วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระประจำวันเกิด ความเชื่อและการบูชาให้ถูกโฉลก

พระประจำวันเกิด ความเชื่อและการบูชาให้ถูกโฉลก

ตำนาน พระประจำวันเกิด



พระประจำวันเกิดทั้ง 7 วันมีดังนี้

ประจำวันอาทิตย์ : พระปางถวายเนตร

ประจำ วันจันทร์ : พระปางห้ามพยาธิ์หรือห้ามญาติ หรือห้ามสมุทร

ประจำวันอังคาร : พระปางไสยาสน์ (ตำราบางแห่งก็รวมปางปรินิพพานไว้ด้วย ซึ่งตามพุทธลักษณะและพุทธประวัติแล้ว ก็ต่างกันคนละตอนเช่นกัน)

ประจำวัน พุธ : พระปางอุ้มบาตร (กลางวัน) และปางป่าเลไลย์ (กลางคืน)

ประจำ วันพฤหัสบดี : พระปางสมาธิ

ประจำวันศุกร์ : พระปางรำพึง

ประจำ วันเสาร์ : พระปางนาคปรก

และประจำวันพระเกตุเสวยอายุ – ปางสมาธิเพชร


พระพุทธรูปประจำวันเกิดนี้ ส่วนใหญ่จะมี ๗ ปางตาม ๗ วันในสัปดาห์ คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ แต่บางแห่งก็จะเพิ่มปางวันพุธกลางคืน ที่เรียกว่าวันราหู และพระประจำวันพระเกตุเสวยอายุ เป็นปางสมาธิเพชรเข้าไปด้วย

กล่าวกันว่าการสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆให้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดแต่ ละวันนั้น เป็นอุบายของคนสมัยก่อนที่จะหาที่พึ่งทางใจให้แก่ตนและลูกหลาน และถือว่าการบูชาพระประจำวันเกิด เป็นมงคลอันสูงยิ่งอีกประการหนึ่ง โดยบางคนก็บูชาเพื่อสะเดาะเคราะห์หรือปัดเป่าให้รอดพ้นภัยพิบัติ ดังนั้นการกำหนดด้วยจุดประสงค์อย่างนี้ จึงมาอาศัยเรื่องดวงชะตาทางโหราศาสตร์มากำหนดมากกว่า เมื่อดูดวงชะตาตามวันเกิดว่าเป็นอย่างไรแล้ว จึงมากำหนด หรือหาว่าพระพุทธรูปปางใดที่เหมาะกับวันนั้นๆ คือทั้งถูกโฉลก และแก้ดวงชะตาในการบูชาพระประจำวันนั้นๆได้ด้วย แนวคิดและมุมมองบางส่วนของ อาจารย์เล็ก พลูโต ที่ได้ศึกษาความหมายของดวงดาวต่างๆตามหลักโหราศาสตร์ และได้อธิบายเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจจึงขอนำมาขยายต่อเพื่อเป็นข้อคิด ดังนี้




การกำหนด พระปางถวายเนตร เป็น พระประจำวันอาทิตย์ พอสรุปได้ว่า น่าจะเป็นการน้อมบูชาพระอาทิตย์ด้วยการเพ่ง “ อาโลกกสิณ ” (การเพ่งแสงสว่าง) เพราะการที่พระพุทธองค์ได้เสด็จยืน และลืมพระเนตรเพ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ทางทิศอีสานนั้น เป็นทิศเดียวกับดวงอาทิตย์ในภูมิทักษา (การพยากรณ์ทางโหราศาสตร์โดยใช้ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ ดวงเป็นเกณฑ์) และดวงอาทิตย์ยังมีความหมายในด้านดวงตาด้วย ซึ่งอาจารย์เล็กได้กล่าวว่าการที่พระพุทธองค์แม้จะตรัสรู้เป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้าก็ทรงมิได้เย่อหยิ่ง ถือดี ทรงมีพระนิสัยนอบน้อม รู้การใดควรไม่ควร อีกทั้งการบูชา “ พระอาทิตย์ ” หรือ “ สุริยเทพ ” นี้ก็มีมาแต่โบราณก่อนพุทธศาสนา หากจะมองว่า พระอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานความร้อน และให้แสงสว่างแก่โลก เป็นผู้มีคุณ การบูชาหรือน้อมนอบผู้มีพระคุณก็เป็นสิ่งที่ควร ดังนั้น การกำหนดปางถวายเนตรให้ประจำวันอาทิตย์ จึงเป็นเสมือนอุทาหรณ์สอนใจให้ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงอาทิตย์ ซึ่งปกติมักมีนิสัยรักเกียรติ รักศักดิ์ศรี ชอบเป็นผู้นำ และมักเย่อหยิ่ง ทะนงตนไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ให้รู้จักเจริญตามรอยพระพุทธองค์ในการนอบน้อม ถ่อมตน และว่าการบูชาพระปางนี้ของผู้เกิดวันอาทิตย์ ก็เพื่อเสริมบุญบารมีด้านความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าด้วยเกียรติยศ ขจัดความมืดบอด และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้แสงสว่างและแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง


การ กำหนดพระปางห้ามญาติ (หรือ ห้ามพยาธิ ) เป็นพระประจำวันจันทร์ นั้น ทางโหราศาสตร์ถือว่า ดาวจันทร์ หมายถึง รูปร่าง หน้าตา ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการ ผู้ที่เกิดวันนี้จึงมีอารมณ์อ่อนไหว ปรับตัวง่าย และไม่แข็งกระด้าง นอกจากนี้ดาวจันทร์ยังหมายถึงถิ่นที่อยู่ ญาติพี่น้อง และจัดเป็นดาวธาตุน้ำ ดังนั้น การกำหนดพระ ปางห้ามญาติ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องญาติตามพุทธประวัติ เป็นพระพุทธรูปประจำวันนี้ ก็เพื่อเป็นพุทธานุสติให้นึกถึงเรื่องราวในสมัยพระพุทธองค์ที่ทรงไปห้ามญาติ ทั้งสองฝ่ายมิให้ทะเลาะวิวาทแย่งน้ำกัน เป็นการบอกทางอ้อมให้มีความสามัคคีในหมู่พี่น้อง และยังกล่าวถึงอานิสงส์แห่งการบูชาพระพุทธรูปปางนี้ว่าจะช่วยห้ามทุกข์ ห้ามโศก ห้ามโรค ห้ามภัยต่างๆ ฯลฯ ดังเช่นที่พระพุทธองค์ห้ามน้ำ ห้ามฝน ในคราวทรมานให้พวกชฎิลให้ละทิฐิด้วย


การ กำหนดพระปางไสยาส เป็นพระประจำวันอังคาร นั้น ดาวอังคารที่มีอิทธิพลต่อชะตา จัดเป็นดาวฆาตหรือดาวมรณะ และยังเป็นดาวเกี่ยวกับสงคราม อุบัติเหตุ ดังนั้น การจัดปางไสยาสน์หรือปางปรินิพพานประจำวันนี้ จึงเหมือนเตือนสติให้คนวันนี้ ดำรงชีวิตด้วยความระมัดระวัง ไม่ไปก่อเหตุกับใคร อีกทั้งวันที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานก็เป็นวันอังคาร และพระปางนี้ยังมีเรื่องที่ทรง “ โปรดพระราหู ” อันน่าจะหมายรวมถึงการขจัดความมัวเมาลุ่มหลง เห็นผิดเป็นชอบ ที่เป็นลักษณะของราหูด้วย


การ กำหนดพระปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันพุธ ที่มีดาวพุธกุมชะตา ทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นดาวที่มีความรวนเรมากที่สุด (เขาถึงห้ามแต่งงานวันนี้) นอกจากนี้ดาวพุธยังเป็นตัวแทนของการติดต่อ สื่อสาร การเดินทาง พาหนะ พืชพันธ์ธัญญาหารและเรื่องเกี่ยวกับปากท้อง พระพุทธรูปประจำวันนี้ จึงเป็น ปางอุ้มบาตร ซึ่งตรงกับลักษณะแห่งการออกไปบิณฑบาตของพระ ที่ต้องเดินทางไปแสวงหาอาหารเพื่อปากท้อง และเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันก็มีคนใส่บาตรมาก บางวันก็น้อย แต่การบิณฑบาตเป็นกิจของสงฆ์อย่างหนึ่ง ถือเป็นการไปโปรดสัตว์ เพื่อคอยสังเกตดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน และสอนให้ใช้ธรรมะเป็นทางดับทุกข์ พระปางนี้ถือว่าบูชาแล้วจะประสบกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่อดอยาก ยากจน มีเสน่ห์เมตตามหานิยม และช่วยให้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน


วัน พุธกลางคืน ถือว่าเป็นวันราหู อันมีความหมายถึงสิ่งเลวร้าย อบายมุข สิ่งเสพติด นักเลงอันธพาล ส่งผลในทางลุ่มหลง มัวเมา เชื่อคนง่าย เอาแต่ใจตน ไม่มีเหตุผล ดังนั้น การนำ ปางปาลิไลยกะ มาเป็นปางประจำวันพุธกลางคืน ก็เกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติตอนที่พระพุทธองค์หนีไปปลีกวิเวก เพราะพระสงฆ์มัวแต่ทะเลาะวิวาทกัน ไม่ฟังพระโอวาท ถือทิฐิ ทำให้ต้องได้รับความลำบากกันเองเพราะไม่มีใครทำบุญดังที่เล่าข้างต้น เป็นการเตือนให้ระลึกถึงโทษการความดื้อดึง และความหลงผิด


การจัดให้ พระปางสมาธิหรือตรัสรู้ เป็นพระประจำวันวันพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดีมีอิทธิพลต่อชะตา อันหมายถึง ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง ศาสนาศีลธรรม และสติปัญญา เป็นต้น อีกทั้งโบราณถือว่าวันนี้ เป็นวันครู ซึ่งพระพุทธเจ้าก็เป็นบรมครู ที่ทรงสั่งสอนธรรมะแก่เหล่าพุทธบริษัท ดังนั้น การจัดให้ พระปางสมาธิหรือตรัสรู้ เป็นพระประจำวันพฤหัสบดีก็เพราะปางนี้สอดคล้องกับลักษณะของดาวพฤหัสบดี ที่หมายถึงความสำเร็จ สติปัญญาและความเป็นครู


การจัดให้ พระปางรำพึง เป็นพระประจำวันวันศุกร์ มีดาวศุกร์เป็นตัวแทน และเป็นดาวเกี่ยวกับโลกีย์ ที่ต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด จินตนาการเข้าช่วย รวมทั้งมีเสียงพ้องกับคำว่า “ สุข ” ซึ่งผู้ที่เกิดวันนี้มักจะสนใจในเรื่องศิลปะ บันเทิง และมีนิสัยยิ้มง่าย พูดง่าย รู้จักปล่อยวาง โบราณจึงจัด พระปางรำพึง เป็นพระประจำวันเกิด ซึ่งเป็นปางที่พระพุทธองค์ทรงรำพึงถึงธรรมที่ตรัสรู้อันทวนถึงกระแสใจของ มนุษย์ คล้ายๆเตือนให้คนวันนี้ไม่หลงระเริงไปกับโลก แต่ต้องคอยคิดตรึกตรองถึงหลักธรรมอยู่เสมอ


การจัดให้ พระนาคปรก เป็นพระประจำวันวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันแข็งทางโหราศาสตร์ ดาวเสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ทำให้ คนเกิดวันนี้มักอาภัพ ต้องเหน็ดเหนื่อย และมักมีเรื่องทุกข์ใจ ผิดหวังบ่อยครั้ง รวมทั้งมักพบปัญหาอุปสรรคอยู่เสมอ ดังนั้น โบราณจึงจัดให้ พระนาคปรก เป็นพระประจำวันนี้ เปรียบเสมือนให้พญานาคราชได้แผ่พังพานปกป้องคุ้มครองเจ้าชะตาให้พ้นทุกข์และ ภัยพิบัติต่างๆ อีกทั้งดาวเสาร์ยังใช้เลข ๗ เป็นสัญลักษณ์ซึ่งตรงกับเศียรพญานาคราชที่มี ๗ เศียรและยังวงขนดเป็น ๗ รอบอีกด้วย และยังมีความเชื่อว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา ซึ่งเป็นการสอนทางอ้อมให้เห็นอานิสงส์หรือผลดีของความเมตตา เพราะแม้แต่พญานาคยังขึ้นจากสระน้ำมาถวายอารักขาพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ก็ด้วยพลานุภาพแห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ซึ่งคนวันเสาร์ที่มักเป็นคนเจ้าทุกข์ หากฝึกให้มีเมตตาอยู่เสมอ ก็ช่วยบรรเทาทุกข์ให้คลายลงได้

สรุปแล้ว การกำหนดพระพุทธรูปประจำวันเกิดนี้ อ.เล็ก พลูโต ถือเป็นเคล็ดลับของคนโบราณที่ท่านบัญญัติไว้ เพื่อเป็นการสะเดาะห์เคราะห์ต่ออายุ เสริมดวงชะตา และยังเป็นอุบายธรรม ให้ผู้สักการะเข้าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระปางนั้นๆในพระพุทธประวัติ ซึ่งก็เป็นการจัดตามลักษณะนิสัย และการดำเนินชีวิตของคนนั้นๆตามความเชื่อทางโหราศาสตร์นั่นเอง

การนำพระประจำวันเกิดของตัวเองบูชานั้นควรไว้ที่หัวนอนของตัวเองจะดีที่สุด
องค์ พระจะคุ้มครองคุ้มภัยอันตรายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นองค์เล็ก หรือองค์ใหญ่
ใช้ ได้เหมือนกันหมด ขอให้ทำด้วยความศรัทธา แล้วคุณจะรู้ว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุ้ม ครองคุณอยู่ตลอดเวลา






พระ ประจำวันอาทิตย์ : พระปางถวายเนตร

พุทธประวัติ
เมื่อสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ และประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ ณ ใต้ต้นมหาโพธิ์ ครบ 7 วันแล้ว ในสัปดาห์ที่ 2 จึงเสด็จลุกจากพุทธบัลลังก์ใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ ลืมพระเนตรเพ่งดูพระมหาโพธิ์พฤกษ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรเป็นเวลาเจ็ดวัน ตั้งแต่แรม 8 ค่ำเดือนวิสาขะ สถานที่แห่งนั้นได้นามเรียกว่า "อนิมิสเจดีย์" พระพุทธจริยาที่ทรงเพิ่งจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้ทรงกะพริบพระเนตรถึง ๗ วันนี้ เป็นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ อนึ่งต้นไม้อสัตถโพธิ์พฤกษ์อันเป็นสถานที่กำเนิด พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและสัจธรรมอันบริสุทธิ์ สำหรับชำระกิเลสและปลดเปลื้องความทุกข์แก่ชาวโลก จึงได้มีนามตามการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่า ต้นพระศรีมหาโพธิ์พฤกษ์ .

ดวง ชะตา
สิทธิการิยะ ท่านว่าคนเกิดวันอาทิตย์นั้นเป็นคนมีความมาดมั่น มุ่งมั่นในงาน มีความว่องไว แต่มักฉุนเฉียวง่าย การตัดสินใจมักขาดความยั้งคิด โบราณจารย์ท่านจึงให้พระพุทธปางถวายเนตรเป็นพระประจำวันเกิด เนื่องจากปางถวายเนตร เป็นปางยืนพิจารณาธรรมอันปิติ ในท่าสำรวม หมายถึงการกระทำอย่างมีสติ ดังนั้นเมื่อดาวอาทิตย์ เป็นตำแหน่งลักขณาที่มีอำนาจอยู่ในตัว

พระเครื่องที่ถูกโฉลก
พระ เครื่องที่ผู้เกิดวันนี้ควรอาราธนาเพื่อความเป็นศิริมงคลนั้น ควรจะเป็นพระพิมพ์ที่ผ่านความร้อนจากไฟ เนื่องจากจะช่วยหนุนธาตุประจำตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเป็นพระปางมารวิชัย เนื่องจากเป็นพระพิมพ์ ที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะพญามาร เนื่องจากเจ้าชะตาผู้เกิดวันอาทิตย์ เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจประกอบอาชีพ จึงมักมีศัตรูหรือ อริ ซึ่งได้แก่ พระรอด ลำพูน , พระคง ลำพูน ,พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง จังหวัดสุพรรณบุรี , พระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิง พิมพ์มารวิชัย , พระกริ่งคลองตะเคียน อยุธยา , พระกรุวัดตะไกร อยุธยา , พระกรุขรัวอีโต้ วัดเลียบ กทม. ฯลฯ
สรุป สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์ พระคู่กายควรจะเป็น พระนั่งปางมารวิชัย
หมายเหตุ : การแนะนำเรื่องพระตามโฉลกนี้ ผมคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องหาตามตำราเป๊ะ ทั้ง 7 วันนี้ เพราะที่กล่าวมานั้นหายาก และแพงมาก เป็นพระสำหรับนักสะสมมากกว่า แต่พระปางนี้ที่สร้างใหม่ก็มีมาก บูชาจากวัดที่มีพิธีปลุกเสกอย่างถูกต้อง ก็น่าจะเหมาะและดีที่สุดแล้ว แต่พระเครื่องที่จะตรงกับปางพระพุทธรูป จะหายากเช่นกัน เพราะเขาไม่นิยมสร้างปางอื่นๆเลย นอกจากปางสมาธิและปางมารวิชัย

คาถาสวดบูชา
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง
นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา
วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พราหะมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม
นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสนา ฯ

อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหารคาว : ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ต้ม แกงกะทิ
อาหารหวาน : ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ
สิ่ง ของถวายพระ : หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู
การ ทำทาน : เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ
การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : ควรออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
สีมงคล : พึงใช้สีที่เป็นมงคลสำหรับเครื่องนุ่งห่ม ประจำบ้านเรือน หรือเครื่องประดับตัวเป็นของที่มีสีแดง จะเป็นสิริมงคลลาภผล ดียิ่งนัก ส่วนสีรองๆ ลงไป มีสีม่วง สีเขียว สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก พึงเว้น สีน้ำเงิน





พระ ประจำวันจันทร์ : พระปางห้ามญาติ หรือห้ามพยาธิ

พุทธประวัติ

ณ พระนครกบิลพัสดุ์ อันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับของเจ้าศากยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธบิดา กับพระนครเทวทหะอันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับอยู่ของเจ้าโกลิยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธมารดา ทั้งสองพระนครนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโรหิณี ชาวนาของ ๒ พระนครนี้ ก็ได้อาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้ ทำนาร่วมกันมาโดยปกติสุข ต่อมาเกิดฝนแล้ง น้ำน้อย น้ำในแม่น้ำโรหิณีเหลือน้อย ชาวนาทั้งหมดต้องกั้นทำนบ ทดน้ำในแม่น้ำโรหิณีขึ้นมาทำนา แต่ก็ยังไม่พอ เป็นเหตุให้มีการแย่งน้ำกันทำนาขึ้น ขั้นแรกก็เป็นการวิวาทกันเฉพาะเพียงบุคคลต่อบุคคล แต่เมื่อไม่มีการระงับด้วยสันติวิธี การวิวาทนั้นก็ลุกลามมากขึ้นจนถึงคุมสมัครพรรคพวกเข้าไปประหัตประหารกัน และด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตร และลามปามไปถึงราชวงศ์ ในที่สุดกษัตริย์ผู้เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมือง ก็ยกกำลังพลเข้าประชิดกัน เพื่อแย่งน้ำ โดยหลงเชื่อคำยุยงพูดเท็จของอำมาตย์ที่กำลังเคียดแค้น มิทันได้ทรงวินิจฉัยให้ถ่องแท้แน่นอนว่า เมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นเกิดขึ้น ควรจะระงับด้วยสันติวิธี พระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จมาห้ามสงครามการแย่งน้ำระหว่างพระ ญาติทั้งสองฝ่าย โดยทรงแสดงโทษคือความพินาศย่อยยับของชีวิตมนุษย์โดยเหตุอันไม่สมควร ที่พระราชาจะต้องมาล้มตายทำลายเกียรติของตน เพียงเพราะแย่งน้ำกันทำนาเพียงเล็กน้อย ครั้นแล้วพระญาติทั้งสองฝ่ายก็ทำความเข้าใจกันได้และหันมาสามัคคีกัน พระพุทธจริยาที่ทรงโปรดพระญาติ เพื่อห้ามมิให้ทะเลาะวิวาท สู้รบกันเพราะเหตุแห่งการแย่งน้ำนี้ เป็นมงคลแสดงอนุภาพแห่งธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พุทธศาสนิกชนผู้หนักในธรรมคำสอน เล็งเห็นคุณอัศจรรย์แห่งอนุศาสนีปาฎิหาริย์ จึงถือเป็นเหตุในการสร้าง พระพุทธรูปขึ้น เรียกว่า ปางห้ามญาติ


ดวง ชะตา
สิทธิการิยะ ท่านว่าคนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่บุคคลทั้งหลาย โกรธง่ายหายเร็ว ทำการสิ่งใดมักละเอียด เหมาะสำหรับงานด้านศิลปะวิทยา แต่เป็นผู้ใจน้อย อ่อนไหว ทำให้ขาดอำนาจและวาสนา โบราณจารย์จึงให้พระปางห้ามญาติเป็นพระประจำวันจันทร์ เพราะดาวจันทร์ความคิดสับสน ปางนี้จึงเหมือนเตือนเจ้าชะตา ผู้ที่กำเนิดในตำแหน่งลักขณาดาวจันทร์นี้ ดุจพระพุทธองค์ห้ามญาติทั้งสองฝ่ายแย่งน้ำซึ่งกันและกัน เมื่อวันจันทร์เป็นวันที่มีเสน่ห์ แต่ขาดซึ่งอำนาจและวาสนา

พระ เครื่องที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เกิดวันจันทร์ ควรจะเป็นตระกูล พระยอดขุนพล เนื้อพระทำด้วยตะกั่วแก่ ดีบุก ปรอท (ชินเงิน) ตะกั่วเดือน (ตะกั่วสนิมแดง) พระในชุดนี้ โบราณจารย์ท่านถือว่า เสริมบารมีในอำนาจยิ่งนัก พระในตระกูลเนื้อชิน
อาทิเช่น พระร่วงหลังรางปืน จังหวัดสุโขทัย , พระร่วงหลังลายน้ำ จังหวัดลพบุรี, พระพิจิตรข้างเม็ดกรุเขาพนมเพลิง , พระกรุวัดราชบูรณะจังหวัดอยุธยา ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันจันทร์ พระคู่กายควรจะเป็น พระยอดขุนพล หรือพระกรุต่างๆ (พระกรุที่เป็นเนื้อโลหะต่างๆ ก็จัดเป็นประเภทพระสะสม หายาก และราคาแพงเช่นกัน ที่จะมีมากหน่อยก็คงจะเป็นกรุวัดราชบูรณะ ซึ่งก็แพงพอสมควร)

คาถา สวดบูชา
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห
ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ

อาหาร ที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหาร คาว : ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่นไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหูทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด
อาหารหวาน : น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มันลางสาด ขนมเปี๊ยะ
ของ ถวายพระ : แก้วน้ำ แจกัน ของโปร่งๆ ใสๆ
การทำทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสตรี
การ ประพฤติตนของคน เกิดวันนี้ : ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส อยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือสตรีเช่นลุก ให้สตรีนั่งบนรถเมล์บริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง
ผู้ ที่เกิดวัน จันทร์ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือน เป็นสีขาว เหลืออ่อนๆ เป็นดีที่สุด ส่วนสีรองๆ ลงมา คือสีเขียว สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงิน พึงเว้นสีแดง





พระ ประจำวันอังคาร : พระปางไสยาส

พุทธประวัติ

การประทับสีหไส ยาส เป็นพระอิริยาบทของพระพุทธองค์ คือการบรรทมหลับพักผ่อน มีพระอาการคือนอนตะแคงทางเบื้องขวา วางพระบาทซ้อนเหลื่อมกัน พระหัตถ์ซ้ายวางพาดยาวไปตามลำตัว พระหัตถ์ขวางอพับเข้ามารองรับพระเศียร (อาจจะสลับข้างก็ได้ แต่สำหรับการสร้างพระพุทธรูปนิยมตะแคงข้างขวา) พระพุทธองค์จะทรงกำหนดสติในการลุกและบรรทม พระองค์มักตื่นบรรทมในเวลาประมาณ 2 ชั่วยามก่อนเวลาย่ำรุ่ง แล้วทรงบำเพ็ญพุทธกิจด้วยการสมาธิภาวนาตรวจส่องอุปนิสัยของสัตว์ผู้ควรรับ ธรรมเทศนาในวันรุ่งขึ้นสืบไป ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา และเมื่อจะเสด็จเข้าสู่ปรินิพพานก็ทรงกระทำสีหไสยาส เช่นกัน

เมื่อ ใกล้กาลปรินพพาน พระพุทธองค์ทรงโปรดสุภัททปริพาชกให้บรรพชาอุปสมบทและสำเร็จเป็นพระอริยเจ้า เป็นปัจฉิมสาวกแล้ว พระพุทธองค์ได้ตรัสปัจฉิมโมวาท เตือนว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรม เธอทั้งหลาย จงทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด ในลำดับแห่งการพิจารณาองค์แห่งจตุถฌานนั้น ก็บังเกิดมหัศจรรย์แผ่นดินใหญ่ไหวสะเทือนสะท้าน กลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศ พร้อมกับการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายพากันเศร้าโศก ร่ำไห้ คร่ำครวญถึงพระองค์ พระอานนท์และพระอนุรุทธเถระได้แสดงธรรมเพื่อปลอบโยนมหาชน พุทธศาสนิกชนเมื่อรำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพระองค์ จึงได้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เพื่อบูชาพระพุทธองค์

ดวงชะตา
สิทธิ การิยะ ท่านว่าเป็นคนมุทะลุดุดัน มักเจ้าอารมณ์โมโหร้าย โกรธเคืองขุ่นอันตราย แต่เป็นคนรักจริง เอาจริงเอาจังต่อสิ่งที่ตนเองกระทำ โบราณจารย์ ท่านจึงให้พระปางไสยาส เป็นพระปางประจำวันเกิด เพราะพระพุทธเจ้าไสยาสนั้นหมายถึงตอนที่พระพุทธองค์ท่านเสด็จดับขันธ์ ปรินิพพาน คำว่านิพพาน เป็นว่า เย็น ดังนั้นเมื่อผู้ที่เกิดวันอังคารมีอารมณ์ร้อน จึงควรมีพระประจำวันคือ พระนอนเป็นอนุสติ เตือนใจให้รู้จักความเยือกเย็น

พระเครื่องที่ เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร นั้นควรเป็นพระผงพุทธคุณ เนื่องจากเป็นพระที่มิได้ผ่านความร้อน อีกทั้งพุทธานุภาพ ขององค์พระ จะช่วยให้จิตใจเยือกเย็น เป็นสมาธิ สามารถบรรเทาธาตุโทสะจริต แห่งฤกษ์ชะตาวันเกิดได้ พระผงในตระกูลสมเด็จ อาทิเช่น พระสมเด็จวัดระฆัง , พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม , พระสมเด็จวัดเกศไชโย รวมถึงพระผงคณาจารย์ต่างๆ เช่น พระปิลันธ์วัดระฆัง พระวัดสามปลื้ม พระวัดท้ายตลาด พระวัดพลับ พระผงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ฯลฯ
สรุป สำหรับคนที่เกิดวันอังคาร พระคู่กายควรจะเป็นพระเนื้อผงต่างๆ (พระเนื้อผงนี่ เป็นพระที่นิยมสร้างกันมาก บรรดาเกจิอาจารย์นิยมสร้าง รูปแบบเลียนแบบพระสมเด็จกันมาก จึงมีมากราคาไม่แพง 100-200 ก็พอหาได้แล้วและการปลุกเสก หรือพุทธคุณก็ดี ใช้ได้ทีเดียว )

คาถา สวดบูชา
ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง ยัมหิ
เจวานุ ยุ ญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต
สุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ เอวะมาทิคุณูเปตัง
ปะ ริตตันตัมภะณามะ เส ฯ

อาหารที่ควร ถวายพระประจำวันนี้
อาหารคาว : อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ปลาช่อนตากแห้งทอด
อาหารหวาน : ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน น้ำอัดลม
ของถวายพระ : เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ
การ ทำทาน : คนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก
การประพฤติตนของคนเกิด วันนี้ : ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน การชิงดีชิงเด่น
ผู้ที่ เกิดวันอังคาร ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีชมพู หรือ สีแดงหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมาคือ สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ สีเหลือง สีแดง พึงเว้นสีขาวนวล



พระประจำวันพุธ : พระปางอุ้มบาตร (ทรงโคจรบิณฑบาต)



พุทธ ประวัติ ตอนทรงโคจรบิณฑบาต

เมื่อพระบรมศาสดาบันดาลให้ฝน โบกขรพรรษ ตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติแล้ว และได้ตรัสเทศนามหาเวสสันดรชาดก แก่เหล่าศากยราชทั้งหลายจนจบ และพากันกลับไปโดยมิได้นิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้รับภัตตาหาร ครั้นรุ่งเช้า พระบรมศาสดาจึงทรงบาตรพร้อมด้วย พระขีณาสพภิกษุสงฆ์ ๒ หมื่นเป็นบริวาร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองกบิลพัสดุ์ไปตามลำดับบ้านไม่มีเว้น ประชาราษฎร์ต่างก็ได้มีโอกาสชมพระบารมี และมีความปิติยินดี ประนมมือนมัสการ นับเป็นครั้งแรก ที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ได้เห็นพระบรมศาสดาทรง อุ้มบาตรโปรดประชาราษฎร์
ขณะที่พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเมื่อเสด็จไปเฝ้า พระพุทธเจ้าที่นิโครธาราม พร้อมด้วยพระประยูรญาติ แล้วไม่ได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ ของพระองค์ แต่ครั้นทรงทราบจากที่พระนางพิมพาไปทูลว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกจำนวนมากมิได้เสด็จตรงไปยังพระราชนิเวศน์ แต่กลับเสด็จบิณฑบาตไปตามถนนหนทางในเมือง ก็ทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก ทรงเสด็จลงจากพระราชนิเวศน์ บทจรโดยด่วนไปหยุดยืนอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระศาสดาแล้วกราบทูลว่า…"เหตุ ไฉนพระลูกเจ้าจึงมาเสด็จเที่ยวบิณฑบาตให้เป็นที่อัปยศ ผิดธรรมเนียมของกษัตริย์ ขัตติยวงศ์ของเรา ทำไมจึงไม่เสด็จไปเสวยที่พระราชนิเวศน์"

พระพุทธเจ้าตรัสบอกพุทธ บิดาว่า ธรรมเนียมการเสด็จภิกขาจารเพื่อบิณฑบาตนี้ มิใช่ธรรมเนียมของขัตติยวงศ์ก็จริง แต่เป็นธรรมเนียมของพุทธวงศ์ (วงศ์ของพระพุทธเจ้า) พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมเนียมของผู้สละบ้านเรือนออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าและของพระสงฆ์สาวกนั้น ต้องเที่ยวบิณฑบาตเลี้ยงชีพ การบิณฑบาตนั้น เป็นอาชีพอันสุจริตของนักบวชในพุทธวงศ์
พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระเจ้าสุ ทโธทนะว่า พระองค์ทรงขาดจากขัตติยวงศ์แล้ว ขาดเมื่อตอนที่เสด็จออกบวชก็หาไม่ ขาดเมื่อคราวบำเพ็ญเพียรใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก็หาไม่ แต่ขาดเมื่อคราวได้สำเร็จ คือ ภายหลังตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ตั้งแต่นั้นมาพระองค์ได้ชื่อว่าทรงตั้งอยู่ในพุทธวงศ์

พระพุทธเจ้า ประทับยืนตรัสพระธรรมเทศนาแก่พระเจ้าสุทโธทนะ พอจบพระธรรมเทศนา พระเจ้าสุทโธทนะได้ทรงบรรลุโสดาปัตติผลในขณะที่ประทับยืนอยู่นั่นเอง ครั้นแล้วพระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงรับบาตร แล้วอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งหมู่อริยะสงฆ์บริษัทไปยังพระราชนิเวศน์ เพื่อทรงรับภัตตาหาร.



พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์



พุทธ ประวัติ ตอนป่าเลไลย์

ณ เมืองโกสัมพี มีพระภิกษุ ๒ ฝ่ายอยู่ในวิหารเดียวกันคือฝ่ายพระวินัยธร ที่ถือเคร่งครัดทางพระวินัย และฝ่ายพระธรรมธร ที่ถือการแสดงธรรมเป็นใหญ่ แต่ละฝ่ายก็มีลูกศิษย์เป็นบริวารมากมาย วันหนึ่งพระธรรมธรได้เข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำแล้วเหลือไว้นิดหนึ่ง เมื่อพระวินัยธรเข้าไปเจอน้ำเหลือไว้ จึงได้ตำหนิพระธรรมธร ตัวพระธรรมธรเองก็ได้ยอมรับผิดต่อพฤติกรรมนั้น แต่พระวินัยธรกลับนำเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้ไปพูดกันไป พูดกันมา จนเป็นสาเหตุให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการทะเลาะวิวาทกันรุนแรง เพราะเหตุเพียงเล็กน้อยเอง เมื่อไม่สามารถจะระงับกันได้ พระพุทธเจ้าได้แสดงเหตุของการแตกแยก และคุณของความสามัคคี แต่ก็หาเชื่อต่อพระพุทธเจ้าไม่ ซ้ำยังแสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า ขอให้พระพุทธเจ้าอยู่เฉยอย่ามายุ่ง พระพุทธองค์เห็นว่าไม่สามารถจะระงับได้ จึงส่งพระโมคคัลลานะ ไปช่วยระงับ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ทำให้พระพุทธองค์เกิดความเบื่อหน่ายระอาใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง แม้ชาวบ้านเองก็แตกเป็น ๒ ฝ่ายตามพระที่ตนเองนับถือ ส่วนพุทธศาสนิกชนที่มีศีลก็ระอาพากันคว่ำบาตร ไม่ให้การบำรุงพระสงฆ์เหล่านั้น เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จไปอยู่ ณ ป่าได้มีช้างปาริไลยกะและลิงคอยทำการอุปัฏฐาก มีความพระเกษมสำราญในการอยู่คนเดียว จากเหตุการณ์นี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงพฤติกรรมของพระ ๒ ฝ่ายในขณะนั้น ไม่เชื่อฟังแม้กระทั้งพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระปางนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการแตกสามัคคี การทะเลาะวิวาทกัน

ดวง ชะตา
สิทธิการิยะ คนเกิดวันพุธแยกเป็นสองนัยคือ พุธกลางวันอย่างหนึ่ง
พุธ กลางคืนอย่างหนึ่ง
คนเกิดวันพุธกลางวันนั้น ท่านว่าเป็นคนมีฝีปากกล้า ค้าขายคล่องแคล่ว เดินทางเก่ง ติดต่อสื่อสารกับผู้ใดมักได้ลาภเสมอ แต่มักทำคุณคนไม่ขึ้น ทำดีสิ่งใดมักไม่มีใครเห็น โบราณจารย์ท่านจึงได้ให้พระปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันเกิด มีความหมาย ถึงการบิณฑบาต โปรดสัตว์ โดยมิได้เห็นแก่พระราชามหากษัตริย์หรือขอทานยาจก แม้ผู้ใดปรารถนาในกุศล ท่านโปรดเท่าเทียมกัน จึงเป็นอนุสติ แก่เจ้าชะตาผู้เกิดในวันพุธกลางวัน ว่าแม้ทำความดี มิมีได้เห็น ก็ไม่ต้องใส่ใจ

คนเกิดพุธกลางคืนนั้น ท่านว่า เป็นคนลึกลับมีความรู้ความสามารถในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถ มักจะมีลางสังหรณ์ทราบการณ์ล่วงหน้า แต่มักไม่ค่อยมีคนเข้าใจเวลามีปัญหา โบราณจารย์ท่านจึงให้พระปางป่าเลไลย์เป็นอนุสติ เนื่องจากพระปางนี้ เป็นปางที่พระพุทธเจ้าทรงเบื่อหน่ายพระสาวกที่ขัดแย้งกัน พระพุทธองค์จึงทรง เสด็จไปเพียงลำพัง ณ ป่าเลไลย์ มีช้างป่ามาถวายกล้วย และ ลิงมาถวายน้ำผึ้ง ฯลฯ

พระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางวันนั้น เนื่องจากวันพุธเป็นฤกษ์แห่งการทำกิน พระเครื่องที่เหมาะสมนั้นควรเป็นพระประเภทลีลา หรือปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์ มีความหมายแห่งความก้าวหน้า อาทิเช่น พระกำแพงเพชรลีลา พิมพ์ต่างๆ เช่น ลีลาเม็ดขนุน , ลีลาพลูจีบ , ลีลากลีบจำปา , ลีลาเมืองสวรรค์ ชัยนาท ลีลายี่สิบห้าพระพุทธศตวรรษ พุทธมลฑล ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลางวัน พระคู่กายคือ พระยืนปางลีลาต่างๆ (พระลีลายี่สิบห้าพระพุทธศตวรรษ จัดสร้างที่พุทธมลฑล สร้างขึ้นจำนวนมาก หาง่ายและไม่แพง 200-300 บาท ก็เช่าได้แล้ว แต่ลีลาอื่นๆนั้น เป็นหมื่นเป็นแสนทั้งสิ้น)

สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ กลางคืนนั้น เนื่องจากลักษณะวันนั้น ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนมักมีสัมผัสพิเศษ และมีลางสังหรณ์มากกว่าวันอื่น ดังนั้นนอกจากพระเครื่องพระพิมพ์ที่อาราธนาแล้วควรจะมีเครื่องราง เสริมดวงได้ป้องกันอาถรรพ์ต่างๆ ซึ่งคนที่เกิดในวันนี้ สัมผัสได้ง่าย ตัวอย่างเครื่องรางที่ควรพกพา เช่น ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง , ตะกรุดคณาจารย์ต่างๆ , ลูกอมผงพุทธคุณ ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลางคืน พระคู่กายคือ พวกเครื่องรางแบบต่างๆ (ที่จริงเครื่องรางต่างๆก็คือเครื่องรางจริงๆตามชื่อ ไม่ใช่พระเครื่อง หาไม่ยาก พระราหูก็ไม่ใช่พระเครื่องเช่นกัน อาจจะมีบ้างที่สร้างเป็นพระเกจิอาจารย์ด้านหน้า และพระราหูอยู่ด้านหลัง น่าจะเหมาะกว่าการใช้เครื่องรางของขลัง เพราะเราชาวพุทธ ย่อมพึ่งพระรัตนตรัยเป็นสรณะ )
ผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีเขียว หรือสีเขียวใบไม้ ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีเหลือง สีเทา สีดอกรัก สีเมฆหมอก สีขาวนวล พึงเว้น สีม่วง

วัน พุธ (กลางวัน)
คาถาสวดบูชา
สัพพาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ ยันนาเสติ วิสังโฆรัง
เสสัญ จาปิ ปะริสสะยัง อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณิณัง
สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ


อาหาร ที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหารคาว : เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย
อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวยฝรั่ง ชามะนาว
ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
การทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
การ ประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง

วันพุธ (กลางคืน)
คาถาสวดบูชา
สัพ พาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ ยันนาเสติ
วิสังโฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง
อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณิณัง
สัพ พะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ

อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหาร คาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
ของถวาย พระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
การทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : เลิกบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด
ผู้ที่เกิดวัน ราหู หรือวันพุธกลางคืน นี้ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีเมฆหมอก สีเทา หรือสีดำหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีแดง สีขาวนวล สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ พึงเว้นสีเหลือง




พระ ประจำวันพฤหัสบดี : พระปางสมาธิ



พุทธ ประวัติ
ในคืนวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ นั้นเอง เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดง ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายใน สนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น พระมหาบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ผินพระปฤษฎางค์ คือ หลัง ไปทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงเจริญสมาธิมั่น เฉพาะอาณาปานสติกรรมฐาน พิจารณาวิธีหลุดพ้นจากทุกข์ โดยตั้งจาตุรงค์มหาปนิธาน ในพระหฤทัยว่า "ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตราบใด จักไม่เสด็จลุกขึ้นตราบนั้น แม้พระมังสะ (เนื้อ) และพระโลหิตจะแห้งเหือดไปเหลือแต่พระตจะ(หนัง) พระนหารุ(เอ็น) และพระอัฐ (กระดูก) ก็ตามที" ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัยด้วยวิธีที่เรียกว่าเข้าฌาน

พระ มหาบุรุษทรงบรรลุญาณที่หนึ่ง (บุพเพนิวาสานุสติญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงอดีตชาติหนหลังทั้งของตนและคนอื่น) ในตอนปฐมยาม พอถึงมัชฌิมยาม (ประมาณเที่ยงคืน) ทรงบรรลุญาณที่สอง (จุตูปปาตญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความจุติ คือ ดับและเกิดของสัตว์โลก ตลอดถึงความแตกต่างกันที่เรียกว่า-กรรม) พอถึงปัจฉิมยาม (หลังเที่ยงคืนล่วงแล้ว) ทรงบรรลุญาณที่สาม (อาสวักขยญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปของกิเลส และอริยสัจ ๔ คือ ความทุกข์ เหตุเกิดของความทุกข์ ความดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์)

การได้บรรลุญาณ ทั้งสามของพระมหาบุรุษนั้นเรียกว่า ตรัสรู้ความเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นในคืนวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หลังจากนี้ พระนามว่า สิทธัตถะก็ดี พระโพธิสัตว์ก็ดี ที่เกิดใหม่ตอนก่อนตรัสรู้ว่าพระมหาบุรุษก็ดี ได้กลายเป็นพระนามในอดีตหนหลัง เพราะตั้งแต่นี้ต่อไป ทรงมีพระนามใหม่ว่า "อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" แปลว่า พระผู้ตรัสรู้ธรรมเครื่องหลุดพ้นจากกิเลสโดยชอบด้วยพระองค์เอง
ทรงเบิก บานพระหฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหา อันเป็นตัวการก่อให้เกิดสงสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์หลายเอนกชาติว่า "นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนคือตัณหา ตลอดชาติอันจะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบท่านเลย นับแต่นี้ไป ท่านจะทำเรือนให้ตถาคตไม่ได้อีกแล้ว กลอนเรือนเราก็ได้รื้อเสียแล้ว ช่อฟ้าเราก็ทำลายแล้ว จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งแล้ว เราถึงความดับสิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว" ในขณะนั้นมหาอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหว พฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิตดอกออกช่องามตระการตา เทพเจ้าทุกข์ชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำสักการะบูชา เปล่งวาจาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ด้วยปีติยินดีเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นมูลเหตุให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู้ เพื่อเป็นพุทธานุสสติ

ดวงชะตา
สิทธิการิยะ คนที่เกิดวันพฤหัสฯนั้นท่านว่า เป็นคนมีปัญญาชาญฉลาด มีความยุติธรรมเที่ยงตรง มีความรู้กว้างขวาง ชอบเรียนรู้ ใจเอื้อเฟื้อ แต่เป็นคนไม่ยอมคน ไม่ฉ้อฉลจนเป็นคนสังคมแคบ ด้วยความที่เป็นผู้มีความรู้มีปัญญา โบราณจารย์จึงให้พระปางสมาธิเป็นพระประจำวันเกิด เนื่องจากหมายถึงการเจริญสมาธิอันหมายถึงปัญญา

พระเครื่องที่เหมาะ สมกับผู้ที่เกิดวันพฤหัสฯนั้น เนื่องจากเป็นผู้ที่มีปัญญา มีความรู้กว้างขวาง พระพิมพ์ที่ช่วยเสริมดวงวาสนานั้น โบราณท่านว่า พระปางเปิดโลก ท่านถือว่าเป็นพระแห่งปัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันนี้เป็นที่สุด พระพิมพ์นี้ ที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น กรุเตาเรียง จ.สุโขทัย พระร่วงเปิดโลกพิมพ์เม็ดทองหลาง จ.กำแพงเพชร ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพฤหัสฯ พระคู่กายคือพระยืนปางเปิดโลกเป็นดีที่สุด (เป็นพิมพ์ที่มีน้อย หายากพอสมควร แต่ถ้าไม่ใช่พิมพ์ที่นิยม ราคาเช่าหาจะไม่แพงนัก)

คาถาสวดบูชา
ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง โมระโยนิยัง เยนะ สังวิหิตารักขัง มหาสัตตัง
วเนจรา จิรัสสัง วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ คัณหิตุง ฯ
อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหาร คาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
การทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไป
ผู้ที่เกิดวัน พฤหัสบดี พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีเหลืองหรือสีไพล ส่วนสีรองลงมาคือ สีน้ำเงิน สีแดง สีเขียว พึงเว้น สีดำ สรกรมท่า และสีน้ำเงินแก่



พระ ประจำวันศุกร์ : พระปางรำพึง



พุทธ ประวัติ
ในสัปดาห์ที่ ๕ เมื่อกลับมาประทับโคนต้นไทร ทรงท้อพระทัยในอันโปรดสัตว์
สหัมบดีพรหม ระหว่างที่ประทับอยู่ ณ ที่นี่ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ทรงเห็นว่าเป็นธรรมที่มีความหมายสุขุมละเอียด ก็ทรงบังเกิดความท้อพระทัยว่า จะมีใครสักกี่คนที่จะฟังธรรมของพระองค์รู้เรื่อง พระทัยหนึ่งจึงเกิดความมักน้อยว่าจะไม่แสดงธรรมเพื่อโปรดใครเลย ท้าวสหัมบดีพรหมจึงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงเปล่งศัพท์สำเนียงอันดังถึงสามครั้งว่า "โลกจะฉิบหายในครั้งนี้" เสียงนั้นก็ดังแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ท้าวสหัมบดีพรหมจึงพร้อมด้วยเทวาคณานิกรลงมากราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ ทรงแสดงธรรม ด้วยคำอาราธนาว่า "ท้าวสหัมบดีพรหม ประณมกรกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐว่า สัตว์ในโลกนี้ ที่มีกิเลสบางเบาพอที่จะฟังธรรมเข้าใจนั้นมีอยู่ ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมช่วยเหลือชาวโลกเทอญ. (ต่อมาภาษาบาลีที่เป็นฉันท์บทนี้ ได้กลายเป็นสำหรับอาราธนาพระสงฆ์ในเมืองไทยให้แสดงธรรมมาจนทุกวันนี้.)

ถึง พระพุทธองค์จะทรงท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรม แต่อีกพระทัยหนึ่งซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า คือ พระมหากรุณาธิคุณนี่เอง ที่เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะทรงแสดงธรรม หลังจากตัดสินพระทัยแล้ว จึงทรงพิจารณาดูอัธยาศัยของคนในโลก แล้วทรงเห็นความแตกต่างแห่งระดับสติปัญญาของคนถึง ๔ ระดับ หรือ ๔ จำพวก
จำพวก ที่หนึ่ง ฉลาดมาก เพียงแต่ได้ฟังหัวข้อธรรมที่ยกขึ้นก็เข้าใจทันที
จำพวก ที่สอง ฉลาดพอควร ต่อเมื่อฟังคำอธิบายอีกชั้นหนึ่งจึงเข้าใจ
จำพวก ที่สาม ฉลาดปานกลาง ที่เรียกว่าเวไนยสัตว์ ต้องใช้เวลาอบรมบ่มสติปัญญาพอควร จึงจะเข้าใจ
จำพวกที่สี่ เรียกว่า "ปทปรมะ" ตรงกับภาษาไทยว่า โง่ทึบ ตรงกับคำอังกฤษว่า Idiot เป็นคนที่ใครโปรดไม่ได้ เรียกอีกสำนวนหนึ่งว่า ผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงทอดทิ้ง.
จำพวกที่หนึ่ง เปรียบเหมือนดอกบัวเปี่ยมน้ำ พอได้รับแสงอาทิตย์ก็บาน จำพวกที่สอง เหมือนดอกบัวใต้น้ำที่จะโผล่พ้นน้ำ และที่จะบานในวันรุ่งขึ้น จำพวกที่สามเหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปหน่อย ซึ่งจะแก่กล้าขึ้นมาบานในวันต่อ ๆ ไป และจำพวกที่สี่ เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปมาก ถึงขนาดไม่อาจขึ้นมาบานได้ ต้องตกเป็นภักษาของปลาและเต่าเสียก่อน ระดับแตกต่างแห่งสติปัญญาของคนในโลกที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นดังกล่าวนี้ คือ สิ่งที่ภาษาจิตวิทยาทุกวันนี้ เรียกกันว่า ไอ.คิว. ของคนนั่นเอง

ดวงชะตา
สิทธิการิยะ คนที่เกิดวันศุกร์นั้นท่านว่าเป็นคนราคะจริตสูง เป็นคนหลงในสิ่งสวยงามชอบของสวยของงาม ทำงานประณีต โบราณจารย์ ท่านจึงให้พระปางรำพึง เป็นอนุสติเตือน ปางรำพึงนั้น ตามพุทธประวัติเป็นปางที่พระพุทธองค์ พิจารณาธรรมสังเวช หมายถึง อสุภกรรมฐาน ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เกิดวันศุกร์จึงควรมีพระปางรำพึงไว้ เป็นอนุสติไว้ไม่ให้หลง

พระเครื่องที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดวันศุกร์ นั้น จึงควรเป็นพระปิตตาภควัมปติเพื่อเป็นลักษณะอณุสติเตือนใจ มิให้หลงในสิ่งต่างๆ และเสริมดวงโชคลาภวาสนา
จะไหลมาอย่างที่คาดไม่ถึง พระพิมพ์ปิตตาภควัมปติที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น
พระภควัมปติ ของหลวงพ่อแก้ว จ.ชลบุรี พระภควัมปติของหลวงปู่เอี่ยม
วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันศุกร์ พระคู่กาย ควรจะเป็นพระปิตตา มหาอุตม์ แบบต่างๆ (พระปิดตา มีสร้างกันมาตลอดต่อเนื่อง โดยพระเกจิอาจารย์ต่างๆ มากมาย หาเช่าบูชาได้ง่าย และไม่จำเป็นที่จะต้องเอาระดับที่เซียนพระเขาสะสมกัน)

คาถาสวดบูชา
อัป ปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุ สัมมะเต อะมะนุสเนหิ จัณเฑหิ
สะทา กิพพิ สะการิภิ ปะริสานัญจะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ คุตติยา
ยัน เทเสหิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
อาหาร คาว : ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม
อาหาร หวาน : ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก
ของ ถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
การทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
การ ประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย
ผู้ที่เกิดวันศุกร์ พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินแก่ ส่วนสีรองลงมาคือ สีขาวนวล สีม่วง สีเหลือง พึงเว้นสีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก



พระประจำวันเสาร์ : พระปางนาคปรก



พุทธประวัติ
ภายหลังที่ตรัสรู้พระอนุตรสัมมา สัมโพธิญาณแล้ว ๔๒ วัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับบำเพ็ญสมาบัติ เสวยวิมุติสุขซึ่งเกิดแต่ความพ้นจากกิเลสอาสวะอยู่ ณ ร่มไม้จิก ( มุจลินทพฤกษ์ ) ต้นหนึ่ง อันอยู่ทางทิศตะวันออกของพระมหาโพธิ์พฤกษ์ เป็นเวลา ๗ วัน มีพระยานาคตนหนึ่งชื่อ มุจลินท์นาคราชอาศัยอยู่ในสระใหญ่ใกล้ๆที่นั้น ขึ้นมาแสดงอิทธิฤทธิ์ แผ่พังพาน และวงขนดกายเป็น ๗ รอบ ล้อมพระพุทธเจ้าไม่ให้ถูกต้องลมและฝน จนกระทั่งฝนหาย จึงแปลงร่างเป็นมนุษย์เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ต่อจากนั้นพระพุทธองค์ ก็ออกจาก สมาบัติเสด็จดำเนินไปสู่ร่มไม้เกต(ราชายตนะพฤกษ์) อันอยู่ทางทิศใต้ของไม้จิกต้นนั้น
พระพุทธรูปนางปรกที่พุทธศาสนิกชน สร้างขึ้น ก็เป็นนิมิตหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับพระพุทธเจ้าในปางหรือในตอนนี้ เป็นพระพุทธรูปที่เชื่อถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา เพราะเป็นรูปหรือภาพที่สอนคนทางอ้อมให้เห็นอานิสงส์หรือผลดีของเมตตา เพราะเเม้แต่พญางูใหญ่สระน้ำก็ยังขึ้นมาจากสระเข้าไปถวายความอารักขาแก่พระ พุทธเจ้า ทั้งนี้ด้วยพลานุภาพแห่งพระมหากรุณาของพระพุทธองค์

ดวง ชะตา
สิทธิการิยะ ท่านที่เกิดวันเสาร์ ท่านว่าเป็นคนจริงจังกับชีวิต พูดจริงทำจริง
ภายนอกดูดุดันแต่ภายในใจเป็นคน ใจอ่อน แต่เป็นคนที่หาคนทำร้ายได้ยากยิ่ง
เนื่องจากตำแหน่งลักขณาดาวนี้ดวงแข็ง โบราณจารย์ถือว่า คนเกิดวันเสาร์นั้นดวงแข็งไม่มีผู้ใดทำร้ายได้ จึงถือเอาพระปางนาคปรกเป็นพระประจำวันเกิด เนื่องจากหมายถึง พระยามุจลินทร์นาคราช มาแผ่พังพาฬป้องกันภยันตรายต่างๆแก่พระพุทธองค์

พระ เครื่องที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เกิดในวันเสาร์ เนื่องจากดาวเสาร์ เป็นคนจริงจังเคร่งเครียด พระพิมพ์ที่เสริมดวงของผู้ที่เกิดวันนี้นั้นควรจะเป็น พระที่ทำจากว่านอันเป็นคุณลักษณะที่เย็นและบริสุทธิ์จากธรรมชาติ อาทิเช่น พระว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ปัตตานี , พระกำแพงว่านหน้ากอง หน้าเงิน พระว่านจำปาศักดิ์ ประเทศลาว , พระมหาว่านขาว มหาว่านดำ สำนักเขาฮ้อ พัทลุง ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันเสาร์ พระคู่กายควรเป็น พระเนื้อว่าน เป็นดีที่สุด

คาถาสวดบูชา
ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา
โวโรเปตา เตน สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ คัพภัสสะ ฯ
อาหารที่ควร ถวายพระประจำวันนี้
อาหารคาว : ประเภทของขม ของดำมะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว
อาหารหวาน : ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง
ของถวายพระ : ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด
การทำทาน : โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท
การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม
ผู้ ที่เกิดวันเสาร์ พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีดำหลัว หรือสีม่วง ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก สีน้ำเงิน พึงเว้นสีเขียว



พระประจำวันพระเกตุเสวยอายุ



“ปาง สมาธิเพชร”
พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิไขว้พระชงฆ์ (แข้ง) หงายฝ่าพระบาททั้งสองข้าง พระหัตถ์วางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้าย

ประวัติ ย่อ…
หลังจากที่พระมหาบุรุษรับหญ้าคาจาก นายโสตถิยะแล้ว ทรงปูลาดที่โคนต้นโพธิ์แล้วประทับนั่งพร้อมอธิฐานความเพียรครั้งสำคัญว่า “หากไม่ตรัสรู้ก็ไม่ลุกจากที่นี่ ไม่ว่าเลือดและเนื้อในกายจะเหี่ยวแห้งจนถึงสิ้นชีวิตก็ตาม” ด้วยพระทัยที่แน่วแน่และมั่นคงพระองค์จึงชนะอุปสรรค และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา

บทสวดมนต์บูชาเมื่อพระเกตุ เสวยอายุ..
ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร
อะ ภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ
สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง
สุกขะโณ สุมุตหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ
ปะ ทักขิณัง มะโนกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ




ข้อมูลบางส่วนจาก
http://www.culture.go.th/
http://www.banphra.com/dailybuddha/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ