ก้อย
มาดูกันเร๊ว
วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553
การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง
การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง 1
พวกเราทุก คนต่างก็เคยผ่านประสบการณ์ต่างๆในชีวิตมาไม่มากก็น้อย บางครั้งอาจเคยล้มเหลวในบางเรื่อง บางคราวอาจประสบความสำเร็จในบางสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คนเราเมื่อเกิดมาแล้วคงไม่มีใครไม่เคยทำอะไรผิดพลาด
เพราะผู้รู้กล่าวไว้ว่า
“
คนที่ยังไม่เคยทำอะไรผิดพลาด คือคนที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร
”
แน่นอนที่ทุกคนต่างต้องเคยพบเจอกับอุปสรรคมาบ้างแล้วในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ทว่าบางครั้งเมื่อเราล้มก็ยังสามารถลุกขึ้นหยัดยืนเพื่อก้าวเดินต่อไปได้ เพราะเมื่อชีวิตยังไม่สิ้น คนเราย่อมสามารถต่อสู้ในการดำเนินชีวิตต่อไปได้เสมอ หากมีกำลังใจพอเพียง
ทว่าในชีวิตที่ผ่านมานั้น พวกเราเคยหยุดเดินแล้วถามตนเองอย่างจริงใจหรือไม่ว่า
“
ย่างก้าวที่เราเดินมานั้นทำไปเพื่ออะไร
”
คำตอบหนึ่งของคำถามนี้ที่หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ก็คือ
“
เราต้องการแสวงหาความสุข
”
เพราะเป็นที่แน่นอนว่าคนเราทุกคนต่างต้องการประสบพบเจอความสุขด้วยกันทั้ง สิ้น คงไม่มีผู้ใดที่ปรารถนาจะได้รับความทุกข์ทรมาน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ยังปรารถนาความสุขเช่นเดียวกันกับเรา แต่คำตอบนี้ก็ยังนำไปสู่อีกหนึ่งคำถามที่ว่า
“
เราพบความสุขที่แท้จริงแล้วหรือยัง
”
ทั้ง นี้เราจะเห็นได้ว่าหลายๆคนที่ต่างพากันทำทุกวิถีทางเพื่อเสาะแสวงหาความสุข ต้องการไขว่คว้าให้ได้มันมา บางครั้งอาจลืมไปว่าสิ่งที่ต้องการนั้นคือความสุข แต่ทว่าแลดูเหมือนยิ่งวิ่งไล่ตามความสุขที่แท้จริงกลับยิ่งหนีห่างออกไป เรื่อยๆ เหมือนกับหลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน ที่เชื่อว่าจะสามารถนำมาซื้อความสุขให้กับตนเองได้ แต่ที่ได้กลับมานั้นเป็นเพียงแค่ความสุขจอมปลอมชั่วครั้งชั่วคราว หลายสิ่งที่เงินไม่อาจซื้อได้ บางคนลืมนึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวไป จนบางครั้งต้องสูญเสียบางสิ่งที่มีค่าไปโดยไม่สามารถเรียกร้องให้กลับคืนมา ได้ บางที คนเรากว่าจะรู้คุณค่าของอะไรสักอย่างก็ต่อเมื่อต้องสูญเสียมันไปแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง 2
โดย ทั่วไปคนเรามักหลงตัวเองว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐมีสติปัญญาสามารถเอาชนะ ธรรมชาติได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ตนไม่รู้ไม่เข้าใจและอีกหลายสิ่งที่ยังไม่อาจจะเอาชนะ ได้ อย่างน้อยที่สุดก็คือ
“
จุดหมายปลายทางของทุกชีวิต
”
นั่นก็คือความตายนั่นเอง
เรา ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกใบนี้ต่างต้องก้าวไปสู่ความตาย ด้วยกันทั้งสิ้นไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ร่ำรวยเพียงไหน สูงศักดิ์เพียงใดก็ต้องตายเสมอกัน
ความตายไม่เคยเลือกที่รัก มักที่ชังหรือเห็นแก่หน้าผู้ใด ราวกับว่าทุกชีวิตที่เกิดมาต่างต้องโทษประหารชีวิตด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ รอลงอาญา ช้าเร็วต่างกันไปเท่านั้น เราจึงควรเห็นอกเห็นใจกันต่อทุกชีวิตที่เป็นเพื่อนร่วมเกิดตาย จะมีประโยชน์อะไรที่จะโกรธกัน ขุ่นข้องหมองใจกัน ในเมื่อเวลาที่จะได้ประสบพบเจอกันนั้นแสนสั้น ความตายนั้นเป็นสิ่งสามัญที่เราจะต้องประสบไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน ทว่าเราโดยมากกลับไม่รู้และไม่เข้าใจ ว่า
“
ชีวิตนี้คืออะไร
”
และ
“
ความตายที่เราจะต้องประสบนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร
”
เราเองกลับมองข้ามและไม่เข้าใจมันอย่างแท้จริงตลอดมา ดังนั้นแม้ว่าเราอาจจะรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย ทำสิ่งต่างๆราวกับเอาชนะธรรมชาติได้ สามารถเหยียบย่างไปถึงดวงจันทร์หรือท่องไปในอวกาศอันไกลโพ้น แต่หากเรายังไม่อาจเข้าใจในเรื่องชีวิตของตนเองอย่างแจ้งชัดแท้จริงแล้ว สิ่งที่เรารู้อื่นๆนั้นอาจไม่สามารถช่วยเหลือนำพาเราไปสู่ความสุขที่แท้จริง ได้
เปรียบเหมือนนักปราชญ์ที่เรียนรู้และเชี่ยวชาญในศาสตร์ ต่างๆมากมาย แต่ว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อเรืออับปางลงในมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่แต่ไม่มีเรือเล็กหรือชูชีพอะไรให้ เกาะได้เลยการจะเอาตัวรอดในสถานการณ์เยี่ยงนี้ก็คงยากเหลือกำลัง ผู้ที่ต้องประสบกับความตายโดยที่มิได้เตรียมตัวรับมันก็คลายคนตกน้ำในพายุ ที่โหมกระหน่ำโดยที่ไม่เคยฝึกว่ายน้ำมาก่อนและไม่มีเครื่องชูชีพอันใด
ชีวิต คนเราในยุคนี้อย่างยืนยาวก็เกินร้อยปีไปไม่มากนัก อย่างไรเสียก็ต้องก้าวย่างไปสู่ความตาย ทว่าความตายมิใช่ว่าจะมาในยามที่เราพร้อมรับมือเสมอไป คนเราไม่อาจรู้ได้ว่าความตายจะมาเยือนเมื่อใด ฉะนั้นแท้จริงแล้วเราไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต เด็กบางคนตายตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา บางคนเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ตาย บางรายตายแต่ยังเยาว์วัย บางคนก็ตายในวัยหนุ่มสาว ขณะที่ส่วนหนึ่งตายเมื่อแก่เฒ่าถึงวัยชรา เห็นได้ว่า
“
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน
สิ่งที่แน่นอนก็คือความไม่แน่นอน
”
นี้เป็นสัจธรรมของโลกอย่างหนึ่งซึ่งยากที่จะปฏิเสธ ดังนั้น อย่าประมาทว่าเรายังเด็กอยู่ ยังหนุ่มยังสาวอยู่ เรื่องความตายคงจะยังอีกไกล ในความเป็นจริงคนหนุ่มสาวตายก่อนผู้เฒ่าคนชราก็มีมากมาย ใช่ว่าผมขาวจะต้องตายก่อนผมดำเสียเมื่อไร เราคงจะเคยพบเห็นผมขาวเผาผีผมดำมาบ้างแล้ว
ฉะนั้นผู้ประมาทในชีวิตคิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัวควรรีบเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ก่อนที่จะสายเกินแก้
การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง 3
ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า ความตายอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก
“
หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย
”
เวลาที่เรานอนหลับลงไปในคืนนี้ วันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง เราจะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ก็ไม่มีใครจะรับประกันได้ ชาวธิเบต จึงมีภาษิตว่า
“
เราไม่อาจทราบได้ว่า วันพรุ่งนี้หรือชาติหน้าจะมาถึงก่อนกัน
”
ดัง นั้นพวกเราทุกคนจึงควรเห็นคุณค่าของชีวิตของเรา ว่าชีวิตนี้แสนสั้น ทว่ามีค่ายิ่งหากเรารู้ค่าของชีวิตอย่างแท้จริง เราจะดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องดีงามและมีความหมาย ก่อนที่เราจะลาลับจากโลกนี้ไป
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า
“
ประสบความสำเร็จในชีวิต
”
บางคนคิดว่าคือการได้เรียนจนสำเร็จการศึกษาสูง ๆ หรือไม่ก็เป็นอัจฉริยะที่คิดค้นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทำให้ทุกคนยอมรับและจดจำ บางคนคิดว่าคือการร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติให้ใช้อย่างสบายไปตลอดชีวิต บางคนก็คิดว่าต้องได้แต่งงานกับคนที่ดีพร้อมและมีลูกที่น่ารัก มีครอบครัวที่อบอุ่น
สิ่ง เหล่านี้ ใช่การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริงหรือเปล่าหนอ อาจจะใช่ถ้าความสุขนั้นเป็นสิ่งเที่ยงแท้แน่นอนไม่แปรผันและคงอยู่ตราบนาน เท่านานมิเสื่อมสลาย ทว่าความเป็นจริงมิได้มีสิ่งใดที่จีรังยั่งยืน แม้เราอาจมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่เรารักและรักเราที่ดีแสนดีสักปานใด แต่เราก็ไม่อาจฝืนกฎธรรมชาติ ไม่สามารถอยู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์ได้ ทรัพย์สมบัติภายนอกก็มิอาจรับประกันได้ว่าจะอยู่กับเราตลอดไป หลายคนเคยร่ำรวยแล้วต้องกลับตกอับยากจน หลายคนเคยยิ่งใหญ่ก็อาจกลับตกต่ำได้
ชีวิตคนเรามิใช่อะไรที่มั่นคงถาวร ในความเป็นจริงนั้นมันแสนจะคลอนแคลนหาได้เป็นไปดังใจเราต้องการทุกอย่างไม่
ฉะนั้นสิ่งใดเล่าที่จะเป็นการประสบความสำเร็จที่แท้จริงในชีวิตของคนเรา
แน่นอนที่สุดว่าสิ่งนั้นก็คือความสุขที่แท้จริงที่จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงแปรผันไป นั่นคือ
“
ความพ้นทุกข์
”
อันเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต่างต้องการอย่างแท้จริง
การประสบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง 4
สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ การประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ก็คือ
“
อยู่อย่างมีความหมาย และจากไปอย่างเป็นสุข
”
เพราะชีวิตนี้มีเริ่มต้นและสิ้นสุดเป็นของคู่กัน ซึ่งแท้ที่จริงหาได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นและสิ่งใดสิ้นสุดจริงๆไม่ ทว่าเป็นเพียงกระแสของการแปรเปลี่ยนตามเหตุตามปัจจัยที่เรียกว่า
“
ความเป็นเช่นนั้นเอง
”
แต่ โดยสายตาของสามัญชนย่อมสมมติบัญญัติว่าชีวิตมีเกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มและตายลง เป็นจุดสุดท้ายหากยังมีกระแสแห่งความสืบเนื่องก็ย่อมเกิดขึ้นสืบต่อและดับไป เป็นที่สุด เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิดเป็นกระแสต่อเนื่องไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งในความเป็นจริงหาได้ควรแก่การยึดติดยึดถือให้เกิดทุกข์เกิดโทษไม่
ใน เมื่อเราเกิดมาแล้วก็ต้องตายไป ฉะนั้นขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่นี้ การที่เราทำสิ่งที่ดีงามแบ่งปันความสุขให้แก่ทุกชีวิตที่พบเจอ ทำหน้าที่ของตนให้เป็นประโยชน์ต่อสรรพชีวิต มองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง และค่อยๆสลัดทิ้งความยึดมั่นถือมั่นสำคัญผิด นี่เป็นการทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่า ทำชีวิตให้เป็นชีวิตที่เปี่ยมความหมาย มากกว่าการอยู่เพียงเพื่อตนเองหรือพรรคพวกตัวเองเท่านั้น
ความสุขจากการให้นั้นยิ่งใหญ่กว่าความสุขจากการรับ พึงจำไว้ว่า
“
อยู่เพื่อตัว อยู่แค่สิ้นลม อยู่เพื่อสังคม อยู่ชั่วฟ้าดิน
”
ฉะนั้นเราควรที่จะคิด พูด ทำ เพื่อประโยชน์ของตนเป็นที่สอง เพื่อประโยชน์ของสรรพชีวิตเป็นที่หนึ่ง นี่คือการดำเนินชีวิตที่เรียกว่าก้าวไปบนหนทางของผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต ที่แท้จริง ที่ดำรงอยู่อย่างเปี่ยมล้นด้วยความสุขมีชีวิตที่
“
อยู่อย่างมีความหมาย
”
ทว่าอีกประการที่ขาดเสียมิได้ก็คือเมื่อความตายมาถึง เราต้องสามารถก้าวผ่านความตายไปได้อย่างองอาจงดงาม เราต้องมีจิตใจที่เป็นอิสระจากความยึดมั่นถือมั่น สามารถจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบและเป็นสุข ปราศจากความหวั่นวิตกกังวลขุ่นข้องหมองใจ
แต่นี่จะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อเราได้ฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายไว้ อย่างเพียงพอตั้งแต่เรายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น การเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับชั่วขณะสุดท้ายของชีวิตนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ หลายคนอาจมองข้าม ฉะนั้นหากเราปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงแล้ว เราจำเป็นต้องฝึกฝนจิตใจของเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความกรุณาและเข้าใจความ จริงของสรรพสิ่งตามความเป็นจริงที่พ้นจากความยึดถือและการปรุงแต่ง ช่วยเหลือเกื้อกูลสรรพชีวิตตามความสามารถและโอกาสบทบาทหน้าที่ฐานะและจังหวะ ชีวิตของตน เป็นการก้าวเดินไปด้วยความสุขที่แท้และเตรียมพร้อมที่จะก้ามข้ามผ่านพ้นความ ตายไปอย่างสงบและงดงาม เราจึงจะถือได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างถูกต้องแท้จริง นั่นคือ
“
อยู่อย่างมีความหมาย และจากไปอย่างเป็นสุข
”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ