วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตำนานรักเศร้า ขูลูนางอั้ว

ตำนานรักเศร้า ขูลูนางอั้ว


.....

ในวันวาเลนไทม์ วันแห่งความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงามสุดแต่ใครจะเลือกรัก "รักด้วยสมอง" รักตามปรัชญาทางพุทธศาสนา "รักแบบเสน่หา" หรือ"รักแบบเมตตา" รักที่สมหวัง หรือรักที่กลาย เป็นเรื่องเศร้า ดังตำนานรัก พื้นบ้านอิสาน ที่น่าจะเล่าสืบทอดไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ "ที่ใดมีรักที่ นั่นมีทุกข์"

ตำนานรักเศร้า วรรณกรรมพื้น บ้านอิสาน "ขูลูนางอั้ว " เปรียบเสมือน โรเมโอ กับจูเลียต แห่งอิสาน

ตำนานแรก ว่ากันว่ามีหมู่ บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อว่า บ้านโคกกง และอีกหมู่บ้าน หนึ่งชื่อ บ้านทุ่งมน สองหมู่บ้านนี้ติดกัน รักใคร่สามัคคีกันดี มีเพื่อนฮักเพื่อนแพง(เสี่ยวกัน)สองครอบครัว ความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อน 2 ครอบครัวสัญญากันไว้ว่า ถ้าใครมีลูกชาย จะให้เป็นเพื่อนกัน หากอีกฝ่ายเป็นหญิงจะให้แต่งงานกัน โดยไม่มี เงื่อนไข

วันหนึ่งฝ่าย นางกาสี อยู่บ้านโคกกง ซึ่งมีสวนส้ม กำลังสุกเหลือง ส่วนฝ่ายบ้าน ทุ่งมน เกิดอยากกินผลส้มเลยชวนพวกมาขอผลส้มกินแต่ นางกาสีหวงไม่ ยอมยกให้ จนเกิดผิดใจกันระหว่างเพื่อน ก็เลยเลิกคบค้ากัน ขนาดว่าจะไม่ให้ลูกหลานคบค้าสมาคมกัน และแค้นใจมาก

18
ปีต่อมา ฝ่ายนางกาสี มีลูกชายชื่อ ขูลู ส่วนอีกฝ่าย มีลูกสาวชื่อ นางอั้ว ทั้งสองเกิดรัก ใคร่ชอบกัน โดยที่ไม่ฟังคำคัดค้านจากฝ่ายพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเลย แม้แต่น้อย พ่อของนางอั้ว กลัวลูกสาวไป ปล่อยตัวปล่อยใจจนเกินงามให้ ขูลู เลยออกอุบายให้นางอั้วแต่งงานกับ ขุนลาง หลานเจ้าสัว มหาเศรษฐีปล่อย เงินกู้ผู้กว้างขวางและเอารัดเอาเปรียบในหมู่บ้านทุ่งมน วันหนึ่ง ขุนลางกับน้าชาย ได้ทวงเรื่อง หนี้สินที่พ่อนางอั้วเคยหยิบยืมไป แต่ก็ไม่มีให้ในที่สุด น้าชายของขุนลาง บังคับให้นางอั้วแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ นางไม่ยินยอม เพราะมีใจให้ขูลูอยู่ จึงตัดสินใจ ในคืนก่อนเข้า พิธีแต่งงานหนึ่งวันกับขุนลาง มอบกายให้ขูลู จากนั้นก็ตัดสินใจผูกคอตาย พอขูลูรู้ข่าวการตาย จึงใช้มีดแทงตัว ตายตามนางอั้วไป

ตำนานที่สอง ท้าวขูลูเป็น โอรสเมืองกาสีและนางอัวเดี่ยมเป็นธิดาของเมืองกายนครทั้งสองเมืองเป็นเพื่อน กัน และได้ให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าฝ่ายใดได้ลูกชายลูกสาวก็จะยกให้แต่งงานกัน ท้าวขูลูกับนางอั้วเคี่ยมเกิดปีเดียวกัน เมื่อเจริญเติบโตนางอั้วเคี่ยมมีความงดงามมาก จนเล่าลือไปถึงขุนลาง ซึ่งเป็นของเขาก่ำ ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ยังไม่เจริญ

ต่อมาเมื่อท้าว ขูลูเจริญวัยอยากมีคู่ครองก็ลามารดามาเมืองกายนคร แล้วได้มีใจต่อนางอั้วเคี่ยม ท้าวขูลูประทับอยู่เมืองกายนครระยะหนึ่ง ก็ลากลับเมือง เพื่อส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ ขุนลางหัวหน้าเผ่าชนภูเขาก็ได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนางอั้วเคี่ยม พระมารดานางอั้วเคี่ยมได้รับปาก
เป็น เพราะนางไม่พอใจมารดาท้าวขูลู ซึ่งเป็นเพื่อนกัน เป็นเพราะเมื่อครั้งตั้งครรภ์นางอั้วเคี่ยม นางได้ไปเที่ยวอุทยานของเมืองกาสี เมื่อเห็นส้มเกลี้ยงก็อยากกิน แต่มารดาของท้าวขูลูไม่ให้ อ้างว่าส้มเกลี้ยงไม่สุกดี จึงทำให้นางน้อยใจและตัดความเป็นเพื่อนกัน นางอั้วเคี่ยมทราบว่ามารดารับปากการสู่ขอของขุนลาง นางก็เสียใจและไม่ยอมรับ

ฝ่ายท้าวขูลูได้ บอกบิดามารดามาสู่ขอนางอั้วเคี่ยม แต่แม่สื่อของขูลูนำสินสอดมาสูขอ ครั้งแรกมารดานางอั้วเคี่ยมไม่ย่อมตกลงอ้างว่าตกลงกับขุนลางไว้ก่อนแล้ว ท้าวขูลูก็ขอให้แม่สื่อมาขอนางอั้วเคี่ยมอีกครั้งและได้พูดทวงสัญญาคำมั่น ที่จะให้บุตร- ธิดาอภิเษกสมรสกัน แต่มารดาของนางอั้วเคี่ยมได้กล่าวถึง ความโกรธเมื่อครั้งส้มเกลี้ยงจึงคืนสัญญาทั้งหมดและได้ทำพิธีเสี่ยงทายสาย แนนว่าเป็นเนื้อคู่กันหรือไม่ ก็พบว่าทั้งคู่เป็นเนื้อคู่กันแต่ต้องตายจากกัน

ฝ่ายขุนลางก็ส่ง คนมาทาบทามเพื่อกำหนดวันอภิเษก เมื่อข่าวกำหนดแต่งงานถึงหูอั้วเคี่ยม ทำให้นางเศร้าโศกเสียใจ นางจึงสั่งนางทาสาไปเชิญท้าวขูลูมาพบนางฝ่ายมารดานางอั้วเคี่ยมทราบว่า ธิดาได้ลักลอบพบกับท้าวขูลูที่สวนอุทยานนาง โกรธมากจึงด่าว่านางอั้วเคี่ยมว่าไปเล่นชู้ นางเสียใจมากจึงพูกคอตายที่อุทยาน เมื่อความทราบถึงเจ้าเมืองและพระมารดาต่างก็เสียพระทัย และนำพระศพเข้าเมืองบำเพ็ญกุศล ขุนลางก็ถูกธรณีสูบตายในคราวเดียวกัน

เมื่อท้าวขู ลูทราบการตายของนางอั้วเคี่ยมก็เสียใจ จึงคว้ามีดแทงคอตัวเองตาย

เพิ่มเติม เมื่อทั้งสองตายไปแล้วได้ไปเกิดเป็นดอกคูลูนางอั้วที่มีกลิ่นหอม อีกตำนานกล่าวว่าเมื่อตายไปทั้งสองกลายเป็นหนอนของแมลงที่ใบกล้วย

ขูลู หรือ ผีพราย หรือ นางกราย ลักษณะเหมือนคนลิ้นห้อยออกมา ต้นสูงประมาณ 50- 80 เซนติเมตร ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

ดอกนางอั้วสา คริก

หนอนใบกล้วย(หนอนนางอั้ว แขวนเหมือนคนผูก คอตายเป็นความเชื่อเรียกตามภาษาพื้นบ้านไม่มีหลักฐานอ้างอิง)

แหล่ง ข้อมูล อ้างอิง

  • http://www.lib.ubu.ac.th/bailan/abstract.html
  • http://kuson27.multiply.com/photos/album/15/15
  • http://gotoknow.org/blog/munmangesan/251589

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ