ความที่รักกันมานาน อารมณ์จี๋จ๋าหวานจ๋อยเมื่อสมัยข้าวใหม่ปลามันก็พานหดหาย หนำซ้ำยังหงุดหงิดติดจะรำคาญกับพฤติกรรมต่างๆของเขา ที่เคยเห็นว่าน่ารักน่าหยิกก็กลายเป็นเรื่องขวางหูขวางตาชวนให้บ่นว่าไม่ เว้นแต่ละวัน หากรู้ตัวว่าความรักกำลังตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ หันมาทำใจเย็นรับบทเป็นนางเอกดีกว่าไหม ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ลงไปกว่านี้
ปัญหาของคนรักกันคือความขัด แย้งไม่ลงรอยในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น เขาชอบถอดถุงเท้าทิ้งเรี่ยราด วางเสื้อผ้าไม่เป็นที่เป็นทาง สมัยแรกรักก็พอทนได้ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเนอะ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจืดชืด เผลอๆอาจกลายเป็นขมขื่นฝืนกล้ำกลืน เพราะความอดทนที่พอกพูนขึ้นทุกวัน จนในที่สุดจากสาวหวานใสในอดีตก็แปลงกายเป็นนางมารร้าย บ่นได้เป็นบ่น ด่าได้เป็นด่า แว้ดๆๆดุยิ่งกว่าเสือแม่ลูกอ่อน จนอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกขึ้นมาในใจว่า แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆทำไมต้องโมโหโกรธาถึงเพียงนี้
ดังนั้นเราจึงกลายเป็นนาง ยักษ์ขมูขีในสายตาของเขาขึ้นมาทันที ผลร้ายย่อมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือฝ่ายชายหันไปหาลูกอ้อนจากมือที่สามนะสิ
คราวนี้นอกจากบทนางยักษ์ขมูขี ยังพ่วงคานทองเสริมใยเหล็กอีกด้วย...เศร้าเสียยิ่งกว่าเศร้า เพราะฉะนั้นเราต้องหาทางตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการปรับปรุงตัวเอง สวมบทนางเอกสุภาพชนเพื่อเสริมสร้างให้ความรักแข็งแรงมีสุขภาพดีแบบปลอดสาร พิษ
ก่อนเปิดศึก
เมื่อรู้ตัวว่าใบหน้าเริ่มร้อนผะผ่าวด้วยความโกรธ ปากคันยิบๆอยากจะแว้ดออกมาให้สะใจกี๋ ธรรมชาติของอารมณ์แบบนี้คือการต่อต้าน ทำทุกอย่างไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำ เพื่อประชดประชันให้อีกฝ่ายได้รู้สำนึก บรรยากาศปรอทเดือดแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรือช่วยแก้ปัญหาใดๆทั้งสิ้น คำพูดเชือดเฉือนมารออยู่ที่ริมฝีปาก เราอาจรู้สึกดีขึ้นถ้าได้ระบายออกมาแทนที่จะเก็บกดเอาไว้ แต่นั่นเท่ากับเป็นการโยนระเบิดลูกใหญ่ใส่ผู้ชายที่เรารัก รังแต่จะเพิ่มบาดแผลเหวอะหวะจากสะเก็ดระเบิดให้มากขึ้น ยากต่อการเยียวยาแก้ไขในภายหลัง ไม่ต้องแปลกใจหากเขามีปฏิกิริยาต่อต้านและไม่ยอมรับโดยทำหูทวนลมไม่รู้ไม่ ชี้ หรือไม่ก็แสดงความไม่สนใจจนออกนอกหน้า เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้อารมณ์รุนแรงมากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนความ โกรธเหมือนนางเอกสมัยท่านเจ้าคุณ ทางออกที่สวยงามคือทั้งสองฝ่ายจับมือกันเปลี่ยนแปลงอารมณ์ฉุนเฉียวให้กลาย เป็น การพูดคุยหรือสื่อสารกันอย่างมีเหตุมีผล ถ้าอยากกรี๊ดจนทนไม่ไหว ก็กรี๊ดสะให้หายแค้น แต่อย่าลืมบอกเขาด้วยว่า นี่คือการกรี๊ดเพื่อปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น มิได้หมายความว่าจะตัดเป็นตัดตายหรือสติแตกเพราะผีบ้าเข้าสิง
จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายค่ะ เคล็ดลับคือพยายามวิเคราะห์ตัวเองดูว่า การพูดจาหรือการกระทำใดที่มักพาไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อจับจุดตัวเองได้แล้วก็ให้ระงับเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังเป็นฝ่ายเปิด ศึก พยายามทำให้ได้ อย่าปล่อยให้โทสะจริตเข้าครอบงำจนหน้ามืดตามัว ดันทุรังดื้อด้านจะเอาชนะแต่ฝ่ายเดียว ไม่น่ารักเลยค่ะ
เมื่อระงับอารมณ์โกรธหรือการ กระทำที่อาจนำไปสู่การทะเลาะทุ่มเถียงได้แล้ว ก็ให้หันหน้าคุยกันถึงปัญหาด้วยเหตุผล อย่าเอะอะโวยวาย หรือเอาแต่นิ่งเงียบ เก็บปัญหาไว้โดยไม่ยอมพูดจา การได้พูดคุยกันตรงๆโดยไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวเป็นแรงผลักดัน จะทำให้ชีวิตรักสื่อสารได้คล่องตัวมากขึ้น
ยิ่งเงียบยิ่งแย่
คนที่เอาแต่เงียบปล่อยให้อีกฝ่ายฉอดๆๆๆใส่ไม่ยั้ง ยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้ถึงปัญหาที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร ฝ่ายที่ตกเป็นเป้าจะเกิดอารมณ์เดือดดาลและหาทางแก้แค้นในที่สุด เมื่อมีโอกาสก็จะตอบแทนให้สาสมยิ่งกว่าเดิมหลายเท่านัก เพราะสะสมไว้เยอะ จุดจบคือการเลิกราชนิดไม่ดูดำดูดีกันเลย
ทางออกจากวังวนนี้คือคุยๆๆๆๆ จับเข่าคุยให้เข้าใจกันเท่านั้นค่ะ
หัดเป็นผู้ฟังที่ดี ด้วย
อีกหนทางในการแก้ปัญหาที่ดีมากๆคือการฟัง เวลาทะเลาะกัน มักมีแต่คนพูดๆๆๆ ไม่มีใครยอมฟังใคร การคุยเปิดอกเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องพักฟังอีกฝ่ายบ้าง ไม่งั้นจะรู้หรือว่าเขาต้องการอะไร ซึ่งอาจทำให้เราถึงขีดสุด คราวต่อไปจึงระเบิดอารมณ์ใส่เขาแบบไม่ยั้งแทนที่จะคุยกันอย่างมีเหตุผล ปฏิกิริยาของเขาคือสร้างปราการป้องกันหู พอเห็นว่าเขาไม่ฟัง ก็ยิ่งเพิ่มวอลลุ่มหวังทลายปราการ แต่ยิ่งเสียงดังมากขึ้นเท่าไรเขาก็ยิ่งรับฟังน้อยลงเท่านั้น เราเองก็ยิ่งเดือดดาลตะเบ็งเสียงหนักกว่าเดิม คราวนี้เขาเลยทำท่าเหมือนหูหนวกสนิท เพื่อป้องกันตัวเองให้แน่นหนา
ทำอย่างไรจึงจะแหกด่านฝ่า วังวนนรกแบบนี้ได้ ข้อปฏิบัติง่ายๆคือเรียนรู้ที่จะรับฟังกันและกัน รู้จังหวะผ่อนคลาย รู้ว่าตอนไหนควรถอยตอนไหนสงบ
เคล็ดลับก่อนที่จะพูด ให้เขารับฟังโดยไม่ทำหูหนวกใส่ มีดังต่อไปนี้
- ใจเย็นสุดๆ ยิ่งเราใจเย็นเท่าไร ยิ่งดูน่าเข้ามาพูดคุยด้วยเท่านั้น เขาจะยอมคุยด้วยโดยดีหากเห็นว่าเราดูสงบเยือกเย็น
- อย่าพูดพล่ามนอกเรื่อง คุยกันทีละหัวข้อ ทีละปัญหา อย่าพูดเรื้อยเจื้อยเลยเถิดไปไปเรื่องอื่น ว่ากันทีละเรื่อง จบแล้วค่อยเริ่มเรื่องต่อไป
- อย่าเผลอชวนทะเลาะกัน เชียว สิ่งที่เคยทำ เช่น พูดจาแดกกัน ประชดประชัน ทำเสียงแว้ด หรือเอาแต่นั่งเงียบเหมือนอมสาก ไม่งั้นก็ไม่มีวันพูดกันรู้เรื่อง
- คิดก่อนพูด อันนี้สำคัญมาก ก่อนพูดอะไรแสลงใจ โปรดหยุดคิดสักนิดว่า สิ่งที่พูดไปนั้นจะทำร้ายจิตใจคนรักของเราหรือไม่ ถ้าใช่ สลัดทิ้งออกไปจากความคิดได้เลย เพราะอะไรก็ตามที่ทำร้ายเขาย่อมย้อนกลับมาทำร้ายเราด้วยในภายหลัง ดังนั้นควรพูดแต่สิ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาและทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
- ทำทุกอย่างเพื่อเราและ เขา อย่าลืมว่าจุดมุ่งหมายคือความสุขในชีวิตคู่ ไม่ใช่เพื่อกำจัดเขาทิ้งไปจากชีวิต
- ให้หยุดถกเถียงกันทันที ถ้ารู้สึกว่าชักมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว รอจนกว่าอารมณ์ร้อนซาลงค่อยหันมาคุยกันใหม่ ก่อนคุยถามเขาสักนิดก็ดีว่า เราควรทำอย่างไรเวลาคุยกันแล้วเขาจะไม่โกรธ
ขั้นต่อมาคือกฎในการเผชิญหน้า ซึ่งจะช่วยบรรเทาความรุนแรงในอารมณ์ของแต่ละฝ่ายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีดังต่อไปนี้ค่ะ
- ขั้นแรก ต้องทำใจเย็นให้สนิทก่อนพูดกับเขา ตอนนี้เราก็เหมือนภูเขาไฟที่รอวันปะทุ เก็บกดอารมณ์พลุ่งพล่านไว้ พร้อมเสมอที่จะระเบิดใส่หน้าใครก็ตามที่อยู่ใกล้
- ขั้นที่สอง ระบายความโกรธออกให้หมด ทำทุกวิถีทางที่เหมาะสมกับตัวเรา ไม่ว่าทุบหมอน ร้องกรี๊ดในห้องน้ำ โทรไปเม้าท์กับเพื่อน หรือวาดภาพตัวเองกำลังจับเขามาตีก้นลงโทษ
- ขั้นที่สาม คิดถึงวันหวานๆของเรากับเขา เวลาโมโหที่เคยรักเคยหลงก็พาลลืมหมด จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรักกันแทบกลืนกิน พยายามนึกถึงวันชื่นคืนสุขที่เราเคยมีร่วมกัน ความรักที่เอ่อท้นขึ้นมาจะช่วยลดอารมณ์โกรธได้
- ขั้นที่สี่ รอจังหวะ การเข้าหาคนรักเพื่อถกปัญหาในยามที่เขากำลังวุ่นอยู่กับงาน ทำงานอดิเรกหรืองานบ้านเหย็งๆ มีแต่จะพบกับความล้มเหลว รอจนเขาว่างดีกว่านะ เชื่อสิ
- ขั้นที่ห้า อย่าเย็นชา แสดงออกมาให้เขาเห็นว่าเราเคารพและแคร์ความรู้สึกของเขาแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้การพูดคุยง่ายขึ้น เช่น ถามเขาดีๆว่าพอมีเวลาคุยกับเราไหม หรือว่าตอนนี้เขาอยากคุยกับเราหรือเปล่า
- ขั้นที่หก เลือกคำพูด คำพูดที่ออกมาจากปากแต่ละคำต้องเลือกสรรให้เหมาะ ไม่ควรบาดหูนัก ผสมผสานกันให้ดีอย่าให้เขารู้สึกว่าเราตั้งป้อมเป็นศัตรู ให้เขาเห็นว่าเราเป็นฝ่ายเดียวกับเขา แล้วเขาจะยอมพูดกับเราดีๆ
ความจริงชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้น กับฟัน ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าขอแค่พอหอมปากหอมคอให้ชีวิตมีรสชาติก็ดีนะคะ ถ้ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นตัวบั่นทอนความรัก ลงท้ายกลายเป็นเศร้าไปเลย
msn.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ