แคดเบอรี่ผลิต "Wispa Gold" ช็อคโกแลตทองคำ ที่ราคาแพงที่สุดในโลก
เพื่อนๆ คนไหนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหวานอย่างช็อคโกแลต ต้องห้ามพลาด! หลังการกลับมาอีกครั้งของ "Wispa Gold" พร้อมกับการผลิตช็อคโกแลตบาร์รุ่นพิเศษเคลือบทองคำแท้ จนกลายเป็นช็อคโกแลตบาร์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกไปแล้ว
กลับมามาตามคำเรียกร้องของแฟนพันธุ์แท้กว่า 22,000 คน "Wispa Gold" ช็อคโกแลตแบรนด์ดังในค่ายแคดเบอรี่ เริ่มผลิตขึ้นว่างจำหน่ายอีกครั้งหลังผลิตขึ้นจำนวนจำกัด เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ตามคำเรียกร้องของกลุ่ม "Bring back Cadbury's Wispa Gold" ทางเว็บไซต์เฟซบุ้ค ที่ต้องการผลักดันให้มีการผลิตช็อคโกแลต "Wispa Gold" ออกสู่ท้องตลาดอีกครั้ง
แถมทางแคดเบอรี่ยังใจดีเชิญ 3 แกนนำแฟนพันธุ์แท้ ที่เรียกร้องให้มีการผลิตช็อคโกแลต "Wispa Gold" อีกครั้ง มาเยี่ยมชมโรงงาน และทำพิธีกดปุ่มเปิดไลน์การผลิตด้วยตัวเองเสียเลย เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุน
แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะผลิตช็อคโกแลตบาร์ "Wispa Gold" แบบปกติธรรมดาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแล้ว เพื่อเรียกกระแสความฮือฮาจากวงการช็อคโกแลต
ทางแคดเบอรี่ได้ผลิตช็อคโกแลตบาร์สุดป๊อปปูลาร์ในเวอร์ชั่น "ห่อทอง" อีกด้วย
ช็อคโกแลตบาร์ "Wispa Gold" รุ่นพิเศษที่ว่านี้ ตัวช็อคโกแลตถูกเคลือบด้วยทองคำแท้ (สามารถรับประทานได้) แถมยังถูกบรรจุอยู่ในห่อที่ทำจากทองคำแท้ [พระเจ้า!...อยากลองชิมเป็นบุญปาก] ซึ่งช็อคโกแลตเวอร์ชั่นพิเศษนี้จะออกวางจำหน่ายที่ห้างเซลฟริดจส์ในกรุง ลอนดอน ด้วยราคาแท่งละ 961.48 ปอนด์ หรือเกือบ 5.5 หมื่นบาท เรียกได้ว่าทุบสถิติติดชาร์จเป็นช็อคโกแลตบาร์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเลย
สำหรับช็อคโกแลตบาร์ "Wispa Gold" รุ่นพิเศษนี้ นายโทนี่ ฮาดเลย์ นักร้องดังแห่งวง Spandau Ballet เจ้าของอัลบั้มสุดฮอตฮิตที่มีชื่อว่า "Gold" จะเป็นผู้ส่งมอบให้กับทางห้างเซลฟริดจส์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกันหลายนาย เพื่อความปลอดภัยของช็อคโกแลตทองคำ
ช็อคโกแลตดังกล่าวจะถูกนำไปตั้งโชว์ในแผนกเครื่องประดับและอัญมณีภายใน ห้างเซลฟริดจส์ เป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชม ก่อนที่จะส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากการขาย "Wispa Gold" รุ่นพิเศษ จะถูกนำไปมอบให้แก่องค์กรการกุศล "UK Lowe Syndrome Trust"
"Wispa Gold " เป็นช็อคโกแลตแท่งสอดไส้คาราเมล ที่โรงงานแคดเบอรี่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) แต่ได้เลิกผลิตไปในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) และหวนกลับคืนสู่ท้องตลาดอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 กันยายนปีที่แล้ว โดยผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด และสามารถสร้างสถิติขายช็อคโกแลต จำนวน 41 ล้านแท่งได้หมดภายในเวลาเพียง 18 สัปดาห์ หรือเกือบ 4 แท่งต่อวินาที
via: news.sky, thelondonpaper, mirror, cadbury
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ