ยุคก่อน ประวัติศาสตร์
มนุษย์ โฮโมอีเรคตัส (บรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน) กับ มนุษย์นีแอนเดอร์ธอล (Neanderthals) อาศัยอยู่ในยุโรปมานานก่อนที่มีมนุษย์ปัจจุบัน (โฮโมเซเปียน หรือ Homo sapiens)
กระดูกของมนุษย์ยุคแรก ๆ ในยุโรปถูกพบที่เมือง Dmanisi ประเทศจอร์เจีย ซึ่งกระดูกเหล่านั้นคาดว่ามีอายุราว ๆ 2 ล้านปีก่อนคริสตกาล หลักฐานของมนุษย์ที่มีโครงสร้างสรีระคล้ายมนุษย์ปัจจุบันที่ปรากฎในยุโรปที่ เก่าที่สุดนั้นคือประมาณ 35,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่หลักฐานแสดงการตั้งรกรากถาวรนั้นแสดงอยู่ราว ๆ 7000 ปีก่อนคริสตกาลในประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย และ กรีซ
ยุโรป กลางเข้าสู่ยุคหินใหม่ (Neolithic) ในช่วงราว ๆ 6000 ปีก่อนคริสตกาลก่อนหลาย ๆ ที่ในยุโรปเหนือซึ่งเข้าสู่ยุคหินใหม่ในช่วงราว ๆ 5000 ถึง 4000 ปีก่อนคริสตกาล
ราว ๆ 2000 ปีก่อนคริสตกาลเริ่มมีอารยธรรมที่มีความรู้ทางการอ่าน-เขียนในยุโรปคือ อารยธรรมของพวกมิโนน (Minoans) ที่เกาะcrete และตามด้วยพวกไมเซเนียน (Myceneans) (ทั้งสองอารยธรรมอยู่ราว ๆ บริเวณซึ่งเป็นประเทศกรีซในปัจจุบัน)
ราว ๆ 400 ปีก่อนคริสตกาล วัฒนธรรมลาทีเน่ (La Tène) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในยุคเหล็กได้แพร่กระจายไปเกือบทั่วภาคพื้น พวกอีทรัสกัน (Etruscans) ได้เข้าไปตั้งรกรากในตอนกลางของอิตาลีและลอมบาดี (Lombady) ซึ่งอยู่ตอนเหนือของอิตาลีปัจจุบัน
ภาพนี้ได้ถูก เปลี่ยนขนาด ขนาดต้นฉบับคือ 800x532 ต้องการดูภาพเต็มขนาดคลิกที่นี่... |
สงครามโทรจัน
พวกกรีกที่ตั้งรกรากที่เมืองไมเซเน่ (Mycaenae) เริ่มมีอำนาจมากขึ้นบุกรุกขยายอาณาเขตไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลเอเจียน (Aegean) ยังเมืองของพวกโทรจัน ทรอยเป็นเมืองท่าที่เจริญอยู่ที่ปากทางเข้าทะเลดำที่ใคร ๆ ก็ต้องการเป็นเจ้าของ พวกไมเซเน่บุกไปยังทรอยแต่ก็ไม่น่าจะทำลายมันลง มีข้อสันนิษฐานว่ามันเป็นเพราะแผ่นดินไหวมากกว่า
มหากาพอีเลียด (Illiad) ว่ากันว่าเล่ากันมาโดยนักเล่าเรื่องแสดงปาหี่เร่ร่อนในยุคที่แค่เรื่อง ต้นไม้พูดได้ก็ทำให้ผู้คนตกใจกลัวกันได้แล้ว นักแสดงเหล่านี้ต้องสรรหาเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมาทำให้ผู้ชมสนุกสนาน โฮเมอร์ (Homer) ก็คงรวบรวมมันมาเป็นเรื่องราวในอีกหลายร้อยปีให้หลัง
สาธารณรัฐ โรม
พวกโรมันมีกษัตริย์ปกครองกันเรื่อยมาหลังจากตำนานของ โรมูลุส (Romulus) กษัตริย์ลูกหมาป่าที่ก่อตั้งกรุงโรม จนมาถึงรุ่นของกษัตริย์ทาควิน (Tarquin the pround) เป็นองค์สุดท้าย ว่ากันว่าชาวโรมันไม่พอใจที่ทาควินสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมายจนประชาชนเดือดร้อนทำให้มีตระกูลชั้นสูงพวกพาร์ทริเชียน (Partrician) ที่มีอำนาจในกรุงโรมนำโดยสกุล บรูตัส (Brutus) พากันขับไล่ไสส่งเขาออกมา
แต่ กระนั้นก็ตามทาควินก็ไม่ลดละความพยายามที่จะทวงบัลลังค์ของเขากลับมา อ้างว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นก็เพื่อชาวโรมันนำกำลังของรัฐต่างถิ่นเข้ามาตี กรุงโรม แต่ก็ถูกชาวโรมันยันกลับไป
ตั้งแต่นั้นมาชาวโรมันก็ใช้การปกครองแบบประชาธิปไตยปกครองโดยประชาชนมาถึง สี่ร้อยปีจวบจนมาถึงยุคของจักรพรรดิออกัสตัส (Augustus) จักรพรรดิพระองค์แรกของอาณาจักรโรมัน
สงคราม เปอร์เซีย และสงครามเปโลโปนีเซีย
สงครามเปอร์เซีย คือสงครามของพวกกรีกกับชาวเปอร์เซียที่บุกมาจากทางฝั่งอาหรับเข้ามาทางตอน เหนือ ประวัติศาสตร์ได้จดบันทึกวีรกรรมของชาวสปาร์ต้า (Sparta) ที่ไปรบขวางพวกเปอร์เซียที่มีเป็นแสนได้ด้วยกำลังคนไม่กี่พันที่ช่องเขา “เทอร์โมพีเล” (Thermopylae) นำโดยกษัตริย์ “เลโอนิดาส” (Leonidas) หยุดพวกเปอร์เซียไว้ได้หลายวันก่อนที่จะถูกทำลาย ถ่วงเวลาให้ชาวกรีกมีเวลาตั้งตัวต่อกรกับชาวเปอร์เซียได้สำเร็จในภายหลัง
สงครามเปโลโปนีเซีย เป็นสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐของชาวเอเทน (Athen) มหาอำนาจทางทะเลกับชาวสปาต้าร์ชนชาตินักรบหลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียได้ ไม่นาน
ชาวสปาตาร์ไปขอความช่วยเหลือจากพวกเปอร์เซียให้ช่วยต่อเรือไปสู้กับชาวเอเท น ตัดเสบียงทางทะเลจนชาวเอเทนอดอยากต้องยอมแพ้ไปในที่สุด หลังจากสงครามครั้งนี้รัฐกรีกก็เริ่มทำสงครามกันเรื่อยมาทำให้เสื่อมอำนาจลง อย่างรวดเร็วจนการมาถึงของชาว มาซีดอน (Macedon)
พระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราช
ในขณะที่รัฐของกรีกแตกกระจายเป็นก๊ก ๆ ชาวมาซีดอนทางตอนเหนือก็เรืองอำนาจขึ้นมา ฟิลลิปป์ (Phillip) เป็นผู้ที่เริ่มสร้างฐานอำนาจนำกองทัพบุกรัฐกรีกขึ้นเป็นผู้นำสมาพันธ์กรี กกุมอำนาจไว้ในมือ
หลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียชาวกรีกก็ยังแค้นไม่หาย พยายามอย่างยิ่งที่จะบุกเข้าไปบ้าง ฟิลลิปป์สร้างกองทัพของเขาบ้างหลังจากที่รวมกรีกไว้ได้ แต่ก็มาถูกสังหารเสียก่อน คราวนี้ อเล็กซานเดอร์ (Alexander the great) ลูกชายเพียงคนเดียวก็ขึ้นมาครองอำนาจแทน นำทัพสู้กับชาวเปอร์เซียบุกลงไปถึง “อียิปต์" จนชาวเปอร์เซียที่เคยรุ่งเรืองมากที่สุดอาณาจักรหนึ่งต้องมาเสื่อมอำนาจลงไป
อเล็ก ซานเดอร์ยังไม่พอใจกับชัยชนะเพียงแค่นี้เขายังนำกองทัพบุกไปถึงอินเดีย แต่ก็ไปต่อไม่ไหวเนื่องจากห่าฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาของดินแดนเขต ร้อน ทหารก็เหนื่อยอ่อนจากการทำศึกหนักอย่างยาวนาน และคิดถึงบ้าน จนจอมทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยังต้องจำใจเดินทางกลับบ้านเกิดเสียที เขาล่องเรือทางแม่น้ำสินธุมาถึงบาบิโลน (ระหว่างแม่น้ำไทกรีส และแม่น้ำยูเฟรติส ในปัจจุบัน) และตั้งเมืองหลวงที่นั่น
อเล็ก ซานเดอร์กลับบ้านไปได้ไม่ทันไรก็มาด่วนตายตอนอายุสามสิบสามปี นักประวัติศาสตร์บันทึกสาเหตุว่าเป็นเพราะการดื่มเหล้าอย่างหนักในงานเลี้ยง ครั้งหนึ่งจนร่างกายของเขารับไม่ไหว แต่บางคนก็แย้งว่าเขาถูกวางยาพิษ ช่างเป็นจุดจบที่ไม่สมบูรณ์เลยสำหรับจอมคนที่ครองครึ่งโลกอยู่ในกำมือ
จากนั้นอาณาจักรของเขาได้ถูกแย่งกันในหมู่แม่ทัพของกรีก คือ [แคสแซนเดอร์]] ไลซิมคัส เซลิวคัส และ พโตเลมี
สงครามปุนิค
ชาว คาเทจสืบเชื้อสายมาจากชาวโพนีเชียนที่เคยรุ่งเรืองด้วยการค้าในทะเล เมดิเตอร์เรเนียนมาแต่โบราณ เป็นอาณานิคมท่าเรือทางฝั่งแอฟริกา เริ่มทำสงครามกับพวกโรมันที่เกาะซิซิลี (Sicily) ทางตอนใต้อิตาลีเป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
สงครามพิวนิกมาสิ้นสุดลงในสมัยของจอมทัพ ฮันนิบาล (Hannibal) ที่นำกำลังบุกอิตาลีจากทางสเปนโดยข้ามเทือกเขาแอลป์เข้าไปยังตอนกลางของ อิตาลีและยึดเมือง คาร์ปัวน์ (Capua) ที่สำคัญของโรมันเอาไว้ได้ แต่ฮันนิบาลก็ไม่สามารถรักษาสถานะภาพของเขาที่อิตลีได้ตลอดลอดฝั่ง เนื่องจากการที่กองทัพเรือของคาเทจได้ถูกทำลายลงไปทำให้ไม่มีกำลังสนับสนุน จากกรุงคาเทจเข้ามาเลยจนต้องถอยทัพกลับไปในที่สุด
พวกโรมันนำโดยขุนศึกตระกูล สซิพิไอ (Scipii) เริ่มตีโต้กลับจากสเปนไล่ไปจนถึงที่แอฟริกา สงครามชี้ขาดเกิดขึ้นที่ทางตอนได้ของกรุงคาเทจ สซิพิโอนำกองกำลังของเขาบดขยี้ทัพของฮันนิบาลจนทำให้พวกคาเทจไม่อาจเงยหัว ขึ้นมาได้อีกเลย แล้วแอฟริกาก็ตกไปอยู่ในมือของพวกโรมัน
สปาตาคัส
สงครามในต่างแดนทำให้พวกโรมันมีทาสเข้ามาทำงานในอิตาลีมากมาย สปาร์ตาคัส เป็นทาสชาว ธเรส (Thrace) ที่เข้ามาเป็นแกลดิเอเตอร์แล้วก่อกบฏขึ้นมาที่เมืองคาร์ปัวน์ เป็นผู้นำรวบรวมกบฏทาสจากชนชาติต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก บุกขึ้นไปทางเหนือเอาชนะกองทัพโรมันไปตลอดทางจนถึงดินแดนกอล
แต่ก็วกกลับเข้ามาอีกครั้งจากความโลภของพวกเขา คราวนี้ชาวโรมันไม่พลาดท่าอีกแล้วส่ง คราสซุส กงสุลที่จะต้องมาทัดทานอำนาจกับซีซาร์ในช่วงก่อนสงครามกลางเมือง นำทัพมาปราบพวกทาสได้อย่างราบคาบ พวกทาสถูกจับตรึงไม้กางเขนไปตลอดทางยาวของถนนจากกรุงคาร์ปัวน์ไปยังโรม เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ซีซาร์ ออกัสตัส
ตระกูล “จูลิอาย” (Julii) เป็นหนึ่งในพวกพาร์ทิเชียนของโรมมีบทบาทในการเมืองของโรมมานาน จูเลียส ซีซาร์เป็น ลูกหลานของตระกูลที่จะเปลี่ยนแปลงโรม ซีซาร์สร้างชื่อจากการนำทัพของโรมบุกไปยังดินแดนกอลในประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบัน ชาวโรมมันกลัวพวกคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้มานานมากแล้ว เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยถูกพวกคนเถื่อนบุกเข้าไปในถึงกรุงโรมปล้นสดมได้ไป เป็นอันมาก
ประชาชนเริ่มนิยมในตัวซีซาร์จนทำให้สภาสูง (Senate) เกิดระแวงขึ้นมาวางแผนที่จะกำจัดเขา ซีซาร์ใช้ข้ออ้างนี้ในการก่อสงครามกลางเมืองกับ “ปอมเปย์” (Pompey) กงสุลจอมทัพที่เคยออกรบกับพวก “พอนติก” (Pontic) แต่ก็ไม่มีใครต้านเขาได้ ซีซาร์นำทัพเข้ากรุงโรมและสามารถไปรับหัวของปอมปีย์ได้ที่อียิปต์ แถมยังได้ราชินีโฉมงามพระนางคลีโอพัตรา กลับมาอีกด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมขึ้นเป็นจักรพรรดิจนกระทั่งถูกสถาสูงรุมสังหาร
“ออกตาเวียน” (Octavian) ลูกบุญธรรมขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อจากเขา แล้วก็เกิดสงครามกลางเมืองกันอีกครั้งกับ “มาร์ค แอนโทนี” (Mark Antony) นายทัพของซีซาร์ในสงครามกับพวกกอล ออกตาเวียนรุกไล่มาร์คแอนโทนีไปถึงอียิปต์ ที่ซึ่งเขากับพระนางคลีโอพัตราได้ฆ่าตัวตายเป็นเหตุการณ์ที่เช็คสเปียร์นำมา แต่งเป็นบทละคร
เมื่อชนะสงครามออกตาเวียนก็ตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกของอาณาจักรโรมัน ใช้ชื่อว่าจักรพรรดิ “ออกัสตัส”
กรุงคอนสแตนติโนเปิล
โรมในสมัยของคอนแสตนตินมี อาณาเขตกว้างขวางมาก จนมีการแบ่งการปกครองเป็นสองส่วนตะวันออกกับตะวันตก แต่แทนที่จะมีการปกครองที่ดีขึ้น ทั้งสองฝั่งกับทำสงครามกันเองเพื่อความเป็นใหญ่
คอนสแตนตินเป็น จักรพรรดิทางด้านตะวันออกที่ทำสงครามชนะ สามารถบุกเข้าโรมร่วมอาณาจักรโรมันไว้เป็นหนึ่งเดียว แต่ครั้งนี้เมืองหลวงไม่ได้อยู่ที่โรมเสียแล้ว เนื่องจากว่าคอนสแตนตินเป็นจักรพรรดิด้านตะวันออกก็อยากจะอยู่ที่ด้านตะวัน ออก เขาจึงย้ายเมืองหลวงไปที่ คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) เมืองท่าปากทางเข้าทะเลดำซึ่งก็ตั้งตามชื่อของเขาเอง ซึ่งเดิมชื่อ ไบแซนทิอุม หรือ ไปแซนไทม์ (Byzantium)
ในช่วงวาระสุดท้ายคอนสแตนตินก็หันไปพึ่งศาสนาในขณะที่นอนป่วยอยู่บนเตียง มีเรื่องเล่าว่าครั้งที่คอนแสตนตินจะข้ามแม่น้ำไปยังกรุงโรมในสมัยสงคราม กลางเมืองเขาได้เห็นนิมิตจากสวรรค์ (ชึ่งก็พึ่งจะแปลความหมายออกตอนนอนป่วย) เขาทำให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของจักรวรรดิ ซึ่งกฎหมายของพวกโรมันบังคับให้ประชาชนต้องหันมานับถือ
การล่มสลายของกรุงโรม
พวก คนเถื่อนทางตอนเหนือของยุโรปก้าวร้าวบุกรุกอาณาจักรโรมันกันเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นมี “แอตติลา” (Attila) ผู้นำของคนเถื่อนที่เป็นตำนาน รวบรวมเหล่าคนเถื่อนมาไว้ด้วยกันนำกำลังบุกเข้าไปในอาณาจักร โรมันแต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปถึงกรุงโรมได้ถูกพวกโรมันหยุด ยั้งไว้ได้ก่อน แล้วก็มาด่วนตายไป
แต่การกระทำของแอตติลาก็ส่งผลให้ พวกคนเถื่อนบุกเข้าไปในอาณาจักรโรมัน จนในที่สุดกรุงโรมก็ถูกตีแตกโดยพวกเยอรมัน เป็นการสิ้นสุดอิทธิพลของพวกโรมันในยุโรปตะวันตก คงเหลือแต่พวกโรมันที่กรุงคอนสแตนติโนเบิลเท่านั้นที่ยังคงแผ่อิทฺธิพลออกไป
อ้างอิงจาก : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ