บทความ..ไม่กล้าเสี่ยง...แล้วจะรวยได้ไง!
ตามความหมายในพจนานุกรมบอกไว้อย่างนี้...
เสี่ยง หมายความถึงง... ลองเผชิญดู
เสี่ยงชีวิต คือ เสี่ยงอย่างไม่คิด ชีวิต
เสี่ยงทาย คือ ทำนายโชค โดยฉลากหรือเครื่องหมาย เป็นต้น
เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรม แปลว่า การที่เราทำอะไรที่มันเสี่ยง แปลว่า เราไม่หวั่นเกรง แบะ ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ดังนั้น ถ้าอยากจะรวยก็ต้องเสี่ยง แสดงว่าคุณก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า ผลที่ออกมาถึงแม้ว่าจะออกมาเป็นความจนแทนที่จะรวยก็ต้องยอมล่ะ(เป็นไงเป็น กัน)
ทุกวันนี้ คนเราดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น จะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ย่อมแล้วแต่ว่าใครจะมีทางเลี่ยงหาทางป้องกันหรือผ่อนปรนความเสี่ยงจากหนัก เป็นเบาได้มากกว่ากัน
การเสี่ยงบางอย่างทำให้เราเสียเงิน บางอย่างเสียเวลา บางอย่างก็ต้องเสียทั้งเงินและเวลา นอกจากนั้น ยังอาจเสียโอกาสที่ไม่มีวันจะหวนกลับมาได้อีก
ความเสี่ยงตามนัยของการลงทุนมีความหมายกว่างกว่าที่เราเข้าใจกันทั่วไป เพราะปกติเรามักเข้าใจว่าผลของการเสี่ยง มักจะเป็นไปทางด้านลบอย่างเดียว เช่น มองว่าความเสี่ยงของการจราจร คือ อุบัติเหตุทำให้เกิดความเสียหาย ความเสี่ยงของการทำธุรกิจ คืออาจจะขาดทุนและหมดตัว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เราพูดถึง คือ ความเสี่ยงของการลงทุน
ความหมายของมันก็คือ ความไม่แน่นอน คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผิดไปจากที่คาดคะเนไว้ ซึ่งอาจเบี่ยงเบนไปจากที่กำหนด เช่น สมมติว่าเราตัดสินใจ ที่จะซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งจากสถิติบิกว่าหุ้นตัวนี้ให้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 10
คงไม่มีใครสามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าเราลงทุนในหุ้นนี้แล้วจะต้องได้ผลตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น โอกาสที่อัตราผลตอบแทนจะเบี่ยงเบนไปในทางที่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ก็มีอยู่และที่จะสูงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นไปได้
ในทางวิชาการเขาเรียกโอกาสที่มันจะเบ้ไปทางโน้นทางนี้ว่า ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และเรียกช่วงกว้างของการเบี่ยงเบนทั้งสองทางนี้ว่า ความแปรปรวน (Variance)
จากตัวอย่างนี้สมมติต่อว่า ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานที่คำนวณได้ คือ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่ผลตอบแทนจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ (ค่าเฉลี่ย 10 บวกค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน 20 เท่ากับ 30 ) และขณะเดียวกัน ก็มีโอกาสต่ำสุดที่ – 10 เปอร์เซ็นต์ได้ (10-20 นั่นคือขาดทุน)
ดังนั้น ความเสี่ยง กับ ผลตอบแทน จึงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันเสมอเหมือนกับปาท่องโก๋
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงสรุปเป็นทฤษฎีได้ว่า การลงทุนใดก็ตามที่มีอัตราผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็ย่อมจะสูงตามไปด้วย
ความเสี่ยงเหล่านั้นมาจากอะไรบ้าง โอ๊ย....... เป็นไปได้สารพัด มีทั้งส่วนที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ เช่น จากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย จากเงินเฟ้อจากการประกอบธุรกิจ จากอัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ
ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัท เช่น คาดกันว่าจะได้กำไรแต่พอประกาศผลการดำเนินงานออกมากลับกลายเป็นว่าขาดทุน หรือเป็นความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวหุ้นเลย เช่น พอมีข่าวสหรัฐบุกอิรัก ตลาดหุ้นทุกแห่งก็ปรับตัววูบลงอย่างทันควัน อะไรอย่างนี้ เป็นต้น
ความเสี่ยงทั้งหลายทั้งปวงนั้น เราไม่อาจขจัดได้ หากแต่ทำให้มันลดลงได้โดยวิธีการกระจายความเสี่ยง
ซึ่งจะพูดรายละเอียดกันต่อไป
บรรดาเศรษฐีทั้งหลายนั้น กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พวกเขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงมาแล้วไม่มาก็น้อย การเสี่ยงของเขาเหล่านั้น มิใช่เป็นการเสี่ยงโชคตามปกติธรรมดา ที่บรรดาผู้หวังรวยลัดนิยมทำกัน หากแต่เป็นการลงทุนที่ได้มีการพิจารณาในทุกด้านผ่านการกลั่นกรองอย่าง ละเอียด และได้ลองผิดลองถูกจนกลายเป็นประสบการณ์และความ เชี่ยวชาญเฉพาะบุคคล
วอร์เรนต์ บัฟเฟต์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า ถ้าคุณตื่นตระหนกและทนเห็นหุ้นที่ถือมีราคาตกลงมามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ คุณก็ไม่ควรที่จะอยู่ในแวดวงตลาดหุ้นต่อไป
บทความจากหนังสือ ความมั่งคั่งใครบ้างไม่อยากมี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ