เป็นเรื่องของนางสิงห์ตัวหนึ่งที่อยู่ตามธรรมชาติ ไม่ได้ท้อง
ไม่ใช่แม่ลูกอ่อนที่เพิ่งเสียลูกไป แต่ไปขโมยลูกละมั่งจากแม่ละมั่งเอามาเลี้ยงค่ะ
เหตุ เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2001 ที่ประเทศเคนยา ณ เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าแห่งชาติ Samburu มีผู้พบเห็นนางสิงห์ดูแลลูกละมั่งซึ่งยังมีรกติดอยู่ (Oryx : ละมั่งในแอฟริกาซึี่งตามปกติแล้วเป็นอาหารของนักล่าทั้งหลาย รวมทั้งสิงโตด้วย) Saba Douglas-Hamilton ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิตสัตว์ป่าเข้ามาพิสูจน์ความจริงและได้พบนางสิงห์ กับลูกละมั่งในวันที่ 1 - 2 มกราคม 2002 คาดคะเนว่าลูกละมั่งอายุได้ราวๆ 2 สัปดาห์ ส่วนนางสิงห์น่าจะมีอายุ 2-3 ปี Saba และเจ้าหน้าที่เขตสงวนได้ติดตามดูนางสิงห์และลูกละมั่งทุกวัน (ชาวบ้านตั้งชื่อนางสิงห์ว่า Kamumiak หรือ Kamunyak แปลว่าผู้ได้รับพร) สำหรับลูกละมั่งนั้น ต้องกินนมจากแม่จึงเดินตามหาแม่เพื่อกินนม โดยมีคามันยัคเดินตามไปทั่ว (ตัวคามันยัคไม่มีนมให้ลูกละมั่งดื่ม)
นางสิงห์จะปล่อยให้ลูกละมั่ง เข้าไปกินนมจากแม่ละมั่งในฝูง ส่วนมันเองก็จะยืนคอยดูอยู่ห่างๆ หากเห็นว่าลูกละมั่งทำท่าจะเดินตามฝูงไป คามันยัคก็จะเดินเข้าไปไล่ต้อนเอาลูกละมั่งกลับมา ลูกละมั่งมีชีวิตอยู่ได้ด้วยนมแม่เป็นครั้งคราวแต่ก็ผอมโซ ส่วนคามันยัคไม่ได้กินอาหารเลยตลอดเวลาที่อยู่กับลูกละมั่ง มีหลายครั้งที่คามันยัคพยายามออกล่า โดยมีลูกละมั่งยืนดูอยู่ไม่ไกล แต่พอลูกละมั่งเริ่มออกเดินไปทางอื่น คามันยัคก็จำใจต้องทิ้งการล่าไว้กลางคันแล้วเดินตามลูกละมั่งไป แม้จะอดจนผอมโซแต่คามันยัคก็เคยทำร้ายลูกละมั่งเลยสักครั้ง ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี ลูกละมั่งไม่่กลัวคามันยัค และบางครั้งก็แทะหูนางสิงห์เล่นด้วยซ้ำไป ส่วนคามันยัคก็ดูแลลูกละมั่งเหมือนเป็นลูกของมันเอง คอยเสียทำความสะอาดให้และคอยป้องกันมันจากสัตว์นักล่าอื่นๆ ตอนบ่ายทั้งคู่ก็จะขดตัวนอนกลางวันด้วยกันใต้ร่มเงาของต้นไม้ ทั้งสองใช้ชีวิตแบบแปลกๆ นี้เป็นเวลา 16 วัน
วันสุดท้ายคือวันที่ 6 มกราคม 2002 ขณะที่ลูกละมั่งเดินเล่นอยู่แถวนั้นโดยคามันยัคไม่ได้ตามไป Saba กับพวกที่ตามถ่ายพวกมันอยู่บนรถ ก็ได้ยินเสียงลูกละมั่งร้องลั่น เมื่อตามไปก็เห็นสิงโตหนุ่มกำลังคาบเอาลูกละมั่งไปกิน โดยทีคามันยัคหวาดกลัวเกินกว่าที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกละมั่งจากสิงโตตัวผู้ ที่ีมีอายุมากกว่า คามันยัคเข้าไปดมบริเวณที่ลูกละมั่งถูกฆ่าอย่างเศร้าศร้อยก่อนจะหายตัวไป (วันต่อมามีผู้พบมันออกล่าเหยื่อและกินอาหารเป็นมื้อแรกในช่วง 16 วันที่ผ่านมา)
คลิปข้างบนเป็นคลิปของคามันยัคกับลูกละมั่งตัวแรก
สำหรับตอนที่ 2 เจ้าของคลิปไม่อนุญาตให้ embeded มาค่ะ ต้องตามไปดูที่ youtube กันเอง คลิกข้างล่างได้เลยค่ะ (ทำใจนิดนึงนะคะ เพราะเป็นคลิปที่ลูกละมั่งตัวแรกตาย)
http://www.youtube.com/watch?v=aW5o2PQ-B3I&feature=related
หลายต่อ หลายคนคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องผิดปกติตามธรรมชาติ และคงไม่เกิดขึ้นอีก แต่แล้วก็ต้องอึ้ง ทึ่ง งงอีกครั้งในวันวาเลนไทน์ปี 2002
ผู้ดูแลเขตสงวนฯ รายงานว่าได้พบคามันยัคเดินอยู่กับลูกละมั่งตัวใหม่ คราวนี้ไม่มีวี่แววของฝูงละมั่งในบริเวณเดียวกัน ทำให้ลูกละมั่งไม่ได้กินนมแม่เลย ส่วนคาัมันยัคก็กลับมาอดอาหารอีกครั้งระหว่างดูแลลูกละมั่ง เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าขืนปล่อยไว้จะอดตายกันทั้งคู่ จึงได้จับลูกละมั่งแยกออกจากคามันยัค แล้วส่งตัวลูกละมั่งไปกรุงไนโรบี และนำไปเลี้ยงต่อที่ The Nairobi Animal Orphanage ซึ่งเป็นสถานเลี้ยงดูลูกสัตว์กำพร้า ทั้งนี้วาเลนไทน์ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากการที่มันได้เป็นลูกเลี้ยงของคา มันยัค
และแล้วคามันยัคก็ตัดสินใจรับเลี้ยงลูกละมั่งเป็น ตัวที่ 3 ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งลูกละมั่งตัวนี้ได้รับการตั้งชื่อว่าอีสเตอร์ โชคดีที่คราวนี้แม่ละมั่งไม่ได้หนีหายไปเหมือนลูกละมั่งตัวที่ 2 อีสเตอร์จึงได้เข้าไปกินนมแม่เป็นครั้งคราว ก่อนที่คามันยัคจะแยกมันออกจากฝูงและเอากลับมาดูแลต่อ เช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ คามันยัคดูแลลูกละมั่งแบบไม่ให้พลาดสายตา นอกจากนี้มันไม่กล้าออกหาอาหาร ผู้ดูแลเขตสงวนฯ จึงต้องโยนเนื้อให้มันกินเพื่อให้มีชีวิตรอด ระหว่างนี้มีเรื่องน่าระทึกใจเกิดขึ้นเมื่อฝูงสิงโตจำำนวน 8 ตัว พยายามจะล่าอีสเตอร์ แต่คามันยัคก็ต่อสู้เต็มที่และป้องกันลูกละมั่งเอาไว้ได้ อีสเตอร์อยู่กับแม่ใหม่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ วันสุดท้ายคามันยัคได้ปล่อยให้ลูกละมั่งไปกินนมแม่ในฝูง แต่หลังจากอีสเตอร์เข้าไปรวมกลุ่มแล้ว ฝูงละมั่งทั้งหมดก็ได้พากันวิ่งหนีและเอาอีสเตอร์ไปด้วย
ต่อมามีรายงานว่าได้เห็นคามันยัคอยู่กับลูกละมั่งตัวที่ 4 แต่บทสรุปสุดท้ายเป็นยังไงไม่มีเจ้าหน้าที่เห็น
ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2002 เจ้าหน้าที่ก็พบคามันยัคอยู่กับลูกละมั่งอายุ 5 วันอีกตัว เป็นลูกรักตัวที่ 5 ของคามันยัค บทสรุปสุดท้ายเป็นอย่างไรไม่มีรายงานข่าวแจ้งไว้เช่นเดียวกับตัวที่ 4 แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมของคามันยัคที่มีต่อบรรดาลูกเลี้ยงของมัน เชื่อกันว่าคามันยัคคงไ่ม่ได้กินเสียเอง เนื่องจากไม่เคยมีลูกเลี้ยงของมันตัวใดได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายจาก คาัมันยัค มีการคาดเดากันว่า ลูกละมั่งอาจจะแอบหนีไปได้ หรืออาจจะตายเพราะนักล่าตัวอื่นขณะที่คามันยัคไม่ทันระวัง
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ป่าต่างไร้คำตอบคำอธิบายกับพฤติกรรมแปลก ประหลาดสุดขั้วของคามันยัค บางที อาจไ่ม่มีอะไรมากไปกว่าสิงโตเสียสติตัวหนึ่ง ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงของเรืองนี้จะเป็นอย่างไร เรื่องราวของคามันยัคจะเป็นตำนานโด่งดังที่เล่าขานกันต่อไปอีกนาน
เชื่อเหลือเกินว่าสิงโตแบบคามันยัคมีเพียงหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง
อีกคลิปกับลูกละมั่ง เน้นนาทีที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ