นาร์ซีซัส
แม้ราตรีมีดาวพราวท้องฟ้า
แต่จะหาดาวดวงเด่นเห็นไฉน
เปรียบคุณค่าน่าชื่นชมภิรมย์ใจ
ดาวดวงใดใช่สวยเด่นเช่นดวงจันทร์
คือดวงทิพย์หยิบยกจากอกฟ้า
จุติมาให้โลกรื่นชื่นสดใส
สู่อ้อมอกชนกชนนีศรีไผท
แผ้วทางไว้เพื่อสองพระอนุชา
.........
เป็นคำกลอนที่คุณดาวประกายพรึก คอลัมนิสต์เดลินิวส์คัดลอกไว้จากหนังสือ เฉลิมพระชนม์ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
คุณดาวประกายพรึกเล่าว่ามีโอกาส ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้งหนึ่งกับ บริษัท โฮลซิมกรุ๊ป สวิส เจ้าของปูนซีเมนต์นครหลวง เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา
ได้ไปชมภูเขาที่สวยงามหมดจดชื่อ เพลหยาดส์ เต็มไปด้วย ดอกนาร์ซีซัส ดอกไม้แห่งสวรรค์ที่เทพนาร์ซีซัสหลงความงามตัวเองจนตาย
ขาวบริสุทธิ์หอมกรุ่นดุจดอกปีบและพิกุลรวมในดอกเดียวกัน
ภูเขาแห่งนี้ สมเด็จย่ามักจะทรงพาพระโอรส-พระธิดา มาสำราญพระอิริยาบถยามว่าง เป็นเขาสูงพอประมาณ ทุกพระองค์จะต้องทรงพระดำเนินขึ้นไป
และสมเด็จย่ามักจะทรงเก็บดอกนาร์ซีซัสหอบใหญ่กลับที่ประทับ ณ แฟลตเลขที่ 16 ถนนทิสโซ่ต์เสมอ
ตำนานคนหลงตัวเองอย่างนาร์ซีซัส
นาร์ซีซัส Narcissus เป็นบุตรแห่งเซฟิซุสกับเลียริโอปี เป็นชายหนุ่มที่ชอบท่องไปในป่าเขาลำเนาไพร ถือได้ว่านาร์ซีซัสเป็นบุรุษที่รูปงามที่สุดในยุคนั้น ส่งผลให้มีหญิงสาวหลายต่อหลายคนหลงรักเขาชนิดถอนตัวไม่ขึ้น
นาร์ซีซัสไม่เพียงไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวที่ต่างมาหลง รักเขาเท่านั้น หลายครั้งที่เขารู้สึกดูแคลนความรักของพวกนาง ด้วยถือเป็นเรื่องไร้สาระและน่าเบื่อ โดยไม่เคยเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกของใครเลย
ความนี้รู้ไปถึงเทพีวีนัสหรืออโฟร์ไดท์ เทพีแห่งความรักนางรู้สึกกริ้ว ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ที่บังอาจดูถูกความรัก หนำซ้ำยังเป็นผู้ที่ไม่เคยรู้จักความรักอีกด้วย เทพีแห่งความรักจึงสาปให้นาร์ซีซัสหลงรักเงาของตัวเอง
นาร์ซีซัสผู้ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยเห็นความรักเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม สวยงาม ไม่เคยแม้แต่จะรู้สึกเห็นอกเห็นผู้อื่น ถูกคำสาปของเทพีแห่งความรักไปโดยไม่รู้ตัว.....
วันหนึ่งเขาเดินทางมายังลำธารใสสะอาดแห่งหนึ่ง หวังใจจะวักน้ำในลำธารล้างหน้าตาให้สดชื่น ก็พลันพบกับชายหนุ่มรูปงามในเงาของสายน้ำแห่งนั้น...
นาร์ซีซัสยิ้มให้เงาของตัวเอง เงาก็ยิ้มตอบเขา...ฉับพลัน นาร์ซีซัสก็เกิดความรู้สึกลุ่มหลงและรักใคร่ต่อชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเต็ม หัวใจ
ครั้นนาร์ซีซัสยื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายหนุ่มรูป งามเบื้องหน้า ทว่า เมื่อมือของเขาสัมผัสผิวน้ำ เงาของชายหนุ่มก็เลือนหายไป...และค่อยๆ ก่อรูปสร้างตัวอีกครั้งเมื่อผิวน้ำสงบไม่มีแรงกระเพื่อม...
นาร์ซีซัสเฝ้ามองเงาของตัวเองในลำน้ำสายนั้น โดยไม่เคยรู้เลยว่า นั่นคือตัวเขาเอง!!
ความรักที่เขามีต่อเงาของตัวเองนั้น เพิ่มพูนขึ้นตามวันและเวลาที่ เขาเฝ้ามองอยู่ ณ ริมน้ำแห่งนั้น ไม่อาจสัมผัส ไม่อาจแตะต้อง ได้เพียงแต่เฝ้าดู....
คราใดที่นาร์ซีซัสหมายใจจะเอื้อมคว้าชายหนุ่มเบื้อง หน้าไว้ในอ้อมกอด... แรงน้ำก็กระเพื่อมให้ใบหน้าของหนุ่มรูปงามนั้นเลือนหายไป...วินาทีเช่นนั้น หัวใจของนาร์ซีซัสแทบสลาย... เขาทนไม่ได้แต่การเลือนหายไปของเงาตัวเอง....แน่นอน เขาไม่เคยรู้ว่า นั่นคือตัวของเขาเอง...
ด้วยว่านาร์ซิซัสไม่อาจผินหน้าไปจากเงาในน้ำได้แม้ วินาทีเดียว ส่งผลให้ร่างกายของเขาซูบผอมลงไปเรื่อยๆ ความรักที่ค่อยกัดกร่อนตัวเอง ทำให้เขายิ่งตรอมใจ....ในที่สุด ชายหนุ่มในผิวน้ำที่เคยงามสง่า ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ราวกับเป็นคนละคน
นาร์ซีซัสเฝ้าร่ำร้องหาชายหนุ่มคนเดิมที่เคยอยู่ใน ลำน้ำสายนั้น เฝ้าร่ำร้อง ไขว่คว้า แต่ไม่เคยได้สัมผัสและมองเห็นเงาของตัวเองอีกเลย เบื้องหน้ากลับกลายเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาบิดเบี้ยวไปด้วยความเศร้าโศก ร่างกายไม่สมบูรณ์เช่นเก่า เพราะอดอาหาร
กระทั่งในที่สุด...นาร์ซีซัสก็ตรอมใจตาย...ร่างของ เขากลายเป็นดอกไม้ที่ค่อยเหยียดรากฝังลึกไปในแผ่นดินริมบึงน้ำแห่งนั้น ผู้คนจึงเรียกดอกไม้ต้นนั้นว่า นาร์ซีซัส
ขอบคุณข้อมูล คุณดาวประกายพรึก ตำ นานนาร์ซีซัสคนหลงตัวเองhttp://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000107868
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ