ตำนานห้างเซ็นทรัล
จากร้านจำหน่ายหนังสือมาเป็นห้างระดับโลก
การเจริญเติบโตของห้างเซ็นทรัล อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มองการณ์ไกล และยึดมั่นในอุดมการณ์ เช่นคุณเตียง จิราธิวัฒน์ บิดาคุณสัมฤทธิ์ ได้สั่งลูกๆ ว่าเมื่อไรมีเงินให้ซื้อที่ดินเก็บไว้
โดย...สมาน สุดโต
60 ปีที่เติบโต
เมื่อย้อนดูอดีตกว่าจะถึงวันนี้ของห้างเซ็นทรัล พบว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะเพียง 60 ปี สามารถสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ในประเทศนี้ได้ทุกแห่ง
ข้อมูลหลักที่นำมารายงานในวันนี้มาจากหนังสือ Built to Last six decades of Central, the store that inspires generations 6 ทศวรรษ...เซ็นทรัล ตีพิมพ์ เมื่องานฉลอง 60 ปี พ.ศ. 2550 หรือ ค.ศ. 2007
หนังสือนี้อ้างคำพูดคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป มาเป็นไฮไลต์ ว่า
ความสำเร็จของเราเติบโตขึ้นจากความตั้งใจแน่วแน่ที่จะนำประเทศไทยก้าว เข้าสู่โลกสมัยใหม่ เรายึดมั่นในพันธสัญญา ที่จะมีส่วนร่วมสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ และช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวไทยทุกคน
หนังสือได้บอกเล่าตำนานความเป็นมาของห้างเซ็นทรัลค่อนข้างละเอียด พร้อมกับแสดงภาพการขยายตัวของห้าง หลังจากคุณสัมฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งได้เริ่มต้นด้วยการตั้งร้านค้าที่ถนนสี่พระยา เพื่อจำหน่ายหนังสือ และนิตยสาร ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2490 หรือ ค.ศ. 1947
ก่อนที่คุณสัมฤทธิ์จะมาเริ่มตั้งร้านขายหนังสือ คุณสัมฤทธิ์ช่วยบิดาคือคุณเตียง ค้าขายอยู่ย่านบางมด บางขุนเทียน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรือกสวน และคูคลองที่เป็นเส้นทางคมนาคมหลักในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับคุณเตียง บิดาคุณสัมฤทธิ์ เป็นชาวไหหลำ เมื่อวัย 22 ปี ได้อพยพจากเมืองจีนพร้อมกับภรรยา และบุตรชายวัย 2 ขวบ คือคุณสัมฤทธิ์ มาตั้งรกรากในเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2470 สมัยรัชกาลที่ 7 เริ่มธุรกิจด้วยการเปิดร้านขายกาแฟและสินค้าเบ็ดเตล็ดย่านบางมด ต่อมาเปิดร้านค้าชื่อว่าเข่งเซ่งหลี ย่านบางขุนเทียน ที่ร้านนี้รวมร้านอาหาร กาแฟ ของใช้เบ็ดเตล็ด ตัดเสื้อผ้า และเป็นที่อยู่อาศัยในที่เดียวกัน ผู้บริหารห้างเซ็นทรัลยังไม่ลืมสถานที่ที่ตั้งตัวแต่แรก จึงสร้างศาลาปฏิบัติธรรมถวายวัดราชโอรสหลังหนึ่ง
คุณสัมฤทธิ์ ผู้มีชื่อภาษาจีนว่า ฮกเซ่ง มีความหมายว่าโชคลาภและความสำเร็จ ช่วยครอบครัวค้าขายทุกอย่าง เช่น พายเรือขายของในคลอง ช่วยขายของที่ร้าน กระนั้นยังปลีกเวลาไปเรียนรู้การซื้อขายสินค้าที่ภาคใต้กับเพื่อน ทำงานที่บริษัท พาราเมาท์พิคเจอร์ ในหน้าที่ติดต่อศุลกากรรับฟิล์มภาพยนตร์ที่สั่งจากต่างประเทศมาขาย เป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนจีนยกหมิ่น และร่วมกับเพื่อนรับนิตยสารต่างประเทศไปจำหน่ายตามร้านในกรุงเทพฯ
จากการร่วมกับเพื่อนในระยะแรก ได้ขยับมาเป็นผู้จำหน่ายหนังสือเองด้วยอาศัยทุน 2,000 บาท ที่หยิบยืมจากบิดา เงินเก็บและสร้อยทองคำของภรรยาที่เป็นของขวัญวันแต่งงานมาเป็นทุนดำเนิน ธุรกิจ กิจการดำเนินไปด้วยดี คืนทุนที่ยืมทั้งหมดแล้วก็มาเซ้งห้องแถวที่สี่พระยาขายหนังสือนำเข้าในนาม ห้างเซ็นทรัล เทรดดิ้ง นี่คือปฐมบทของห้างเซ็นทรัล ในปี 2490
ถัดมาอีก 3 ปี พ.ศ. 2493 หรือ ค.ศ. 1950 ขยายกิจการมาเปิดในตึกแถว 3 คูหาที่ถนนเจริญกรุง ใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล จำหน่ายหนังสือ และสินค้าอื่นๆ ในนาม บริษัท เซ็นทรัล เทรดดิ้ง
อีก 6 ปีต่อมา หรือ พ.ศ. 2499 หรือ 29 ปี นับแต่คุณเตียงอพยพมาอยู่เมืองไทย เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ ห้างใหญ่ที่สุด และทันสมัยที่สุดของเมืองไทยได้เปิดตัวที่วังบูรพา ศูนย์การค้าทันสมัยยุคต้นๆ ของเมืองหลวง ที่เป็นย่านแฟชั่นวัยรุ่น ในช่วงเดียวกันนั้นคุณเตียงก็ซื้อที่ดินสร้างบ้านที่ซอยศาลาแดง ในพื้นที่ 3 ไร่ ปลูกบ้าน 1 หลัง จากนั้นก็เพิ่มเป็น 6 ไร่ บ้าน 9 หลัง เพราะสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น
ปัจจุบันมีบ้านสำหรับจิราธิวัฒน์ 4 จุด คือบ้านศาลาแดง สาทรพาร์คเพลส คอนโดมิเนียม บ้านซอยพหลโยธิน 23 และโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์
สู้กับไดมารู
จากนั้นในปี พ.ศ. 2507 เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ สี่แยกราชประสงค์ ก็ปรากฏโฉม ในปี พ.ศ. 2511 เซ็นทรัล สีลม อาคาร 9 ชั้น ก็ตามมาติดๆ
การเปิดที่สี่แยกราชประสงค์ และสีลม เซ็นทรัลมีคู่แข่งสำคัญคือ ห้างไดมารู ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น ที่เปิดกิจการอยู่ที่ราชดำริอาเขต ห้างญี่ปุ่นทันสมัย มีบันไดเลื่อน และจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่น ถูกใจวัยรุ่น แต่เซ็นทรัลก็ท้าทาย โดยติดตั้งบันไดเลื่อนที่ห้างเซ็นทรัลสีลม พร้อมกับจัด Window Display ถือว่าเป็นห้างแห่งแรกในไทยที่ทำเช่นนี้ รวมทั้งจัดสัปดาห์สินค้านานาชาติ และสัปดาห์สินค้าไทย ส่งเสริมการขาย พร้อมทั้งโฆษณาทางสื่อหนังสือพิมพ์ ทำให้ลูกค้าคึกคักมาก
หนังสือบันทึก 6 ทศวรรษห้างเซ็นทรัล กล่าวว่า ต่อมาไม่นานประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสำคัญช่วง การต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น ตามด้วยเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 กระแสความรู้สึกชาตินิยม ถือเป็นความรู้สึกร่วมของคนไทยในยุคนั้นที่ต้องการต่อต้านสินค้าและการกระทำ ของต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น
ห้างเซ็นทรัลก็ได้ขานรับกับความรู้สึกของคนไทยด้วยการจัดสัปดาห์สินค้า ไทยขึ้นเป็นครั้งแรกที่เซ็นทรัลสีลม เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไทย ผู้ประกอบการไทย ที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในขณะนั้น
หลังจากความสำเร็จของห้างเซ็นทรัลราชประสงค์ ในปี พ.ศ. 2518 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ เป็นห้าง One Stop Shopping ก็ปรากฏโฉม และเป็นธงนำของบริษัทในเครือเซ็นทรัล พร้อมกันไปด้วย
คุณสิริเกศ จิราธิวัฒน์ จิรกิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสาขาบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล ได้กล่าวถึงห้างที่ชิดลมที่มี 7 ชั้น เพราะการมองการณ์ไกลของคุณพ่อ (คุณสัมฤทธิ์) ซึ่งคุณพ่อมองว่าที่ดินที่แยกชิดลมจะต้องดีมากๆ ตอนแรกจะสร้าง 2 ชั้น ให้มีชั้น 3 เพื่อจอดรถ แต่ให้วางรากฐานสำหรับ 7 ชั้น เพื่อขยาย แต่สถาปนิกไม่เห็นด้วยบอกว่าไม่ต้องทำให้เปลือง จะขยายก็ทุบสร้างใหม่ คุณพ่อไม่เอา จะทำไว้เลยตั้งแต่ต้น เพราะคิดว่าดีแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดการณ์
ปูพรม
ในปีต่อๆ มาก็มีห้างเซ็นทรัลลาดหญ้า เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว เฉพาะห้างที่ลาดพร้าวเป็นที่รวมร้านค้า โรงแรม 5 ดาว อาคารสำนักงาน และศูนย์ประชุมนานาชาติ
ปี 2522 เปิดเซ็นทรัลหัวหมาก ปี 2523 เปิด Zen, the trendy department store at Wold Trade Center (ต่อมาเปลี่ยนเป็นเซ็นทรัลเวิลด์ปรับโฉมแล้วเปิดเมื่อ ธ.ค. 2549)
ปี 2535 เปิดที่กาดสวนแก้ว เชียงใหม่ ปี 2536 เปิดที่รามอินทรา ปี 2538 เปิดที่หาดใหญ่ ปิ่นเกล้า และพัทยา ปี 2539 เปิดที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ปี 2540 เปิดที่ถนนพระรามที่ 3
ปี 2545 เปิดที่ถนนพระรามที่ 2 และ CPN เข้าถือหุ้นใหญ่ใน เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ตั้งชื่อใหม่ว่า เซ็นทรัลเวิลด์ ปี 2548 ได้รับพระราชทานตราครุฑ ปี 2459 เปิด The new Zen, Asia’s first lifestyle shopping hub ที่เซ็นทรัลเวิลด์
ปี 2550 ฉลองครบรอบ 60 ปีที่ก่อตั้ง
ปรัชญาแห่งความสำเร็จ
การเจริญเติบโตของห้างเซ็นทรัล อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มองการณ์ไกล และยึดมั่นในอุดมการณ์ เช่นคุณเตียง จิราธิวัฒน์ บิดาคุณสัมฤทธิ์ ได้สั่งลูกๆ ว่าเมื่อไรมีเงินให้ซื้อที่ดินเก็บไว้ หลักการนี้คุณสัมฤทธิ์ดำเนินการต่อ และให้ผลในปัจจุบัน จึงเห็นห้างเซ็นทรัลผุดขึ้นแบบปูพรม จากใจกลางกรุงเทพมหานคร กระจายทั่วไปตามชานเมือง และหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันคุณสัมฤทธิ์ ที่เป็นหัวเรือใหญ่ประกาศเมื่อ 2 ม.ค. 2534 ว่า
ข้าพเจ้ามีโรคประจำตัวคือแพ้
1 ควันบุหรี่
2 คนพูดมากไร้สาระ
3 คนไม่ตรงต่อเวลา
4 คนโลภเอาแต่ได้
5 คนอวดเก่ง แต่ไม่เก่งจริง
6 คนเอาเปรียบผู้อื่น
7 คนเกียจคร้าน
8 คนคดโกง ปากกับใจไม่ตรงกัน
9 คนไม่ยอมฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
10 คนดื้อรั้น แต่มีสติปัญญาน้อย
http://www2.posttoday.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ