| |
..... เมื่อปีพศ. ๒๐๗๕ ในรัชสมัยพระมหาจักรพรรดิ ( ช่วงเปลี่ยนแผ่นดินจากพระชัย ราชามาเป็นพระเทียรราชา หรือพระมหาจักรพรรดิ ) กรุงหงสาวดีได้ยกทัพมาตี ไทย
ฝ่ายเขมรพระยาละแวกเห็นได้ทีจึงยกทัพเข้า มาทางปราจีนบุรีกวาดต้อนผู้คน กลับไปเขมรจำนวนมาก หลังจากพม่ายกทัพกลับไปสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรง พิโรธมาก
จึงทรงรับ สั่งให้ยกทัพไปถึงเมืองพระตะบองและละแวก พระยาละแวก เห็นท่าจะแพ้ในการศึกจึงมีราชสาสน์มากราบทูลพระมหาจักรพรรดิ จับใจความได้ ว่า
? ข้าพระองค์ผู้ปกครองกัมพูชา มิได้เกรงพระบรมเดชานุภาพที่ไปกวาดต้อน คนจากปราจีนบุรี ขออย่าทรงพิโรธยกทัพมาตีเมือง ข้าพเจ้าจะนำเครื่องราชบรรณา การมาถวาย และเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปวสาน ?
หลังจาก นั้น ๓ วันพระยาละแวกได้นำเครื่องราชบรรณาการพร้อมด้วยนักพระสุโทและนักพระสุทัน เป็นราชบุต มาเข้าเฝ้า ทางพระมหาจักรพรรดิก็ทรงคลายพิโรธและขอนำโอรสทั้งสองไปเลี้ยงดู
พระยาละแวกก็ยอมจากนั้นก็กวาดต้อนคนชาวปราจีนบุรีกลับคืนมา ฝั่งไทย ต่อมาไม่นานญวณได้ยึดเมืองละแวก ไทยจึงส่งกองทัพไปช่วยเพื่อตีเมืองคืนแต่ทำไม่สำเร็จ
ในปีพศ.๒๑๑๓ รัชสมัยพระมหาธรรมราชาหลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกจากเขมรได้ถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก
(ทั้งที่เคยให้สัจจะว่าจะขอ เป็นข้าพระบาทกษัตริย์ไทยชั่วกัลปาวสาน) พระมหาธรรมราชาจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบ ให้ทหารนำปืนจ่ารงค์ยิงไป
ถูก พระจำปาธิราชของเขมรตายคาที่บนคอช้าง ทัพของเขมรถอยกลับไปแต่ก็ย้อนกลับมาปล้นเมืองอีกหลายครั้ง
นอกจาก นี้พระยาละแวกยังนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทรบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรากลับไปเขมรจำนวนมากด้วยความคดในข้องอในกระดูกพระยาละแวกได้ยกทัพ
มา ถึงปากน้ำพระประแดงโจมตีเมืองธนบุรีจับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็น เชลยจำนวนมาก เลยได้ใจรวบรวมคนหมายจะตีกรุงศรีอยุธยา แต่งทัพเรือ ๓๐ ลำ
เข้า ปล้นบ้านนายก่าย แต่โชคไม่ดีถูกปืนใหญ่ของไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง
( หนีไม่หนีเปล่ายังกวาดต้อนผู้คนแถวสาครบุรีกลับไปอีกด้วย ..... เลวจริงๆ ) ;-
ในปีพศ.๒๑๒๙ พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า ? พระยาละแวกตบัตสัตย์อีกแล้ว จึงต้องยกไปปราบให้ราบคราบ ?
ผลการศึกกองทัพไทยไล่ตีเขมรไป จนสุดชายแดน ทหารเขมรล้มตายจำนวนมาก
ในปีพศ.๒๑๓๒ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรครองราชย์ ทรงปรึกษาข้าราชการว่ากษัตริย์เขมรมีใจคิดไม่ซื่อเหมือนพระยาละแวก ชอบซ้ำเติมไทยในยามศึกกับพม่า จึงทรงมีพระราชดำริ
ที่จะยกทัพไป แก้แค้นเอาโลหิตมาล้างพระบาต ทรงจัดกองทัพให้ไปตีเมืองปัตบอง เมืองโพธิสัตว์ แล้วเข้าล้อมเมืองละแวกเอาไว้ ทรงล้อมเมืองนานถึง ๓ เดือนยังตีไม่ได้ เสบียงอาหารเริ่มลดน้อยลง
จึงทรงรับสั่งให้ยกทัพกลับ กรุงศรีอยุธยาไปก่อน แล้วจะเตรียมการมาตีในภายหน้า
ข้อมูลจาก http://www.bandhit.com/History/History.html
กรุงเทพฯ - ตะลึง! นักโบราณคดีประจำมหาวิทยาลัยราชดำเนิน พบเอกสารหลักฐานชิ้นเอกทางประวัติศาสตร์โดยบังเอิญ เป็นจดหมายของพระยาละแวกเขียนไว้ก่อนถูกตัดหัวเสียบประจาน ยันขอเกิดใหม่เพื่อล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามโดยเฉพาะ เจาะจงว่าจะชื่อ 'นพดล'
ค่อนดึกคืนวานนี้ เวลาประมาณตีสี่เศษๆ ศ.ดร.แหลมปรี้ด ณ พวนจัดกู้ นักวิชาการทางด้านโบราณคดีและนวดแผนไทยแห่งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ขึ้นเวทีเล็กโดยมีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ต่างตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องที่ ศ.ดร.แหลมปรี้ด จะนำมาตีแผ่เพื่อเป็นความรู้แก่ทุกคนอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งพอ ศ.ดร.แหลมปรี้ด เปิดปากเล่าพร้อมกางเอกสารหลักฐานยืนยันประกอบเรื่อง ถึงกับเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้ฟังอย่างอึงคะนึง
ศ.ดร.แหลมปรี้ ดเปิดประเด็นว่า ตนเพิ่งได้เอกสารเป็นใบลานอายุประมาณ 200 ปี เชื่อว่าเป็นใบลานที่ยังไม่เคยมีใครพบเห็นหรือเคยได้อ่านผ่านตามาก่อน ขนาดตนเองเมื่อได้มาและใช้วิชาโบราณคดีอ่านข้อความจากใบลานทีละเล็กละน้อย ยังตกใจเกือบจะไม่เชื่อว่าข้อความในใบลานนี้เป็นความจริง จนกระทั่งนำไปให้คณาจารย์ทางด้านโบราณคดีและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทาง ประวัติศาสตร์ตรวจสอบ ทุกคนต่างลงมติว่าเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในใบลานอายุราว 200 ปีนี้เป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
'ในใบลานใบนี้มีการบันทึกเป็นลาย มือไว้ว่า ข้อความต่อไปนี้ ข้าพเจ้ายืนยันว่า เป็นของข้า...พระยาละแวกจริงๆ ไม่ได้ถูกใครใช้ไหว้วานให้เขียนขึ้นเพื่อทำการกลั่นแกล้ง ยั่วยุใครทั้งสิ้น ข้าพระยาละแวกกำลังจะถูกตัดคอ ดังนั้นข้าขออธิษฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานว่า หลังจากที่ข้าแดดิ้นสิ้นไปแล้ว ข้าสาบานว่าจะขอเกิดใหม่เพื่อกลับมาล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามให้จงได้ เพราะคนไทยและประเทศนี้ทำให้ข้าถึงแก่ชีวิตทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ชาติไหนภพใดก็สุดแท้แต่ หากข้าเกิดใหม่ขึ้นมา ข้าจะให้ชื่อตัวเองว่านายนพดล จะไม่ขอชื่อละแวก หรือมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอย่างเด็ดขาด เกรงว่าจะถูกตามรังควาน ยิ่งไปกว่านั้น ชาติหน้าถ้าเกิดใหม่เป็นนายนพดล ข้ายังขออธิษฐานและสาบานว่าจะไม่เกิดมาหน้าตาดีเช่นเดียวกับชาตินี้ แต่จะขอเกิดมาในอีกลักษณะหนึ่งซึ่งจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรในภพนี้ชาตินี้จำ หน้าข้าไม่ได้ เมื่อเกิดเป็นคนไทยในชื่อนพดลเมื่อไร ข้าจะจัดการเอาคืนกับประเทศไทยอย่างสาสมและเลือดเย็นที่สุด ลงชื่อ...พระยาละแวก'
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในใบลานดังกล่าวยังระบุว่าพระยาละแวกในเวอร์ชัน ใหม่ชื่อนพดล จะมีลูกน้องที่เป็นมือขวาคนสนิทติดตามมาเกิดด้วย แต่เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรสับสน ลูกสมุนคนสนิทของนายนพดลจะมีตำแหน่งใหญ่โตกว่า มีนัยน์ตาปกติ ยกเว้นปากกับจมูก หากประชาชนคนไทยเจอมันคนนี้เมื่อไรก็จะทราบได้ทันที ว่าหลายชาติภพที่แล้วมันคือลูกน้องของพระยาละแวกที่เกิดมาในชาติใหม่นี้มี หน้าที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนนายนพดลเพื่อล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามให้ บรรลุความประสงค์ของพระยาละแวกในอดีตชาติภพให้จงได้
http://www.navy22.com/smf/index.php/topic,15894.msg15650.html#msg15650
ฝ่ายเขมรพระยาละแวกเห็นได้ทีจึงยกทัพเข้า มาทางปราจีนบุรีกวาดต้อนผู้คน กลับไปเขมรจำนวนมาก หลังจากพม่ายกทัพกลับไปสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรง พิโรธมาก
จึงทรงรับ สั่งให้ยกทัพไปถึงเมืองพระตะบองและละแวก พระยาละแวก เห็นท่าจะแพ้ในการศึกจึงมีราชสาสน์มากราบทูลพระมหาจักรพรรดิ จับใจความได้ ว่า
? ข้าพระองค์ผู้ปกครองกัมพูชา มิได้เกรงพระบรมเดชานุภาพที่ไปกวาดต้อน คนจากปราจีนบุรี ขออย่าทรงพิโรธยกทัพมาตีเมือง ข้าพเจ้าจะนำเครื่องราชบรรณา การมาถวาย และเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปวสาน ?
หลังจาก นั้น ๓ วันพระยาละแวกได้นำเครื่องราชบรรณาการพร้อมด้วยนักพระสุโทและนักพระสุทัน เป็นราชบุต มาเข้าเฝ้า ทางพระมหาจักรพรรดิก็ทรงคลายพิโรธและขอนำโอรสทั้งสองไปเลี้ยงดู
พระยาละแวกก็ยอมจากนั้นก็กวาดต้อนคนชาวปราจีนบุรีกลับคืนมา ฝั่งไทย ต่อมาไม่นานญวณได้ยึดเมืองละแวก ไทยจึงส่งกองทัพไปช่วยเพื่อตีเมืองคืนแต่ทำไม่สำเร็จ
ในปีพศ.๒๑๑๓ รัชสมัยพระมหาธรรมราชาหลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกจากเขมรได้ถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก
(ทั้งที่เคยให้สัจจะว่าจะขอ เป็นข้าพระบาทกษัตริย์ไทยชั่วกัลปาวสาน) พระมหาธรรมราชาจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบ ให้ทหารนำปืนจ่ารงค์ยิงไป
ถูก พระจำปาธิราชของเขมรตายคาที่บนคอช้าง ทัพของเขมรถอยกลับไปแต่ก็ย้อนกลับมาปล้นเมืองอีกหลายครั้ง
นอกจาก นี้พระยาละแวกยังนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทรบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรากลับไปเขมรจำนวนมากด้วยความคดในข้องอในกระดูกพระยาละแวกได้ยกทัพ
มา ถึงปากน้ำพระประแดงโจมตีเมืองธนบุรีจับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็น เชลยจำนวนมาก เลยได้ใจรวบรวมคนหมายจะตีกรุงศรีอยุธยา แต่งทัพเรือ ๓๐ ลำ
เข้า ปล้นบ้านนายก่าย แต่โชคไม่ดีถูกปืนใหญ่ของไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง
( หนีไม่หนีเปล่ายังกวาดต้อนผู้คนแถวสาครบุรีกลับไปอีกด้วย ..... เลวจริงๆ ) ;-
ในปีพศ.๒๑๒๙ พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า ? พระยาละแวกตบัตสัตย์อีกแล้ว จึงต้องยกไปปราบให้ราบคราบ ?
ผลการศึกกองทัพไทยไล่ตีเขมรไป จนสุดชายแดน ทหารเขมรล้มตายจำนวนมาก
ในปีพศ.๒๑๓๒ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรครองราชย์ ทรงปรึกษาข้าราชการว่ากษัตริย์เขมรมีใจคิดไม่ซื่อเหมือนพระยาละแวก ชอบซ้ำเติมไทยในยามศึกกับพม่า จึงทรงมีพระราชดำริ
ที่จะยกทัพไป แก้แค้นเอาโลหิตมาล้างพระบาต ทรงจัดกองทัพให้ไปตีเมืองปัตบอง เมืองโพธิสัตว์ แล้วเข้าล้อมเมืองละแวกเอาไว้ ทรงล้อมเมืองนานถึง ๓ เดือนยังตีไม่ได้ เสบียงอาหารเริ่มลดน้อยลง
จึงทรงรับสั่งให้ยกทัพกลับ กรุงศรีอยุธยาไปก่อน แล้วจะเตรียมการมาตีในภายหน้า
ข้อมูลจาก http://www.bandhit.com/History/History.html
| |
กรุงเทพฯ - ตะลึง! นักโบราณคดีประจำมหาวิทยาลัยราชดำเนิน พบเอกสารหลักฐานชิ้นเอกทางประวัติศาสตร์โดยบังเอิญ เป็นจดหมายของพระยาละแวกเขียนไว้ก่อนถูกตัดหัวเสียบประจาน ยันขอเกิดใหม่เพื่อล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามโดยเฉพาะ เจาะจงว่าจะชื่อ 'นพดล'
ค่อนดึกคืนวานนี้ เวลาประมาณตีสี่เศษๆ ศ.ดร.แหลมปรี้ด ณ พวนจัดกู้ นักวิชาการทางด้านโบราณคดีและนวดแผนไทยแห่งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ขึ้นเวทีเล็กโดยมีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ต่างตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องที่ ศ.ดร.แหลมปรี้ด จะนำมาตีแผ่เพื่อเป็นความรู้แก่ทุกคนอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งพอ ศ.ดร.แหลมปรี้ด เปิดปากเล่าพร้อมกางเอกสารหลักฐานยืนยันประกอบเรื่อง ถึงกับเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้ฟังอย่างอึงคะนึง
ศ.ดร.แหลมปรี้ ดเปิดประเด็นว่า ตนเพิ่งได้เอกสารเป็นใบลานอายุประมาณ 200 ปี เชื่อว่าเป็นใบลานที่ยังไม่เคยมีใครพบเห็นหรือเคยได้อ่านผ่านตามาก่อน ขนาดตนเองเมื่อได้มาและใช้วิชาโบราณคดีอ่านข้อความจากใบลานทีละเล็กละน้อย ยังตกใจเกือบจะไม่เชื่อว่าข้อความในใบลานนี้เป็นความจริง จนกระทั่งนำไปให้คณาจารย์ทางด้านโบราณคดีและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทาง ประวัติศาสตร์ตรวจสอบ ทุกคนต่างลงมติว่าเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในใบลานอายุราว 200 ปีนี้เป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
'ในใบลานใบนี้มีการบันทึกเป็นลาย มือไว้ว่า ข้อความต่อไปนี้ ข้าพเจ้ายืนยันว่า เป็นของข้า...พระยาละแวกจริงๆ ไม่ได้ถูกใครใช้ไหว้วานให้เขียนขึ้นเพื่อทำการกลั่นแกล้ง ยั่วยุใครทั้งสิ้น ข้าพระยาละแวกกำลังจะถูกตัดคอ ดังนั้นข้าขออธิษฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานว่า หลังจากที่ข้าแดดิ้นสิ้นไปแล้ว ข้าสาบานว่าจะขอเกิดใหม่เพื่อกลับมาล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามให้จงได้ เพราะคนไทยและประเทศนี้ทำให้ข้าถึงแก่ชีวิตทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ชาติไหนภพใดก็สุดแท้แต่ หากข้าเกิดใหม่ขึ้นมา ข้าจะให้ชื่อตัวเองว่านายนพดล จะไม่ขอชื่อละแวก หรือมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอย่างเด็ดขาด เกรงว่าจะถูกตามรังควาน ยิ่งไปกว่านั้น ชาติหน้าถ้าเกิดใหม่เป็นนายนพดล ข้ายังขออธิษฐานและสาบานว่าจะไม่เกิดมาหน้าตาดีเช่นเดียวกับชาตินี้ แต่จะขอเกิดมาในอีกลักษณะหนึ่งซึ่งจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรในภพนี้ชาตินี้จำ หน้าข้าไม่ได้ เมื่อเกิดเป็นคนไทยในชื่อนพดลเมื่อไร ข้าจะจัดการเอาคืนกับประเทศไทยอย่างสาสมและเลือดเย็นที่สุด ลงชื่อ...พระยาละแวก'
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในใบลานดังกล่าวยังระบุว่าพระยาละแวกในเวอร์ชัน ใหม่ชื่อนพดล จะมีลูกน้องที่เป็นมือขวาคนสนิทติดตามมาเกิดด้วย แต่เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรสับสน ลูกสมุนคนสนิทของนายนพดลจะมีตำแหน่งใหญ่โตกว่า มีนัยน์ตาปกติ ยกเว้นปากกับจมูก หากประชาชนคนไทยเจอมันคนนี้เมื่อไรก็จะทราบได้ทันที ว่าหลายชาติภพที่แล้วมันคือลูกน้องของพระยาละแวกที่เกิดมาในชาติใหม่นี้มี หน้าที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนนายนพดลเพื่อล้างแค้นคนไทยและประเทศสยามให้ บรรลุความประสงค์ของพระยาละแวกในอดีตชาติภพให้จงได้
http://www.navy22.com/smf/index.php/topic,15894.msg15650.html#msg15650
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ