SEX LIFE ของผู้ชายดอกทอง
ครั้งแรกในการมีเซ็กซ์ของ รงษ์ วงษ์สวรรค์?
ว้าว ! คำถามสวย! มันเริ่มต้นตั้งแต่เราเป็นเด็กในชนบท ที่โพธาราม จำได้แม่นมาก ข้างโรงเรียนจะมีรางรถไฟ ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรายังเรียนชั้นประถมอยู่ที่นั่น เย็น ๆเราชอบไปเดินตามรางรถไฟ
การเดินตามรางรถไฟเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งของเด็ก ๆ เดินหาหินเหล็กไฟ...เขาเรียกกันว่าหินน้ำผึ้ง เอามาขีดกับเหล็กตะไบเผาปุยดอกเต่าร้าง หรือไม่ก็เอาหุแนบแนบรางฟังว่ารถไฟมาหรือยัง
แล้ววันหนึ่งเราเดินไปคนเดียว ไม่มีเพื่อน เดินจนเหนื่อย ก้ลงไปนอนพักในคลองแห้งใต้ราง กำลังจะม่อยหลับ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันปรากฎว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนมัธยม มาคุยเรื่องแอบดูคนเอากันเราก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ฟังแล้วตื่นเต้น ตอนหลังก็เลยตามเขาไปบ้าง
คือมันมีห้องแถวในตลาด ผัวเมียแต่งงานกันใหม่ ๆ เราก้ไปแอบดุเขาทำอะไรกัน โดนเขาตะโกนด่าโฉงเฉง โดนเขาไล่ตีเอาบ้างซึ่งบ้านเมื่อก่อน ฝาก็เป็นบานเฟี้ยม เลื่อนปิดเปิด ไม่ใช่ประตู รูก็มีให้แอบดู เราก็ไป
จนกระทั่งมาอยู่กรุงเทพฯแล้ว ราวตีสี่ ลุกขึ้นมาท่องหนังสือสอบไล่ อยู่ ๆ เกิดอะไรไม่ทราบ...คันเงี่ยงแล้วเสียวลองห่อมือขยับมันก็หลั่งออกมา นั่นแหละครั้งแรกตอนนั้นเรียนมัธยมต้น ๆ หรือกลาง ๆ แถว ๆ นั้นมันเป็นไปโดยธรรมชาติ
เดี๋ยวนี้เราจึงเน้นเสมอว่า เรื่องเพศศึกษาจำเป็นอย่างมาก ต้องมีในหลักสูตรของโรงเรียน ตั้งแต่ชั้นประถม เพราะในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่มันจะเรียนรู้จากที่ต่าง ๆ โตขึ้นมาก็เรียนจากร้านเช่าหนังสือ จากหนังสือที่เรียกกันว่า "วรรณกรรมเฉาะแฉะ" หรือวรรณกรรมใต้เตียง" บางคนก็เรียกว่า "วรรณกรรมพิมพ์ดีด อัดโรเนียว แล้วก็เย็บเล่มมาขาย ต่อมาก็พัฒนาพิมพ์มาเป็นเล่ม เป็นปกอ่อนยิ่งกว่าพ็อกเก๊ตบุ๊คคือบางเฉียบเลย
ยุคเราแถวถนนสิบสามห้าง บางลำภู มันจะมีหนังสือพวกนี้ให้เช่าเราก็ไปเช่ามาอ่าน เป็นหนังสือโป๊-ถ้าอยากเรียกอย่างนี้ ความจริงน่าจะควบ ว ทัด การันต์....โปว์ - ค่อยฟังสัปดนเหมือนฮ่องเต้แก้ผ้าในเก๋งจีน...ไม่มีสุนทรีย์เอาเลย แต่สำหรับคนหนุ่ม อ่านแล้วมันตื่นเต้นอ่านแล้วต้องมาสเตอร์เบสต์ ซึ่งคิดว่าเป็นการเรียนที่ไม่ถูกวิธีเท่าไหร่
รายชื่อหนังสือเหล่านี้ เช่น สงครามพิงโอ่ง หรือ อีเป๋อร้อนสวาสดิ์ แน่ะ... อันนี้รู้สึกจะเขียนไว้ใน "๒ นาทีบางลำภู" ถ้าจะศึกษาต้องไปค้นหนังสือเล่มนั้น...ซึ่งคิดว่าไม่ใช่การศึกษาทางเพศที่ดี แต่ในที่สุดมันก็ผ่านมาเรื่อย ๆ ผ่านมาโดยธรามชาติ โดยการคุยกับเพื่อน การ สัปดนกับเพื่อนอะไรพวกนี้ ไอ้เรื่องสัปดนทุกคนที่เป็นผู้ชายย่อมรู้ดีว่าทำอะไรกันบ้าง
แล้วต่อมา พอเริ่มเรียนมัธยมปลาย ก็เริ่มอ่านงานวรรณกรรมเฉาะแฉะภาษาอังกฤษ เมื่อก่อนมันจะมีขายที่สะพานเหล็กแถวเวิ้งนาครเขษม มีร้านหนังสือเก่า ขายเฉพาะลูกค้าหน้าเก่าแอบยื่นให้กัน อย่างที่เรียก under-the-counter books ส่วนมากเป็นหนังสือที่พิมพ์ในเซี่ยงไฮ้
หนังสือโป๊ทำให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษ เพราะอยากรู้ มันทำให้เราอ่านหนังสือเก่งขึ้นด้วย สนุกมากเช่นเรื่อง The Autobiograhy of a Flea เคยอ่านไหม?
เรื่องของหมัดตัวหนึ่งซึ่งเกาะอยู่ที่ชายกระโปรงผู้หญิง แล้วมันก็เล่าพฤติการณ์ว่าไปนอนกับใคร ไปทำอะไรกับใคร โอ๊ย...สนุกมาก น่ารักมาก หมัดตัวแค่เนี้ย สาระแนเล่าชิบหาย เขาถือเป็นวรรณกรรมเฉาะแฉะของโลกนะ ไอ้หมัดห่าเนี่ย ไปเกาะมาดามคนนั้น มิสคนนี้ แล้วแม่งแฉโพยหมด ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรที่ไหน กับใคร สนุกเป็นบ้าเลย (HA-HA)
วรรณกรรมพวกนี้ไม่มีภาพประกอบ?
ไม่มี ยิ่งพิมพ์ในเซี่ยงไฮ้ ยิ่งปรู๊ฟผิดด้วย อะไรด้วย เยอะ พิมพ์ลวก แต่ที่พิมพ์มาจากประเทศอังกฤษประณีต อ่านแล้วต้องเก็บบนหิ้ง
จนกระทั่งเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ ทีนี้ก็เริ่มแตกฉานมาอ่านไอ้พวกชีวิตของดอนฮวน และอีกเยอะ จากนั้นก็พัฒนาตัวเองมาถึงขั้นอ่านงานของเฮนรี่ มิลเลอร์ ซึ่งตอนนั้นเราเป็นนักเขียนแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่หมายความว่าเมื่อเราเริ่มหนุ่ม มันจะพัฒนามาจากวรรณกรรมเฉาะแฉะ
และถ้าพูดถึงชีวิตเซ็กซ์ แน่นอน ผู้หญิงโสเภณีมีบทบาทแน่ สมัยนั้นราคา ๕ บาท ๑๐ บาท สมัยพ่อเรา ๒ สลึง เราถึงได้สารภาพว่ารู้จักโสเภณีมาก เมื่อรู้จักแล้วรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อน เป็นญาติ ถึงให้เกียรติมาก เราถือว่าโสเภณีเป็นชนชั้นที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในสังคม ไม่ต้องมาถกเถียงกันแล้วว่า ควรจะมีหรือไม่มี กดขี่ทางเพศหรือไม่กดขี่ ไม่ต้องพูด ปัญหานี้ไม่เกี่ยว
นี้คงเป็นคำถามหลักใช่ไหม? แบกมากี่หลัก? O.K.!
เราต้องขอสารภาพอีกทีว่าเป็นคนที่…จะเรียกว่า “ไอ้ดอกทอง” ก็ได้ เป็นคนค่อนข้างจะสำส่อน แต่เป็นคนให้เกียรติผู้หญิง เพราะมันเป็นของคู่กัน การให้เกียรติผู้หญิง มันแสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษ ขณะเดียวกันมันก็เท่ากับเป็นนายพราน เพราะเกียรติเป็นกับดักผู้หญิงชนิดหนึ่ง - ใช่ไหม?
คนที่จะเป็น “เพลย์บอย” ในความหมายแท้จริงของ playboy คนที่จะเป็น “นักรัก” ในความหมายแท้จริงของนักรัก จะต้องเป็นคนที่ให้เกียรติผู้หญิง ต้องบูชาผู้หญิง ไม่งั้นผู้หญิงเขาไม่เปิดประตูต้อนรับ ไอ้ง่าว! แค่ประตูที่หว่างขานะ ไม่ต้องถึงประตูหัวใจ
คือเรื่องนี้มันต้องเกื้อกูลกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ค่อยสวย ควรได้รับเกียรติที่สูงที่สุดยิ่งกว่า -lady-in-waiting ควรจะให้โอกาส… ถ้าเราคิดวาเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องบัดสีบัดเถลิง เป็นเรื่องของการชุบชูจิตใจ ให้สดชื่นเบิกบาน
แต่ไอ้พันธะต่างๆ หลังจากมีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว จะเป็นอย่างไรนั้นมันแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน ไม่ใช่ข้อผูกพัน ไม่ใช่ข้อผูกมัด ไม่ใช่การเป็นเจ้าของ ถ้าคิดได้อย่างนี้ ชิวิตก็จะมีความเบิกบาน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ข้อผูกมัดต่างๆ เงื่อนไขต่างๆ ขนบประเพณีต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้รสชาติของเซ็กซ์เปลี่ยนแปลง เซ็กซ์มันควรเป็นเรื่องของเสรี เป็นเรื่องของความพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องรู้จักชื่อกันก็ได้หลังจากนั้น ไม่จำเป็น
เซ็กซ์เป็นอาหารชนิดหนึ่ง แต่ถ้าเราไปคิดว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องของการสร้างครอบครัว สร้างบ้าน ปลูกวิมานบนดิน จะต้องมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะต้องมีโรลลส์-รอยศ์ ถ้าอย่างนั้นธรรมชาติของเซ็กซ์มันจะจางลง หรืออาจจะเพี้ยนไปเลย
นี่คือสิ่งที่พยายามทำตลอดมา หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเขียน เคยให้สัมภาษณ์ไว้นับไม่ถ้วนครั้งว่า หนุ่มสาวไม่ต้องถามหรอกว่าบรรลุนิติภาวะหรือยัง คำว่าบรรลุนิติภาวะเป็นเรื่องของกฏหมายเท่านั้น แต่คนที่เติบโตแข็งแรงพร้อมที่จะมีเซ็กซ์ พร้อมที่จะหลั่งอสุจิ พร้อมที่จะออแกสซั่มแล้ว อยากจะให้มีเซ็กซ์กัน สังวาสกัน เอากัน ในที่ๆ สวยงาม
เป็นต้นว่าบนพรมหญ้าสวยๆ ที่มองเห็นดวงจันทร์ เห็นดวงดาว เอียงตัวจูบกันแล้วได้ยินเสียงน้ำไหลในลำธาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ในที่ๆ มันสวยงาม ไม่ใช่ผู้หญิงแหงนหน้าขึ้นไปก็เจอแต่เพดานโรงแรม แขวนหยากไย่หรือกระจกเงาลวงตา ซึ่งอันนี้ถือเป็นเรื่องไร้เกียรติยศ ไร้ศักดิ์ศรีมาก มันเป็นผลมาจากการบีบคั้นทางสังคมด้วย
ทำไมหนุ่มสาวจะต้องไปมีเซ็กซ์กันในโรงแรมอาโกหรือโรงแรมรูดม่าน มันน่าทุเรศ! ซึ่งตัวเราเองเคยผ่านมาแล้ว และเห็นว่ามันไม่เอมอิ่มเหมือนกับที่เราไปอยู่ใต้แสงดาว บนโขดหิน หรือริมทะเล
แต่ขนบธรรมเนียมประเพณีมักจะกีดกั้น ขวางกั้น ว่าเป็นเรื่องซึ่งไม่ถูกต้อง จะต้องมีเซ็กซ์กันในที่รโหฐาน ในห้องในหับซึ่งสำหรับเรา มันเป็นเรื่องไร้สาระ
เราเห็นต้นไม้ดีๆ ยังอยากขึ้นไปเอากันบนต้นไม้เลย จริงๆ (HA-HA)
เลียว ศรีเสวก “อรวรรณ” ในสมัยที่เรายังเป็นเด็กหนุ่ม เขียนหนังสือนวนิยายใช้ฉากหัวหิน ท่านเขียนว่า “ขณะที่ทุกคนนั่งกินอาหาร เครื่องดื่ม กันอยู่ในโรงแรมหัวหิน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา บนหลังมีเม็ดทรายเปื้อนเป็นรอย ทุกคนซึ่งนั่งอยู่ในสถานที่โอ่อ่าราคาแพงนั้น มองด้วยสายตาตำหนิติฉินนินทา”
นี้คือสังคมยุคนั้น ประมาณพ.ศ. ๒๔๗๐-๘๐ อะไรแถวนั้น ขนบประเพณีบีบบังคับว่าผู้หญิงผู้ชายจะไปเอากันบนทรายไม่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นฉลาดที่สุด ที่รู้จักไปเอากับผู้ชายบนทราย อาจจะเอากับชาวประมง เอากับคนจรจัดที่ไหนก็ได้ หล่อนเป็นแพศยาน่ารัก คำนี้ยกย่องไม่ใช่ประณาม-lady of pleasure นี่แสดงว่าอรวรรณท่านก้าวหน้ามาก ในการเขียนเรื่อง เกี่ยวกับการสังวาส
เราอ่านตอนนั้นยังนึกว่า โอ้โหผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่ฉลาดจัง นี่ไง สิ่งที่เราเรียกว่าสุนทรีย์
ไอ้ขนบประเพณีหรือกฏเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับเซ็กซ์ ไม่ว่าสังคมไหน เอาโบสถ์หรือกฏหมายเป็นเกณฑ์ แต่คนเขียนกฏหมายเป็นพวกปากว่าตาขยิบ นักบวชเทศนาในธรรมที่ตนไม่ศรัทธา ก็บัดซบพอกันกับครูสอนศีลธรรมล่อลวงนักเรียนหญิงไปข่มขืน ในที่สุดก็บังคับให้คนเกิดความวิปริต เป็นต้นว่า เอากับเมียแต่ไม่สนุก อยากให้มีใครมาแอบดูสักคน สลับผัว-เมีย หรือเซ็กซ์ฝูง
มันก็คิดวิปริตกันไปเรื่อย เพราะถูกบังคับตั้งแต่แรกว่า การเอาผู้หญิงต้องนอนตรงนั้น ตรงนี้ ต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งมันโหดร้าย วันโกนวันพระห้ามเล่นท่า วันอาทิตย์เล่นได้ วันแอลกอฮอลิเดย์ หกคะเมนเอากันเลย (HA-HA)
นี้ทำให้คนไม่มีเสรีในทางเซ็กซ์ ทำให้ความรื่นรมย์ รสชาติที่ได้รับ สิ่งที่ทำให้ร่างกายเบิกบาน มีชิวิตชีวา มันขาดหายไป เซ็กซ์เป็นเรื่องของธรรมชาติโดยเฉพาะ
คิดว่ายุคนี้มีเสรีภาพทางเซ็กซ์ มากกว่ายุคก่อนหรือไม่?
ไม่รู้-อาจจะเอากันไวมากขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่ามีความจัดเจนแค่ไหน เซ็กซ์เป็นเรื่องของความจัดเจนด้วย เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน ต้องศึกษา นอกจากอารมณ์พิศวาส
รู้สึกว่ายุคนี้เอากันง่ายขึ้น แต่เอากันง่ายขึ้นก็ไม่ได้หมายถึงความงดงามของการสังวาส อาจจะเอากันชุ่ยๆ ลวกๆ เช่นเอากันในห้องน้ำ เอากันในห้องขี้ห้องเยี่ยวตามใต้ถุนโรงแรม ใต้ถุนโรงหนัง ไม่รู้มันจะสนุกตรงไหน นอกจากตื่นเต้นอย่างเดียว พอๆ กับการไล่ฆ่ากันในร้านเหล้า
ตัวเองในฐานะที่เป็นนักเขียน แล้วก็ค่อนข้างจะถูกกล่าวหาว่าเขียนเกี่ยวกับเซ็กซ์มาก ก็คิดว่าความงามในกามารมณ์ เป็นสิ่งที่ต้องเน้นถึงให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือมหาเศรษฐี
หลังจากมีเซ็กซ์แล้ว คุณต้องการอะไร บุหรี่สักมวน น้ำสักแก้ว หรือจะพึมพำบนซอกคอของผู้หญิง มันเป็นเรื่องงดงามนะ ไม่ใช่เสร็จผลัวะ ลุกขึ้นมา แล้วบอกว่าไอ้ห่า -เหม็น! อย่างนี้ก็บ้า! คนอย่างนี้จะไม่มีวันพบความสุขในเซ็กซ์เลย
ซึ่งคนอย่างนี้มีจริง เพื่อนเราบางคนเป็นอย่างนี้ พอได้สำเร็จความใคร่แล้ว ไมได้ยกย่องคู่นอนเลย มีข้อตำหนิขึ้นมาทีเดียว ซึ่งมันเป็นกรรมของเขาเอง
อย่างนี้ถือว่าเป็นพวกไม่จัดเจนเหมือนกัน ผู้จัดเจนต้องบอกว่าแหม…หอมจัง พูดแค่นี้คำเดียว ผู้หญิงตัวลอย ก้นลอยเลย ทำไมไม่พูด?
เซ็กซ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน นุ่มนวลอย่างร้อนแรง เป็นเรืองต้องฝึกฝน ต้องจัดเจน ต้องออมชอมกันมากๆ ซึ่งความงดงามอย่างนี้มันจะไม่เกิดในกรณีข่มขืนแน่ เพราะการข่มขืนเป็นความเจ็บปวด เจ็บปวดทั้งผู้หญิงที่โดนข่มขืน และผู้ชายที่ข่มขืน
ผู้ชายอาจจะไม่เจ็บปวดในขณะนั้น แต่จะมาเจ็บปวดภายหลัง เมื่อมีสำนึกในทางที่ดีขึ้นมา เพราะโดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์จะไม่สำนึกในทางที่เลว แต่ด้วยอารมณ์วูบหนึ่ง ทำให้กลายเป็นสัตว์ร้ายขึ้นมา
ดังนั้นถ้ามีการให้การศึกษาเรื่องเพศตั้งแต่เด็กจะดีกว่า เซ็กซ์ก็จะงดงาม จะได้รู้จักวิธีทำยังไงไม่ให้ท้อง ทำยังไงไม่มีโรค ทำยังไงไม่ฉีกขาด
ในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะอเมริกา เด็กผู้หญิงจะถูกสอนว่า ถ้าผู้ชายจะข่มขืน ถ้ามีโอกาส ถ้าเป็นไปได้ ให้ชักว่าวมันเลย ในขณะที่มันกำลัง attack แล้วจะรอดพ้นจากการข่มขืน ซึ่งปรากฏว่าได้ผล แทนที่จะร้องอย่างเดียวหรือหยิกข่วน
แต่ที่เมืองไทยคงไม่สอน เพราะพออ้าปากจะสอน ก็รู้สึกกระดากปาก รู้สึกว่าหยาบคายซะแล้ว จริงๆ ไม่ใช่เรื่องหยาบคาย ภาษาไทยมั่งคั่ง พอที่คุณจะเลี่ยงไปใช้คำโน้นคำนี้ได้
เดี๋ยวนี้แม้คำว่า “เอากัน” ก็ไม่หยาบแล้ว เมื่อยี่สิบปีที่แล้วเขียนไม่ได้บนหน้ากระดาษ ทุกคนต้องยอมรับความจริง ภาษาต้องเปลี่ยนไปตลอดเวลา คำว่า fuck เมื่อก่อนก็เขียนบนหน้ากระดาษอเมริกันไม่ได้ เป็นความยากใจของนักเขียนรุ่น เอ๊ฟ.สค็อทท์ ฟิทซ์เจอรัลด์ หรือ เออร์สคิน คอลด์เวลล์ ใครและใครถ้าอยากเขียน cunt cock pussy tits dildos หรือแม้แต่ fart แต่เดี๋ยวนี้เขียนได้ หลังจากสู้กันถึงศาล
ถ้าเราเริ่มกระดากปาก ก็ไม่ต้องสอนอะไรกัน แม้แต่วิธีการชำระล้างช่องคลอด-แคม-labia เด็กผู้หญิงไทยจำนวนมากยังไม่ได้รับการสอนที่ถูกต้อง มันก็เป็นโรคโน้นโรคนี้กันกระจุกระจิก น่ารำคาญ
ความจริงมันไม่ใช่เรื่องไม่งดงาม มันงดงามในแบบของมัน มันคงต้องสอนมาแต่อายุน้อย แล้วจะหมดปัญหา ปัญหาข่มขืน ปัญหาอะไรต่างๆ ก็จะลดลง
ที่พูดมาทั้งหมด ก็เพื่อเน้นว่าเรื่องเพศศึกษาจำเป็นมาก เมื่อเรารู้เรื่องเพศศึกษา การทำวรรณกรรมทำนองนี้ก็จะง่ายด้วย เพราะจะไม่มีครูศีลธรรมแสลงกามมาคอยชี้ว่าผิดหรือถูก
ประเทศไทยพอพูดถึงเรื่องเพศ จะมีครูมีพระมาเกี่ยวข้อง โดยที่ไม่ใช่หน้าที่เลย เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตที่มันเจริญวัย ซึ่งเราเรียกว่า “เจริญพันธุ์” เป็นคำที่เพราะ ที่ดีมากและชัดเจน
อย่างคำว่า “เงี่ยน” ไม่หยาบครับ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่หยาบ มันดัดจริตมาหยาบสมัยกรุงเทพฯ นี่แหละ คำนี้เป็นสิ่งท้าทายให้เขียนจริงๆ แต่ว่ามันไม่ง่ายเลย ที่เราจะวางลงไปบนหน้ากระดาษ มันต้องวางให้ถูกที ถูกมารยาทและถูกอารมณ์ของภาษา
แล้วอีกอย่าง ไม่มีอะไรที่จะสุดยอดสำหรับผู้ชาย ยิ่งไปกว่าเวลาได้ยินผู้หญิงที่เป็นผู้ดีทั้งเนื้อทั้งตัว มีฐานะสูงในสังคม เป็นคนที่นั่งแถวหน้าเสมอ แล้วพูดคำว่า “เด็ดหน่อยสิคะ-‘รงค์” โอ้โห… จะตายเอา ดอน กิโฮเต้ แม่ง…เลิกรบกับกังหันลมเลย (HA-HA)
เราเคยมีประสบการณ์อย่างนี้ มันที่สุดของชีวิตแล้ว คนที่ไม่น่าจะพูด แต่พูด ฟังน่ารักและไม่หยาบ เพราะอยู่กันสองคน ผู้หญิงระดับ sophisticated รู้ว่าจะพูดเมื่อไร อย่างไร? ทีนี้ถ้าเราเขียน จะทำอย่างไร โอ้โห…เหนื่อยชิบหายเลยเวลาเขียน ถ้าเขียนได้งดงาม สำเร็จเลยจริงๆ - บรรลุ
ช่วงชีวิตวัยหนุ่มที่บอกเองว่าใช้ ชีวิตแบบไอ้ดอกทอง อะไรทำให้ตัดสินใจหยุดชีวิตแบบนั้น?
ก็ไม่ได้หยุดนี่ไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย ก้ยังเป็นปรกติอยู่ ยังมีความสุขอยุ่กับการมีความรัก แต่วันเวลาที่ผ่านมาเงื่อนไขชีวิตกับอวัยวะ มันก็อาจจะลดราลงบ้างแต่ทุกอย่างมันยังเต้นเร่าอยู่ในหัวใจ มันเป็นแรงผลักดันให้เรามีชีวิต ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า sex drive มันยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญอยู่ เพียงแต่เงื่อนไขของอวัยวะหรืออายุมันอาจจะต้องเว้นระยะ ห่างออกไปบ้าง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังงดงามในจิตใจเสมอ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่งดงามในจิตใจคงเป็นนักเขียนไม่ได้ กิเลสตัณหาไง...มันเป็นเรื่องจำเป็นมาก
กิเลสตัณหาไม่ได้หมายถึงเซ็กซ์อย่างเดียว แต่ามันคืออย่างอื่นด้วย ในต้นไม้ ในนก ในปลา ในก้อนหิน และรวมทั้งในเซ็กซ์ มันจะต้องมีอยู่ มันจะต้องเร่าร้อนอยู่ ถ้ามันยังร้อนแรงอยู่ มันก็มีพลังขับในการทำงาน
ที่ถาม...หมายถึงการหยุดใช้ชีวิต เพลย์บอยมาใช้ชีวิตครอบครัว?
เยห์...ละครมันก็ต้องมีตอนปิดฉากสิ เมื่อเล่นครบองก์แล้ว ก็ต้องปิดฉากบ้าง หรืออาจจะมีอินเตอร์มิสชั่น ยังไม่แน่ใจว่าจะปิดก็แล้วแต่ (HA-HA)
เราก็ไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว ชีวิตคน มันยังมีเงื่อนไขกับงาน กับความหวัง กับความมีชีวิตชีวาของสังคม ที่เราอาศัยอยู่มันมีหลายเหตุผลแต่เซ็กซ์เป็นองค์ประกอบที่ต้องนับว่าสำคัญ อย่างยิ่ง
ชีวิตวัยหนุ่มของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ผ่านผู้หญิงมาสักกี่คน?
ข้อนี้เราไม่เก่งวิชาคำนวณ (HA-HA)
หลาย ๆ อย่างในชีวิตคนมันมีไว้สำหรับจำ อีกหลายอย่างมีไว้สำหรับลืม ไม่อย่างนั้นเราจะมีสัมภาระอยู่บนบ่ามาก
แต่พยามกำหนดใจว่าอย่าทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียใจในภายหลัง การขอโทษตัวเองหรือคนอื่นมันตะขิดตะขวง บางคนเขาจึงพาลดื้อด้านไม่ขอโทษใครทั้งนั้น - - ถ้าเขาบังเอิญ เป็นนายกรัฐมนตรี
เกลียดตัวเองโกรธตัวเอง โมโหตัวเอง แต่อย่าเอาความรู้สึกนี้ไปโยนให้คนอื่นชีวิตมันจะไม่โสภา
ระหว่างผู้หญิงต่างชาติกับผู้หญิง ไทยมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ทั้งในห้องนอนและนอกห้อง ?
แน่นอน ! ผู้หญิงแต่ละชาติย่อมมีคาแร็คเตอร์ไม่เหมือนกันผู้หญิงจีน ผู้หญิงญี่ปุ่น ผู้หญิงฝรั่งเศส ผู้หญิงอังกฤษ ผู้หญิงอเมริกันย่อมแตกต่างกันตามฐานะของเขาแต่รสชาติของกามารมณ์คงไม่แตก ต่างกัน ถึงบอกว่าผู้หญิงอย่างว่าแต่ยิ้มหรือยักคิ้วแม้แต่เวลาร้องไห้ก็สวย
ผู้หญิงจีนหรือผู้หญิงเอเชียจะร้องไห้แบบเอียงอาย จะต้องหาอะไรสำหรับซบสำหรับพิง สำหรับอิงสำหรับแอบร้องไห้ชะมดชะม้อยขวยเขิน
ผู้หญิงฝรั่งเศสร้องไห้ตรึงตาตรึงใจที่สุดเพราะก่อนร้องไห้จะมองหน้าคนรัก สบตา แล้วน้ำตาค่อย ๆ ไหลลงมา พรากมาผ่านร่องจมูกลงไปริมฝีปาก แล้วจะแลบลิ้นเลียน้ำตาหยดนั้น นี่เป็นวิธีร้องไห้ซึ่งทำให้เหล็กละลาย ผู้ชายที่เปรียบว่าเป็นเหล็กก็ละลาย
ผู้หญิงที่อยู่ในขนบประเพณีออย่างผู้หญิงตะวันออก เวลาถึงจุดออกแกสซั่มอาจขบปากแน่น ไม่อยากแม้แต่จะให้คู่นอนรู้ แต่ผู้หญิงอเมริกันโวยวายเหมือนกับของหายทั้ง ๆ ที่กำลังอมของ ๆ เราไว้ในช่องคลอด (HA-HA)
ดังนั้นมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอ สำหรับคนต่างชาติ ต่างผิว ต่างพันธุ์ ต่างขนบประเพณี ต่างสิ่งแวดล้อม แบบว่าอ่านนวนิยาย excotic
นักรักคนสำคัญคนหนึ่งของประเทศไทย เป็นคนที่สมาร์ท สามารถก้าวถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าผู้หญิงฮังกาเรี่ยนสวยที่สุด เร้าใจที่สุด เพราะผิวเหมือนกุหลาบ เมื่อท่านมีความรู้สึกอย่างนี้ท่านย่อมได้รสของกามารมณ์เต็มพิกัด เพราะความรู้สึกของท่านงดงาม
ซึ่งในทางกลับกัน คิดว่าผู้หญิงก็ต้องเป็นอย่างนั้น จะต้องมองผู้ชาย...คิดว่านะ เพราะเราไม่ได้เป็นผู้หญิง...ถ้าต้องมองด้วยสายตาอย่างนี้ มองกันด้วยความรู้สึกงดงาม ก็จะมีความสุข
แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก เราจะต้องให้ความเป็นธรรม ให้โอกาสแก่ผู้ชายผู้หญิงที่ไม่หล่อไม่สวย ที่พูดอย่างนี้เพราะว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็ถือว่าเป็นผู้ชายรูปงามคนหนึ่งเหมือนกัน แม้แต่เวลานี้ นาฑีนี้กินยาลดความหนุ่มเข้าไปแล้ว ๖๙ เม็ดแล้ว(HA-HA)
สังคมเราให้ความเป็นธรรม ให้โอกาสแก่คนไม่สวยน้อยเหลือเกิน ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ถ้าเราให้โอกาสแก่พวกหล่อนโลกจะรื่นรมย์ การประกวดนางงามนั่นไง เป็นการประจานอย่างไม่อับอายถึงความไม่ยุติธรรม
ความจริงนั้นแรกเริ่มเขาประกวดหมูหรือแม่วัวสืบพันธุ์ที่แข็งแรง แล้วต่อมาประกวดผู้หญิงเพื่อโฆษณาขายสบู่ ขายครีมทาผิวบนหากทรายริมทะเล ก็แค่นั้น ทำไมกลายเป็นกิจกรรมกระตุ้นความเงี่ยนระดับนโยบาย? (HA-HA)
ผู้ชายมองแต่ผู้หญิงสวย ผู้หญิงมองแต่ผู้ชายรูปหล่อ แล้วคนที่ไม่สวยไม่หล่อ อยู่ที่ไหน? ถ้าไม่ให้โอกาส ใช้ไม่ได้บกพร่องมากเป็นสังคมที่บกพร่อง!
ซึ่งจริง ๆ แล้วคนไม่สวยไม่หล่อก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความงามทางเซ็กซ์ได้?
แน่นอนที่สุด ถ้าจะมองกันให้ดี ๆ ผู้หญิงสวยทุกคนแต่เราไม่มีสายตาที่จะมอง เราไปกำหนดมาตรฐานการมองผู้หญิงสวยแบบกรีกสวยแบบนักกีฬา สวยแบบตัว S ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การเยื้องย่าง บนถนนหรือบนเตียงนอน จะต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของตัวS ซึ่งกรีกไปเรียนมาจากใครก็ไม่รู้ แต่ในที่สุดโลกก็ยอมรับว่า S Curveมันสวย
ในสมัยโมกุลของอินเดียซึ่งรุ่งเรื่องมาก ผู้หญิงต้อง plump ต้องใหญ่ ต้องเจ้าเนื้อ เดี๋ยวนี้เรามาตกอยู่ใต้อิทธิพลของแฟชั่นปารีสผู้หญิงต้องผอมบาง ซึ่งเราไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงบาง ๆ อย่างนั้นจะทำให้เซ็กซ์มีความสนุกสนาน เรากลัวมันหักกลาง กำลัง เอา ๆ กันแล้วแม่งหัก ชิบหายเลย เครื่องเพศของเราก็เลยสบักสบอมไปด้วย (HA-HA)
แต่อย่างว่ามันก็แล้วแต่จิตใจของใครคนนั้นเหมือนกัน อย่างอบิสซีเนียเขาก็มองเห็นผู้หญิงพุงป่องเป็นตานขโมยของเขาสวยหรืออินเดีย ก็ยังมองว่าผู้หญิงท้องโต ๆ แล้วมีสะดือผุดออกมานอกสาหรี สวย ซึ่งบางทีเราอาจจะคิดว่าไม่สวย
แต่ยุคผู้หญิงใต้อิทธิพลของอีฟแซงต์ ลอรองต์ อะไรพวกนี้ไม่ไหว มันผอมเกินไป เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องเซ็กซ์ มันเป็นเรื่องของการค้นหาความสำเร็จในระบอบอุตสาหกรรม Textile สิ่งทอพวกดีไซน์เนอร์ทั้งหลายเป็นคนทำงานให้อุตสาหกรรมสิ่งทอโดยเจตนาหรือ โดยบังเอิญ ฉะนั้น ก็ต้องกำหนดรูปร่างนางแบบให้มันผอมไว้ เพราะเขาไม่ได้อวดรูปร่างนางแบบ เขาอวดเสื้อผ้า
ดังนั้นพวกนางแบบก็เป็นอาชีพอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเราไม่ไปตำหนิเขา แต่เราก็ปากตำแยอยากพูดว่า เพื่อสนองอารมณ์วิปลาสของชนชั้นสูง ของผู้ดีคอนกรีท--ผู้ดีแคมกะไหล่ทอง แต่รูปร่างอย่างนั้นคิดว่าคงไม่ใช่อวัยวะที่ดีในการสังวาสมัยบอบบางไป ไม่ค่อยทนทาน น่าจะอวบกว่านั้น แบบที่อเมริกันพูดว่า oomph!
คนไทยโบราณ เพลย์บอยโบราณ รุ่น ๆ น้องขุนแผนหรือรอราช Jr. เขาถือว่าผู้หญิงที่เดือนหน้าหรือพรุ่งนี้จะออกลูก เอามันสุด ช่องคลอดแคบที่สุด แต่ตื้นไปหน่อย ก็ต้องระวัง เดี๋ยวลูกออกมาหัวเป็นรู (HA-HA)
คือคนไทย คนเอเชียนี่คิดว่าบรรลุนิติภาวะทางเซ็กซ์มาก่อนคนหลาย ๆ ชาติ อย่างความสำเร็จยิ่งใหญ่มโหฬารของหนังสือ PLAYBOY ของฮิวจ์ เฮฟเนอร์ แค่การขายนมผู้หญิงเท่านั้นเอง คนอังกฤษ ซึ่งเป็นชาติที่อาวุโสกว่าเขาหัวเราะเยาะ เขาว่ามันโง่ มันยังไร้เดียงสา เห็นนมก็บ้าแล้วอังกฤษเขาไปไกลกว่านั้น
ถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีฝรั่งชาติไหนสัปดนเท่าอังกฤษ หมายถึงผู้ดีอังกฤษนะ พวกขุนนางในราชสำนักอะไรพวกนั้น สัปดนซึ่งอเมริกันยังไปไม่ถึงหรอก
แต่คนเอเชียฉลาดกว่ามาก บรรลุนิติภาวะทางนี้แล้ว ถึงขึ้นปรมากาเม! มีนิทานที่แสดงถึงความบรรลุนิติภาวะทางเซ็กซ์ของคนไทย... ผัวเมียแจวเรื่อขายถ่านจากตำบลบ้านป่ามาครึ่งค่อนวันเมียก็ชักจะเหนื่อย เริ่มปัดป่ายเก้ ๆ กัง ๆ ผัวแจวท้ายอยู่ก็โมโห บอกอีห่านี่มันไม่เข้าท่าเลยยั่วโมโหกู จอดเรื่อง เ-ด สักทีดีมั้ยเมียบอกแหมดี!ฉันกำลังคิดอยู่จ้ะพี่(HA-HA)
เป็นนิทานที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยบรรลุนิติภาวะทางนี้จริง ๆคือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องต้องประดิดประดอย ต้องไปอาบน้ำพรมน้ำอบเป็นขวด ๆ แล้วฟักกิ้งเลิฟว์
พวกนี้นะ พวกนิทานอีโรติกเก่า ๆ ทั้งหลาย มันบอกได้ถึง maturity แล้วคนไทยมาดัดจริตเมื่อไม่นานนี้ มาดัดจริตว่าไอ้นั่นก็หยาบ ไอ้นี่ก็หยาบ ความจริง ใจน่ะคิดอยู่ซึ่งถ้าใจคิดอย่างสะอาดมันก็ไม่มีอะไรสกปรก ร่างกายที่แข็งแรง โอกาสที่งดงาม มันย่อมงดงาม เราสร้างประเพณีขึ้นมาเพื่อเอาเปรียบกันต่างหาก และขนบประเพณีก็มาผูกมัดจนความมีเสรีมันหมดไป ความงดงามก็หมดไปด้วย
อ่านขุนช้างขุนแผนก็จะรู้ เณรแก้วมันเล่นผู้หญิงมาตั้งแต่ในไร่ฝ้ายแล้ว มันสวยไหม? นางพิมโดนล่อในไร่ฝ้าย สวยที่สุด! ไม่มีอะไรเหมือนแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งเห็นภาพ ว่ามันงดงามเป็นอมตะ
'รงค์ วงษ์สวรรค์ มองการออกมาประณามเด็กผู้หญิงสวมเสื้อสายเดี่ยวอย่างไร?
มองว่าโง่ เด็กใสสายเดี่ยวมันจะเสียหายอะไร มันอยู่ที่ผู้หญิงเขาจะตัดสินใจเองว่าจะใส่หรือไม่ใส่ แล้วมันอยู่ที่เงื่อนไขว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีสำนึกด้วยว่า ตัวเองสมควรจะใส่ไหม? มีนมไหม? ถ้าไม่มีนมเลยใส่แล้วก็ไม่งามกลายเป็นhanger เป็นไม่แขวนผ้า (HA-HA) แถมยังทำร้ายจิตใจคนมอง--ใช่ไหม?
เหมือนกับในสมัยที่นุ่งมินิสเกิร์ตมันเคยสูงถึงแก้มก้น มันมีอยู่เงื่อนไขเดียวว่า if you have leg for it ถ้าคุณมีขาสำหรับมัน โอเค! แต่ถ้าขาคุณลีบ หรือขาคุณใหญ่เป็นขาโต๊ะบิลเลียด คุณก็ใส่มินิสเกิร์ตไม่ได้ มันทำร้ายจิตใจคนบนถนน มันไม่งาม ทำร้ายแม้แต่กระจกเงา
ถ้าเป็นยุคสายเดี่ยว เงื่อนไขคงเปลี่ยนเป็น if you have a tit for it ถ้ามีนมสวย ใส่สายเดี่ยวก็สวย
สำหรับการออกมาประณาม ออกมาด่า เราคิดว่าคนสูงอายุไม่ให้ความเป็นธรรมเด็ก เด็กเขาอยากจะใส่ อยากอวดมันเป็นความผิดหรือ ? ถ้าอยากอวดความงามของตัวเอง และมันเป็นวัยที่ต้องอวดเพียงแต่การอวดของพศ.นี้กับเมื่อ 50 พศ. ที่ผ่านมามันไม่เหมือนกัน
ยุ่งไม่เข้าเรื่อง! เป็นเรื่องของผู้ใหญ่สาระแน แล้วครูเข้าไปสมทบตำรวจเข้าไปสนับสนุน บ้ากันใหญ่! ก็มันเรื่องของเด็ก เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คุณเปิดประเทศ หรือถึงคุณไม่เปิดประเทศ ประเทศก็เปิดตัวเอง พาหนะในการเดินทางรอบโลกมันเร็วกว่าแจวเรือจากกรุงเทพฯ-อยุธยาซะอีก เดี๋ยวนี้มีอินเตอร์เน็ต คุณไม่สามารถมาปิดกั้นอารยธรรม วัฒนธรรม และ กษัยธรรม และไม่สามารถจะพูดว่าสิ่งที่คุณไม่ถูกตาถูกใจ เป็น อนารยธรรม เพราะโลกมันแคบ มันเล็กลงเท่าเม็ดมณี!
รู้ไหมเม็ดมณีเม็ดอะไร ? คำนี้เปลื้องเอามาจากสันสกฤต แปลว่าเม็ดคลิท -- clitoris!
คนออกมาติง อ้างความหวังดี ว่าแต่งตัวแบบนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน?
รัฐบาลทั้งรัฐบาลคุยว่าเป็นคนฉลาดทั้งนั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ไม่สามารถทำให้คนมีชีวิตแต่งงานที่ราบรื่นได้ ไม่สามารถทำให้คนไปหาโสเภณีในราคาสมเหตุสมผล ไม่เป็นโรคเป็นภัย รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ แล้วมาโทษเด็กว่ายั่วยุให้เกิดการข่มขืนได้อย่างไร ทุเรศ!
การเจริญพันธุ์ เจริญวัยมันเป็นเรื่องธรรมดาใคร ๆ ก็อยากจะอวดทั้งนั้นแล้ว สำหรับยุคนี้
'รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ประกาศไว้นานแล้วว่าจะหยุดตัวเลขอายุไว้ที่ 28 ไม่ทราบว่าตัวเลขเซ็กซ์ไลฟ์จะหยุดไว้ที่เท่าไหร่?
ก็ยังไม่รู้มันอยู่ที่สุขภาพจิตใจมันยังต้องการเสมอ ยังปราถนาอยู่เสมอ อยู่ที่เงื่อนไขของร่างกาย แต่ไม่ว่าเงื่อนไขของร่างกายเป็นอย่างไร ถ้าต้องประกอบการสังวาส จะทำให้ดีที่สุด เหมือนกับทำประติมากรรมชิ้นใหญ่ขนาดโอกิสเตอ โรแด็งน์...ขนาดนั้น! สาบานว่าจะไม่ทำด้วยความสะเพร่า ไม่ทำด้วยความเลินเล่อ แต่สอดสานก้านต่อดอกกรวยกาบกระหนกเครือเถาให้งดงามกว่าเลข 6 กระดอดกับ เลข 9
'รงค์ วงษ์สวรรค์ มีเซ็กซ์ครั้งหลังสุด...เมื่อไหร่?
เฮ้ยเราเป็นคนไม่ใช่ปฏิทิน(HA-HA)
จบ!!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ