วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มหันตภัย มือถือ'โทร.นาน'

มหันตภัย มือถือ'โทร.นาน'


AIS-DTACสะเทือน
ผลวิจิยชี้ชัด'อัลไซเมอร์-มะเร็ง-หัวใจวาย'

เตือนวัยรุ่นเกิดโรค"อัลไซเมอร์"
ใช้มือถือเกินวันละ2ชม.สารพัดโรค

กระทรวงวิทยาศาสตร์ - แฉมหันตภัย"มือถือ" ลูกค้า 30 ล้านคนยังไม่รู้ นักวิจัยชี้คลื่นมือถือมีผลต่อสมอง เซลล์สืบพันธุ์ ก่อให้เกิดสารพัดโรค "หัวใจวาย-มะเร็ง-เป็นหมัน" เตือนวัยจ๊าบชอบเม้าท์แหลก ผลทดลอง GSM ระบุโทร.เกินวันละ 2 ชั่วโมงเสี่ยงเป็น"อัลไซเมอร์"ก่อนวัยสูงอายุ เผยอันตรายเด็กเล็กพูดมือถือคลื่นรังสีจะทำลายเซลล์สมองโดยพ่อแม่ไม่รู้ตัว ขณะที่ย่านชุมชนติดตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณมือถือก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน ด้านนักวิชาการสุมหัวพิสูจน์ภัยมืดก่อนชงรัฐบาลออกมาตรการคุมเข้มความแรงของ คลื่นมือถือ

โทรศัพท์มือถือเครื่องมือสื่อสารยุคไฮเทค กลายเป็นปัจจัย 5 ที่คนไทยทุกคนต่างเสาะหามาเป็นเจ้าของ ทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่องาน มีไว้เพื่อติดต่อกับคนรู้จักง่ายขึ้น หรือวัยรุ่นอินเทรนด์ตามแฟชั่นเพื่ออวดเพื่อนๆ จนทำให้ยอดขายมือถือแต่ละปีเติบโตแบบก้าวกระโดด ปี 2547 คาดว่ายอดลูกค้าจะพุ่งพรวดเป็น 30 ล้านคน

ขณะที่คนไทยนิยมใช้มือถือกันชนิดติดกันงอมแงม แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือก็มีมหันตภัยร้ายแรงชนิดที่คาด ไม่ถึงทีเดียว โดยนักวิจัยพบว่า คลื่นมือถือก่อให้เกิดโรคสารพัด เช่น อัลไซเมอร์ เป็นหมัน มะเร็ง โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ใช้มือถือคุยกันนานเกินวันละ 2 ชั่วโมงมีอัตราความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมก่อนวัยอันควร ถ้าเป็นเด็กเล็กไม่ควรใช้มือถือเลยเพราะคลื่นดังกล่าวจะทำลายเซลล์สมอง ขณะที่ย่านชุมชนที่เป็นสถานที่ติดตั้งสถานีรับ-ส่งสัญญาณมือถือก็มีความ เสี่ยงไม่แพ้กัน
ชี้มหันตภัย"คลื่น-เสา"มือถือ

ดร.ประไพภัทร คลังทรัพย์ นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผย "สยามธุรกิจ"ว่าขณะนี้ตนและนักวิจัยของไทยหลายคนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ อันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากพบว่าปริมาณความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นอย่างเนื่องใน แต่ละปี ขณะที่ผลงานวิจัยในหลายประเทศได้ระบุชัดเจนว่าคลื่นโทรศัพท์มือถือมีผลต่อ ร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะเซลล์สมองและเซลล์สืบพันธุ์เพราะมีความไวต่อการรับความรู้สึก หากได้รับคลื่งดังกล่าวมากเกินไปอาจส่งผลก่อให้เกิดโรคอันไซเมอร์ และเป็นหมันได้
ดร.ประไพภัทร กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการวิจัยอย่างจริงจัง และไม่มีผลการวิจัยออกมาระบุชัดเจนว่า คลื่นมือถือมีผลต่อร่างกายอย่างไร แต่จากการที่ตนสนใจในเรื่องดังกล่าวและได้เก็บข้อมูลผลการวิจัยและเห็นว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากมือถือเป็นสิ่งที่ต้องค้นคว้าและจะต้องนำไปสู่การ วิจัยอย่างจริงจัง เพราะจากการสังเกตเวลาโทรศัทพ์มือถือมีสายเข้า
จะเห็นอานุภาพของคลื่นมือถือที่น่ากลัวมากเช่น กรณีวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้กับจอคอมพิวเตอร์ ในระยะที่ห่างกันตามลำดับจะส่งผลให้หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิดความแรงของการสั่น แตกต่างกัน

นอกจากนี้ ถ้าสังเกตให้ดีที่จอคอมพิวเตอร์จะมีภาพสั่นไหวก่อนที่จะได้ยินเสียงโทรศัพท์ มือถือหรือแม้กระทั่งเวลานำเทปไปบันทึกเสียงในขณะที่บันทึกเสียงไว้หากมี โทรศัพท์แทรกเข้ามาจะทำให้เสียงที่บันทึกไว้ในขณะนั้นถูกรบกวนโดยไม่ได้ยิน เสียงที่บันทึกไว้เลย

ดังนั้น คลื่นมือถือมีสัญญาณส่งสูงมากสามารถทะลุทะลวงได้เป็นอย่างดีไม่ว่ากรณีใดๆ ตามโรงพยาบาลต่างๆ หรือบนเครื่องบินจึงห้ามไม่ให้เปิดมือถือ เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะไปรบกวนระบบการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วยได้
ดร.ประไพภัทร กล่าวว่า นอกจากอันตรายจากมือถือแล้ว สิ่งที่น่ากังวลและเป็นอันตรายไม่แพ้กันอีกประการหนึ่งคือ สถานีรับ-ส่งสัญาญาณโทรศัพท์มือถือ ที่ตั้งอยู่ทั่วไปตามอาคาร ย่านชุมชน ซึ่งสถานีดังกล่าวรับ-ส่งด้วยสัญญาณแรงมากกว่าตัวโทรศัพท์มือถือหลายเท่า ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีการออกมาตรการควบคุมพื้นที่ในการติดตั้งสถานีส่ง สัญญาณ ที่สำคัญเป็นความบกพร่องหรือรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ประกอบการที่ได้ติดตั้ง สถานีรับ-ส่งสัญญาณมือถือในชุมชนเมือง ทั้งที่จริงแล้วไม่ดำเนินการตั้งตั้งในย่านชุมชนอย่างยิ่ง เพราะคลื่นความแรงของสถานีอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายคนได้ชนิดไม่รู้ตัว มากกว่าโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
ระวัง!ใช้"GSM"เป็นอัลไซเมอร์

ส่วนในร่างกายของคนทั่วไปพบว่าเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประมาณครึ่ง
ชั่วโมง บางคนอาจจะรู้สึกมึนศีรษะ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่ามาจากสาเหตุอะไร ทำให้นักวิจัยจำนวนมาก เช่น นักวิจัยประเทศฟิลแลนด์ได้นำเซลล์มองมนุษย์ทดลองเลี้ยงไว้ในหลอดวิทยาศาสตร์ และให้สัมผัสกับคลื่นโทรศัพท์มือเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์สมองปรากฎว่า พบความผิดปกติที่มีผลต่อหลอดเลือดสมอง โดยคลื่นวิทยุมือถือทำปฎิกิริยาต่อการหดตัวและทำลายเนื้อเยื่อและช่องว่าง ของคลื่นสมองจึงทำให้เซลล์สมองบางส่วนถูกทำลาย

ด้านงานวิจัยในประเทศสวีเดนได้มีการเผยแพร่สู่สาธารณชนไปเมื่อประมานต้นปี 2546 มีการนำหนูมาเป็นตัวทดลอง โดยการออกแบบกรงพิเศษให้หนูอยู่แล้วใช้คลื่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ GSM กำหนดค่าความเข้มของคลื่นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ทดลองกับหนูให้มีค่าต่ำกว่า การใช้กับคนเท่ากับ 100 เท่า โดยให้หนูสัมผัสกับคลื่นวันละ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 50 วัน ปรากฎว่าเซลล์สมองถูกทำลายเป็นหย่อมๆ มีผลต่อความทรงจำ หรือที่เรียกว่าโรคอัลไซเมอร์
ผลวิจัยชี้ใช้มือถือนานเป็น"หมัน- มะเร็ง"


ขอบคุณและเพิ่มเติมที่
http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=10924

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ