญแจที่ front แต่ยังไม่ทันบอกของเราเลยสายก็ตัดไปเลย …. โมโหปิ๊ดเลยอ้ะ ให้เรารอสายอยู่ได้ตั้งนาน คราวนี้เลยต้องเอาเหรียญใหญ่โทรหา ได้เบอร์ห้องมา เดินมาเอากุญแจที่ front…ปรากฏเธอก็ยืนอยู่ใกล้ๆ front นั่นแหละ ไม่เข้าใจ จะบอกคำเดียวว่าให้มาหาที่ front ไม่ได้เหรอไง เสียตังค์ค่าโทรศัพท์ไปตั้งเยอะ

ก่อนขึ้นมาก็แวะซื้อของกินในช็อปใต้โรงแรม แพงง่ะ โยเกิร์ตกระป๋องละเกือบสี่สิบบาท

ขึ้นมาบนห้อง เราอยู่ low zone เจ๊อะ ชั้นมันชั้นต่ำนิ



ห้องน้ำมี 2 ห้อง ห้องหนึ่งมีแต่โถพร้อมปุ่มมหัศจรรย์ ส่วนอีกห้องเป็นห้องอาบน้ำ เปิดเข้าไปเจออ่างแช่ มีปุ่มกดให้น้ำมันปุ๊ดๆออกมานวดตัว ชอบๆ ที่นี่ใช้ผลิตภัณฑ์แบบ aroma ทั้งหมด ถ้าไม่แช่น้ำก็มีฝักบัวให้อาบอยู่ใกล้ๆ



ก็เลยเปิดน้ำนอนแช่ไปนวดไป โคตรจะสบาย อยากจะขนกลับไปห้องตัวเองจัง นวดไปนวดมา ก็เลยหลับคาอ่าง ตื่นมาอีกทีมันหยุดนวดไปแล้ว ก็กดนวดต่อ ไม่รู้จมอยู่ในห้องน้ำกี่ชั่วโมงอ้ะ วันนี้ยาวนานมากๆเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ