วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หมาฆ่าเสือ ยากที่จะเชื่อแต่มีอยู่จริง "โดโก อาเจนติโน" เก่งใหญ่ "พิทบูล เทอร์เรีย" เก่งเล็ก

หมาฆ่าเสือ ยากที่จะเชื่อแต่มีอยู่จริง "โดโก อาเจนติโน" เก่งใหญ่ "พิทบูล เทอร์เรีย" เก่งเล็ก

หมา ฆ่าเสือ ยากที่จะเชื่อแต่มีอยู่จริง "โดโก อาเจนติโน" เก่งใหญ่ "พิทบูล เทอร์เรีย" เก่งเล็ก

เสือคือเจ้าป่าใครก็ทราบดี เสือปลา เสือดำ เสือลายเมฆ เสือดาว เสือชีต้าห์ เสือโคร่ง รวมสิงโตด้วย สัตว์ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายแมวแต่มีสัดส่วนของรูปร่างที่ใหญ่กว่า

เสือ ปลาเป็นเสือขนาดเล็กที่สุด มีน้ำหนักอยู่ที่ 7-11 ก.ก. นอกจากเสือปลาจะมีขนาดเล็กที่สุดแล้ว(ไม่รวมเสือในสกุลฟีลีสชนิดอื่น เช่น แมวดาว แมวลายหินอ่อน แมวป่า หรือ เสือไฟ) เสือปลายังเป็นเสือที่มีความดุร้ายที่สุดด้วย เคยมีนักสำรวจพบเห็นเสือปลาฆ่าเสือเมฆที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวมันเองประมาณ 18 ก.ก. เสือปลาคงเป็นเสือชนิดเดียวที่ไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้(มีสัญชาตญาณใน ความเป็นสัตว์ป่าสูง)

หาก มีใครบอกเราว่าหมาฆ่าเสือได้ คงจะกลายเป็นเรื่องตลกในวงสนทนานั้น เพราะในความเป็นจริงคงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หากให้คนทั่วไปนึกถึงภาพสุนัขที่ฆ่าเสือที่พอจะเป็นจริงได้ ก็คงจะนึกถึง"หมาใน"หรือ"ฮายีนา" ชึ่งเป็นหมาป่าชนิดหนึ่งที่อยู่ในแอฟริกา เพราะเมื่อมันรวมกลุ่มอยู่เป็นฝูง สิงโตก็ยังไม่กล้าเข้าไกล้

โดยธรรมชาติของสุนัขไม่ว่าพันธุ์ใดก็ตามเราจะสังเกตุได้ว่า "มันชอบที่จะเอาตัวเกลือกกับของเน่าเหม็น" โดยเฉพาะซากศพของสัตว์ แม้ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์ต่างประเทศที่มีราคาแพงก็ตาม มักจะมีพฤติกรรมดังกล่าวให้ได้เห็น ที่จริงพฤติกรรมนี้ของสุนัขเป็นสัญชาตญาณของความเป็นสุนัขป่าที่ยังมีหลง เหลืออยู่ การเอาตัวไปเกลียกถูกับซากสัตว์ที่ตายแล้ว เป็นสัญชาตญาณในการพรางตัวจากสัตว์นักล่าโดยเฉพาะเสือนั่นเอง สัญชาตญาณนี้ที่มีอยู่ในตัวสุนัขทุกสายพันธุ์เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ามันกลัว สัตว์นักล่าที่จะเอาชีวิตของมัน

ใน เมื่อเป็นแบบนั้นจะเป็นไปได้หรือที่จะมีสุนัขที่มีความกล้าพอที่จะเข้าไป ต่อสู้กับเสือ ในข้อนี้คงมีข้อยกเว้นที่เสือโคร่ง เพราะด้วยขนาดความยาวลำตัวถึงปลายหาง 3 เมตร น้ำหนัก 300 ก.ก. คงไม่มีสุนัขพันธุ์ไหนที่จะถูกพัฒนาขึ้นให้ต่อสู้กับมันได้อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่สุนัขที่มีขนาดใหญ่พันธุ์ "อิงลิช แมสติฟ" (English Mastiff) ตัวที่ใหญ่ที่สุดยังมีน้ำหนักแค่ 156 ก.ก. มีน้ำหนักตัวแค่เพียงครึ่งเดียวของเสือโคร่ง

ความ หมายที่บอกว่าสุนัขที่สามารถต่อสู้กับเสือได้หมายถึงเสือที่มีขนาดไล่เลี่ย กับสุนัขขนาดใหญ่ สำหรับคนที่สนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องสุนัขพันธุ์ต่างๆจะทราบดีว่ามี สุนัขพันธุ์ที่ถูกมนุษย์พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นเพื่อใช้ในการล่าเสือ ได้แก่สุนัขพันธุ์ "ฟิลา บราซิลเลียโร่" ที่ถูกใช้ในการล่าเสือ"ชีต้าห์" แต่เท่าที่ทราบก็ยังอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าใช้ "ฟิลา บราซิลเลียโร่" หลายตัวในการล่าเสือ 1 ตัว

ใน คลิป "โดโก อาเจนติโน่" ตัวสีขาว "ลาบราดอร์" ตัวสีดำ

สุนัข ที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการล่าสัตว์มีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่เท่าที่ทราบว่าถูกนำมาใช้ในการล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มีเพียง 2 สายพันธุ์(อาจมีพันธุ์อื่นอีกที่ไม่ทราบ)คือ "ฟิลา บราซิลเลียโร่" ใช้ล่า "เสือซีต้าห์" และพันธุ์ "โดโก อาเจนติโน่" ใช้ในการล่าหมูป่า เป็นที่น่าแปลกใจที่ไม่เคยพบคลิปใน"ยูทูป"ที่เป็นภาพเหตุการ "ฟิลา บราซิลเลียโร่" ล่า "เสือซีต้าห์" แต่กลับพบคลิปที่ "โดโก อาเจนติโน่" ต่อสู้กับ "เสือพูม่า" (ภาพในคลิปไม่ชัดอาจเป็นเสือชนิดอื่น)

"โด โก อาเจนติโน่" ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดยการใช้สุนัขหลายพันธุ์ผสมกันมี เกรทเดน, บ๊อกเซอร์, สแปนิช แมสติฟ, โอลด์ อิงลิช บูลด็อก, บูล เทอร์เรีย, เกรท พีเรนีส, พอยต์เตอร์, ไอริช วูฟฮาวด์ และ ด็อจ เด บอร์โดซ์ ซึ่งพันธุ์ "บูล เทอร์เรีย" เป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นส่วนประกอบในการพัฒนาสายพันธุ์ ซึ่ง "บูล เทอร์เรีย" เป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์ไกล้ชิดกับ "อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย"

"โดโก อาเจนติโน่" ถูกจัดอยู่ในสุนัขที่มีขนาดใหญ่ ส่วน "อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย" เป็นสุนัขขนาดกลาง นอกจากข้อแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องขนาดแล้ว ความดุดันหรือความก้าวร้าวของ "โดโก อาเจนติโน่" จะมีน้อยกว่า สาเหตุสำคัญที่ผู้เลี้ยง "อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย" ไม่นิยมตัวใหญ่เพราะยากต่อการควบคุม

โดยความเห็นส่วนตัว สำหรับผู้ที่พัฒนาสายพันธุ์สุนัขพันธุ์ "อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย" ไม่ควรทำให้มันตัวใหญ่จนเกินความจำเป็น เพราะแม้ว่าพิทบูลจะมีตัวใหญ่จนสามารถล่าเสือขนาดใหญ่ได้ ถามว่าในยุคปัจจุบันเรามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้สุนัขในการล่าเสือ จำนวนเสือเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่คนกลับเป็นภัยคุกคามสำคัญในการสูญพันธุ์ของเสือหลายชนิด ความพยายามในการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดใหญ่ จึงเป็นเรื่องที่เกิดผลเสียมากกว่าผลดี

การล่าของสัตว์ ป่าเป็นสัญชาตญาณในการดำรงชีพ แต่การล่าของมนุษย์มักจะเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของตนจนเกินความพอดี การที่มนุษย์ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลเป็นการทำร้ายตนเอง เพราะสุดท้ายแล้วความเดือดร้อนที่เกิดจากความไม่พอเหมาะพอดีนั้นย่อมส่งผล ย้อนกลับมาสู่ตัวมนุษย์ในที่สุด

อ้าง อิง

http://th.wikipedia.org /wiki/เสือ

http://th.wikipedia.org /wiki/เสือปลา

http://en.wikipedia.org/wiki/Hyena

http://en.wikipedia.org/wiki/Tiger

http://en.wikipedia.org/wiki/English_Mastiff

http://en.wikipedia.org/wiki/Dogo_Argentino

http://www.oknation.net/blog/19/2010/05/25/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ