10 อันดับ สุดยอดหญิงนักบุกเบิกกีฬา
อันดับที่ 10สมเด็จพระราชินีแมรี่แห่งอังกฤษ
ตำนานเล่าขานกันว่า สมเด็จพระราชินีแมรี่แห่งอังกฤษ ทรงโปรดปรานกีฬากอล์ฟมากเป็นพิเศษ และสิ่งที่ยืนยันถึงความเกี่ยวเนื่องของพระองค์ กับกีฬากอล์ฟที่ยังคงหลงเหลือไว้ในยุคปัจจุบันก็คือการบัญญัติศัพท์คำว่า แคดดี้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า แคเด็ตส์ (cadets) หรือผู้ช่วยที่คอยตาม ดูแลรับใช้พระองค์อยู่ข้างๆ ระหว่างทรงกอล์ฟที่สนามอยู่นั่นเอง
อันดับที่ 9
มิลเดร็ด ดิดริกสัน ซาฮาเรียส
กล่าวกันว่าหากพิจารณาถึงนักกีฬาที่มีความสามารถรอบด้านชนิด ครบเครื่อง ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก โดยมองผ่านสายตาเป็นกลาง แล้ว ไม่มีคำตอบใดจะเหมาะสมไปกว่า มิลเดร็ด ดิดริกสัน ซาฮาเรียส หรือ เบ๊บ อีกแล้ว! เบ๊บเป็นทั้งนักกรีฑาเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคเกมส์ ปี 1932 เป็นโปรกอล์ฟอาชีพที่คว้าแชมป์มาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งยังเคยเข้าร่วมการแข่งขัน พีจีเอทัวร์รายการลอสแองเจลิส โอเพ่น พร้อมทำผลงานผ่านการตัดตัวด้วยตัวเองแบบที่ยังไม่เคยมีนักกอล์ฟหญิงคนไหนใน ปัจจุบันทำได้ ยังมีกีฬาอีกหลากหลายที่เบ๊บเลือกเล่น ทั้งบาสเกตบอล จักรยาน ว่ายน้ำ บิลเลียด ฯลฯ ที่น่าทึ่งก็คือไม่ว่าจะกีฬาไหนเธอก็ทำได้ดีทุกอย่าง จน ตอนที่ถูกถามว่ามีอะไรที่เธอไม่เล่นบ้างมั้ย เบ๊บก็หัวเราะและตอบอย่างอารมณ์ดีว่า มีค่ะ ตุ๊กตาไงล่ะ ซะอย่างงั้นเลย!?!
อันดับที่ 8
คุณยายแอนนี่ เทย์เลอร์
ใครจะไปคาดไปคิดว่ากีฬาเอ็กซ์ตรีมที่เราอินเท รนด์กันอยู่ตอนนี้ จะมีคน ล้ำสมัย เล่นมาตั้งแต่ปี 1901 นู่นแล้ว ที่สำคัญคนที่ริเริ่มท้าทายอะไรที่ มันสุดขั้วนี้ยังเป็นคุณยาย แอนนี่ เทย์เลอร์ ที่อายุปาเข้าไป 63 ปี อีกต่างหาก! คราวนั้นคุณยายท้ามฤตยูโดยการนั่งถังเบียร์ไหลลงมาตามน้ำตกไนอาการาสู้ พื้นน้ำเบื้องหลังคิดเป็นความสูงถึง 175 ฟุต!! ...ไม่ใช่เพื่อความสะใจ อะไร แต่เป็นการโชว์สตั๊นท์ท้าความตายเพราะแกกำลัง ถังแตก อยู่เท่านั้นเอง!! คุณยายทำสำเร็จก็จริง แต่ประโยคแรกที่ได้รับการบันทึกไว้หลัง ขึ้นจากน้ำคือ อย่าได้คิดทำตามเป็นอันขาด! ซึ่งก็แน่นอนว่ากว่าจะหาคนระห่ำได้เท่าแกก็อีกนานทีเดียว!
อันดับที่ 7
บิลลี่ จีน คิง
ในปี 1973 ผู้หญิงทั่วสหรัฐอเมริกาต่างเปิดโทรทัศน์จูนคลื่นไปชมการแข่งขันเทนนิส ระหว่าง บิลลี่ จีน คิง สุดยอดนักหวดหญิงของยุค และ บ็อบบี้ ริกก์ส อดีตนักเทนนิสชายมือ 1 ของโลกวัย 55 ปี ในรายการพิเศษ แบทเทิล ออฟ เซ็กซ์ ที่ฮุสตัน ซึ่งเปิดตัวกันอย่างอลังการราวกับงานเทศกาล ก่อนจะลงเอยด้วยชัยชนะของคิงซึ่งกลายเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงอีกหลายๆ คนที่กำลังต่อสู้เพื่อความเสมอภาคทางเพศอยู่ในขณะนั้น
อันดับที่ 6
เวนดี้ ทอมส์
แม้วงการลูกหนังเมืองผู้ดีจะยังไม่เปิดกว้างรับ ผู้จัดการทีมหญิง แต่อย่างน้อยๆ ก็มีกรรมการหญิงลงไปทำหน้าที่ในสนามพรีเมียร์ชิพมาแล้วอย่าง เต็มภาคภูมิ กรรมการหญิงคนแรกที่ได้รับความไว้วางใจในทำหน้าที่ในลีกยอดนิยมอันดับ 1 ของโลกคือ เวนดี้ ทอมส์ ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วย ผู้ตัดสินในลีกอาชีพของอังกฤษเมื่อปี 1991 ก่อนจะได้เลื่อนชั้นไปตีธงในพรีเมียร์ชิพในอีก 6 ปีต่อมา และตอนนี้เธอก็ได้เลื่อนขั้นมาเป่าเกมฟุตบอล ลีกคอนเฟอเรนซ์ของเมืองผู้ดีเรียบร้อยแล้ว
อันดับที่ 5
เชอรี่ ลุงกี้
เช่นเดียวกับเมื่อคราว เวลเวท บราวน์ บทบาทจ๊อกกี้หญิงในหนังของฮอลลีวู้ดเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว เมื่อปี 1989 เชอรี่ ลุงกี้ ดาราสาวชาวเมืองผู้ดี ได้จุดประกายความฝันและความเป็นไปได้เล็กๆ ผ่านจอโทรทัศน์ กับบทบาทกุนซือหญิงคนแรกของวงการฟุตบอลอาชีพเมืองผู้ดีในซีรีส์ แมเน เจอเรส ซึ่งตัวลุงกี้เองมาให้สัมภาษณ์ติดตลกในภายหลังว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ฟุตบอลเลยแม้แต่นิดเดียว บางทีเธอคงจะต้องหาทางเข้าไปเทก โอเวอร์สโมสรใดสโมสรหนึ่งเข้าแล้วล่ะมั้ง!?! ปล.รูปแทนเพราะหารูปเจ้าหล่อนไมได้เลยจริงๆ
อันดับที่ 4
คาเรน พาร์เลอร์
ถึง คาเรน พาร์เลอร์ แม่บ้านชาวเมืองผู้ดีจะไม่ได้มีผลงานโดดเด่นในการแข่งขันกีฬาใดๆ แม้แต่เพียงครั้งเดียว เธอเองก็ถือเป็นหนึ่งใน ผู้บุกเบิก ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกี่ยวพันกับวงการกีฬาอย่างอ้อมๆ อยู่เหมือนกัน คาเรนเป็นภรรยาเก่าของ เรย์ พาร์เลอร์ อดีตกองหลังคนดังของทีม อาร์เซน่อล ตอนที่ทั้งคู่หย่าขาดจากกันเมื่อปี 2004 พาร์เลอร์ตกลงที่จะจ่ายค่า เลี้ยงดูให้กับคาเรน 120,000 ปอนด์ต่อปี แต่เธอก็ร้องต่อศาลว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอต้องช่วยเหลือดูแลประคับประคองครอบครัว ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้ชีวิตของอดีตหนุ่มโสดสำมะเลเทเมาอย่างพาร์เลอร์กลับมาเข้าที่ เข้าทางจนประสบความสำเร็จในอาชีพนักเตะได้ เธอจึงสมควรที่จะได้รับ รางวัลจากความพยายามเหล่านั้นด้วย ศาลอังกฤษเห็นชอบในเหตุผลนี้ และสั่งให้พาร์เลอร์จ่ายค่าเลี้ยงดูคาเรนเพิ่มเป็น 400,000 ปอนด์ต่อปี และนี่ได้ กลายเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับเหล่า ฟุตบอลเลอร์ส ไวฟ์ส ในเวลาต่อมาในที่สุด! ปล.รูปแทนเพราะหารูปเจ้าหล่อนไมได้เลยจริงๆ
อันดับที่ 3
เจ้าหญิงคีนิสก้า
ย้อนหลังกลับไปในยุคที่กีฬาโอลิมปิคเกมส์เพิ่ง ถือกำเนิดในยุคกรีกโบราณ ครั้งนั้น สนามกีฬายังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ชายที่เพศหญิงไม่ได้รับ อนุญาตให้ย่างเท้าเข้าไปด้านใน กระนั้นก็ยังมีข้อยกเว้น สำหรับ เจ้าหญิงคีนิสก้า พระขนิษฐาของกษัตริย์แห่งสปาร์ต้า ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นกรณี พิเศษให้ร่วมแข่งขันในฐานะเจ้าของรถศึก และเจ้าหญิงคีนิสก้าก็ทรงรถม้าคว้าชัยในการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ปี 396 ก่อนคริสต์ศักราช และอีก ครั้งใน 4 ปีถัดมา แต่เพราะเป็นหญิง ถึงจะได้รับอนุญาตให้ร่วมแข่งขันและได้รับชัยชนะ เจ้าหญิงคีนิสก้ากลับไม่มีโอกาสได้รับรางวัลเหมือนเช่นนัก กีฬาชายคนอื่นเลยแม้สักครั้งเดียว!
อันดับที่ 2
อลิซาเบธ เทย์เลอร์
อลิซาเบธ เทย์เลอร์ นางเอกสาวอมตะของฮอลลีวู้ด เคยสวมบทบาท เวลเวท บราวน์ จ๊อกกี้สาวผู้ควบม้าคู่ใจคว้าแชมป์แกรนด์เนชั่นแนล ในภาพยนตร์ เนชั่นแนล เวลเวท เมื่อปี 1944 ท่ามกลางความตื่นเต้นของผู้ชม แต่กว่าที่เรื่องราวในจินตนาการนั้นจะกลายเป็นจริงก็ตั้งอีก 33 ปีต่อมา เมื่อ ชาร์ล็อตต์ บรูว์ กลายเป็นจ๊อกกี้หญิงคนแรกที่ได้ร่วมแข่งขันแกรนด์เนชั่นแนล แต่น่าเสียดายที่ บาโรนี่ ฟอร์ท ม้าของเธอไม่ยอมข้ามรั้วหนึ่ง บรูว์เลยพลาด โอกาสจบการแข่งขันอย่างที่คาดหวังไว้
อันดับที่ 1
เกอร์ทรูด เอเดอร์เล่
เกอร์ทรูด เอเดอร์เล่ เงือกสาวชาวอเมริกัน เจ้าของแชมป์โลกและเหรียญทองโอลิมปิค ทำให้ผู้ชายอกสามศอกต้องสะอึกไปตามๆ กัน หลังจาก กลายเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษได้สำเร็จ เมื่อปี 1926 ซึ่งก่อนหน้านั้นเพิ่งมีผู้ชายเพียง 5 คนเท่านั้นที่ทำได้ ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อมีการคำนวณเรื่องคลื่นลมมาประกอบกัน ทำให้ทราบว่าจากระยะทางปกติ 21 ไมล์ (33.8 กิโลเมตร) อุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้ระยะทางว่ายเพิ่มขึ้นเป็นร่วมๆ 35 ไมล์ (56.3 กิโลเมตร) แต่ถึงอย่างนั้น เอเดอร์เล่ซึ่งยังเป็นสาวสะพรั่งวัยเพียง 19 ปี ในขณะนั้นก็ยังทำสถิติ เวลาว่ายของพวกผู้ชายเสียกระจุยกระจาย ด้วยเวลารวม 14 ชั่วโมง 39 นาที! กล่าวกันว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้หญิงอเมริกันอีกกว่า 60,000 คน ได้แรงบันดาลใจจากเอเดอร์เล่และไปว่ายน้ำข้ามช่องแคบดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ ให้โลกรู้ว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ