วิธีเลือกสนมของจีนในสมัยก่อน
การเลือกเฟ้นสาวงามเริ่มคืบคลานเข้าสู่รั้วพระราชวังตั้งแต่ปีเทียนฉี่ของ ฮ่องเต้ซีจงแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อปีค.ศ. 1621 ค่ะโดยจุดประสงค์เพื่อเลือกสาวงามเข้าถวายงานแก่ฮ่องเต้ซีจง
ก่อน งานพิธีอภิเษกสมรส ขันทีน้อยใหญ่ถูกส่งออกไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อหาบุตรีตระกูลผู้ดีอายุ 13-16 ปี จำนวน 5,000 คน โดยผู้ที่รับผิดชอบการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ จะจ่ายเงินก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้แก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง
ก่อน งานพิธีอภิเษกสมรส ขันทีน้อยใหญ่ถูกส่งออกไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อหาบุตรีตระกูลผู้ดีอายุ 13-16 ปี จำนวน 5,000 คน โดยผู้ที่รับผิดชอบการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ จะจ่ายเงินก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้แก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง
หลังจากนั้น ขันทีจะดำเนินการคัดเลือกสาวงามรอบแรก โดยจัดให้สาวน้อยเรียงแถวหน้ากระดานตามลำดับอายุ แถวละ 100 คน และบรรดากงกงทั้งหลายก็จะทำการตรวจดูว่าใครสูงหรือเตี้ยเกิน อ้วนหรือผอมเกิน ก็จะถูกคัดออก
ครั้งแรกนี้จะคัดออก 1,000 คน
ครั้งแรกนี้จะคัดออก 1,000 คน
ผ่านรอบเเรกเเล้ว ต่อมารอบที่ 2 สาวงามทั้งหมดก็จะถูกเรียงแถวเหมือนเดิม ส่วนขันทีจะใช้ตาเรดาร์สอดส่องจับผิดตั้งแต่หู ตา ปาก จมูก ผม ผิว คอ เอว ไหล่ หลัง หากว่ามีเพียงจุดเดียวที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ก็จะถูกคัดออกทันที
จาก นั้นก็จะให้ผู้เข้ารับคัดเลือกแจ้งชื่อแซ่ ภูมิลำเนา อายุ เพื่อที่จะฟังน้ำเสียงและอากัปกิริยา หากใครฟันไม่สะอาด ฟันเหลือง ฟันเก ฟันไม่สวย เสียงใหญ่ห้าว เสียงไม่ไพเราะและเวลาตอบคำถามลุกลี้ลุกลน
ก็จะถูกคัดออก ในรอบนี้จะคัดออก 2,000 คน (เคร่งครัดจริงๆ)
จาก นั้นก็จะให้ผู้เข้ารับคัดเลือกแจ้งชื่อแซ่ ภูมิลำเนา อายุ เพื่อที่จะฟังน้ำเสียงและอากัปกิริยา หากใครฟันไม่สะอาด ฟันเหลือง ฟันเก ฟันไม่สวย เสียงใหญ่ห้าว เสียงไม่ไพเราะและเวลาตอบคำถามลุกลี้ลุกลน
ก็จะถูกคัดออก ในรอบนี้จะคัดออก 2,000 คน (เคร่งครัดจริงๆ)
ต่อไปเป็นรอบที่ 3 ค่ะ เหล่าขันทีจะใช้ไม้บรรทัดวัดมือและเท้า แล้วคัดคนที่มือสั้นเท้าใหญ่ออก ต่อจากนั้นจะให้แม่นางที่ผ่านการทดสอบลองเดินสัก 10 ก้าวเพื่อดูท่วงท่าในขณะย่างก้าว
รอบนี้คัดออก 1,000 คน และจะเหลือสาวงามทั้งหมด 1,000 คน
สาวงามทั้ง 1,000 คนผู้เข้ารอบสุดท้าย จะถูกนำเข้าวัง ให้หมอตำแยทำการตรวจภายใน เสร็จจากขั้นตอนนี้ จะเหลือสาวงามที่ได้รับเลือกให้เป็นชาววังอยู่แค่ 300 คนเท่านั้น และจะต้องอาศัยอยู่ในวังเป็นเวลา 1 เดือนง
ระหว่างนี้ ฮ่องเต้ก็จะส่งคนมาสืบเกี่ยวกับนิสัยใจคอและความคิดอ่านของสาวงามเหล่านี้ ว่านิสัยแข็งหรืออ่อน ฉลาดหรือโง่ มีคุณธรรมหรืออิจฉาริษยา และสุดท้ายก็จะเหลือแค่ 50 คนเท่านั้นที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสนม
รอบนี้คัดออก 1,000 คน และจะเหลือสาวงามทั้งหมด 1,000 คน
สาวงามทั้ง 1,000 คนผู้เข้ารอบสุดท้าย จะถูกนำเข้าวัง ให้หมอตำแยทำการตรวจภายใน เสร็จจากขั้นตอนนี้ จะเหลือสาวงามที่ได้รับเลือกให้เป็นชาววังอยู่แค่ 300 คนเท่านั้น และจะต้องอาศัยอยู่ในวังเป็นเวลา 1 เดือนง
ระหว่างนี้ ฮ่องเต้ก็จะส่งคนมาสืบเกี่ยวกับนิสัยใจคอและความคิดอ่านของสาวงามเหล่านี้ ว่านิสัยแข็งหรืออ่อน ฉลาดหรือโง่ มีคุณธรรมหรืออิจฉาริษยา และสุดท้ายก็จะเหลือแค่ 50 คนเท่านั้นที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสนม
สวยอย่างจีน/งามเเบบจีน เขาดูกันตรงไหนน้า..??
ที่เราบอกว่าอุ๊ยโน่นงาม นี่สวย คนจีนแท้แต่โบราณกาลอาจไม่ได้มองอย่างนั้นก็ได้ เเต่สำหรับคนจีนแท้ อย่างไหนเรียกว่างาม ไปดูกันค่ะ
ใบหน้า
รูปหน้าที่คนจีนถือว่างามแต๊ งามปะล้ำปะเหลือ ต้องเป็นรูปไข่ค่ะ แต่รายละเอียดของใบหน้าก็สำคัญนะคะ
โดยเฉพาะ...ระยะห่างระหว่างตาสองข้างค่ะ จะต้องเท่ากับความยาวของดวงตา ถึงจะเรียกว่า สวยจริง !
ดวงตา
หญิงงามต้องมีดวงตาเรียวยาว หางตาตวัดโค้งขึ้น และนัยน์ตาต้องเป็นสีดำสนิทค่ะ
ริมฝีปาก
ถ้า แองเจลิน่า โจลี่หลุดไปอยู่ในยุคจีนโบราณคงชีช้ำแน่ เพราะปากอิ่ม ๆ ห้อย ๆ ที่เรามองว่างาม คนจีนเขาเห็นแล้วจะพาลสะดุ้ง ว่า"ลื้อเอาถุงกาแฟไปยัดไว้ใต้ปากทำไม "
ริมฝีปากที่สวยของจีนนั้นเน้นความเล็กค่ะ เล็กจนต้องบรรยายว่า "เล็กเหมือนผลเชอร์รี่"
เล็กอย่างเดียวไม่ได้นะคะ ต้องเป็นสีชมพูสด เป็นมันเงา แล้วมุมปากต้องโค้งขึ้นด้วยค่ะ
รูปร่าง
สำหรับรูปร่าง จีนเน้นเอวอย่างเดียวค่ะ ต้องคอดเข้าไว้! สาวจีนสมัยก่อนถึงได้ฮิตรัดเอวชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูไงคะ
คิ้ว
คิ้วคือ "สายรุ้งแห่งอารมณ์"ของชาวจีนค่ะ
แต่ต้องแล้วแต่ราชวงศ์ด้วยนะ
ราชวงศ์ฉิน - คิ้วต้องดกดำ ยาวโค้งดั่งคันศร
ราชวงศ์ฮั่น - คิ้วต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม
ราชวงศ์ถัง - คิ้วต้องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวค่ะ
เซ็กซี่สไตล์จีนโบราณ
ถ้าอยากเป็นสาวฮอตตัวแม่ของแผ่นดินจีนเมื่อพันปีก่อน ซิลิโคนยังมิใช่คำตอบค่ะ
เพราะอย่างที่บอกว่า คิ้วคือสายรุ้งแห่งอารมณ์ สาวเซ็กซี่จึงต้องมีคิ้วเข้ากับสมัย และต้องรู้จักแสดงอารมณ์ผ่านคิ้วอีกต่างหาก
จะกระเง้ากระงอด กระงืดกระงื้อแค่ไหน ปล่อยออกไปทางคิ้วให้หมดค่ะ !
และอวัยวะเซ็กซี่ลำดับถัดมาก็คือ ไหปลาร้า และช่วงคออันเรียวระหงนั่นเองค่ะ ^^
กินอย่างไรให้สวยเเบบจีน..??
คนจีนเนี้ย เขาถือค่ะว่าคนสวยคนงามเเท้ๆ ต้องสวยงามทั้งภายนอกเเละภายใน เเละคนจีนก็ขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศสมุนไพรตัวเเม่อย่เเล้ว เรามาดูกันดีกว่าค่ะ
ว่าอาหารที่สาวจีนโบราณนิยมกินบำรุงความงามนั้นมีอะไรบ้าง
โสม : ส่วนที่นำมาใช้คือราก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสหวานชุ่มคอคล้ายรากชะเอมเทศ แพทย์จีนเชื่อในสรรพคุณว่าโสมช่วยบำรุงพลังชีวิต ปอด ม้าม
แก้ อาการเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ฯลฯ แพทย์ปัจจุบันพบว่าในรากโสมมีสารชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณคล้ายฮอร์โมนเอสโต รเจน ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสดชื่นเปล่งปลั่ง
ไม่เ***่ยวแห้งหรือแตกเป็นขุย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย คนจีนจึงเชื่อว่ากินโสมแล้วอายุยืนนั่นเอง
อีกอย่างที่สาวจีนเลยนิยมทำเพื่อให้โหงวเฮ้งดีคือการทำหมังหมิ่ง เป็นการถอนขนบนใบหน้าด้วยเส้นด้าย คนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวมักไปทำกัน
ตัง กุย : แพทย์จีนมักจะจัดตังกุยให้หญิงวัยทอง เพราะเชื่อว่ามีธาตุอุ่น สรรพคุณบำรุงโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ แก้ปวดประจำเดือน
ลดอาการร้อนวูบวาบ เพิ่มเม็ดเลือดสำหรับผู้หญิงที่โลหิตจาง อีกทั้งยังบำรุงตับและม้ามด้วย
ไข่มุก : เพื่อความงาม สาวชาวจีนยังนิยมกินไข่มุก (โอ้! พระเจ้า) หมู่สาวจีนซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส แต่ก็มีข้อบ่งใช้ว่า
หญิงสาวที่ยังไม่มีลูก ไม่ควรกินเกินปีละ 4 ตำลึง เนื่องจากจะทำให้มดลูกบีบตัว และมีบุตรยาก วิธีกินก็คือให้นำไข่มุกมาบดเป็นผงชงกับน้ำอุ่นจนละลายแล้วดื่ม
ห่อ ซิ่วโอว ก็เป็นสมุนไพรเพื่อความงามอีกชนิดหนึ่ง มีนิทานเล่าว่า แม่ชีคนหนึ่งไปขุดหัวหอสิ่วโอวจากในป่ามาต้มกินเป็นประจำ จนอายุมากแล้วผมก็ยังไม่หงอก คนอื่นๆ เลยเอาอย่างบ้าง
จนเป็นที่เล่าต่อ กันมาว่าหอสิ่วโอวมีสรรพคุณบำรุงผมให้ดกดำ... เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ แต่เมื่อปีก่อนมีบริษัทผลิตแชมพูของฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง สกัดสารจากหอสิ่วโอวผสมไปในแชมพูเพื่อช่วยบำรุงผมแตกปลายให้ดีขึ้น"
แปะ ฮวยแปขี่เฉ้า : จัดเป็นยาถอนพิษขนานหนึ่งของจีน ซึ่งนิยมใช้มาตั้งแต่โบราณ ใช้ถอนพิษได้หลายชนิด เช่น พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย พิษจากพืชบางชนิด เป็นต้น
จิงจูฉ่าย : เป็นผักชนิดหนึ่ง กลิ่นหอม แพทย์จีนเชื่อว่าเป็นยาเย็น ช่วยแก้ไข้ได้ ความเย็นของจิงจูฉ่ายยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด ทำให้เลือดอุ่นและไหลเวียนได้ดี
คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาประกอบอาหารกินกันในหน้าหนาว
กระเพาะ ปลา : อย่างเช่นกระเพาะปลาตุ๋นใส่โสม ที่คนจีนจะนิยมกินกินกันปีละครั้งเฉพาะหน้าหนาว ถ้าปีไหนหนาวนานก็สามารถทำกินได้หลายครั้ง แต่คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรกินมากค่ะ
มีวิธีทำก็คือ ต้องตุ๋นข้ามวันข้ามคืนด้วยหม้อตุ๋นสองชั้น พอเช้าใส่หมูสับใหม่ๆ สุกแล้วปรุงด้วยซีอิ๊วนิดหน่อย เเละแม่บ้านชาวจีนจะตักให้ลูกๆ เเละคนในครอบครัวกินคนละชาม เป็นยาบำรุงเลือดลม
ทำให้เลือดอุ่น เเต่ถ้าวันไหนกินยาโป๊วชุดนี้ ห้ามกินของเย็น เช่น น้ำเย็น น้ำส้มสายชู หัวไชเท้า เพราะเกรงว่าจะไปหักล้างกัน"
คน จีนจะไม่กินเผ็ดถ้าไม่จำ เป็น โดยเฉพาะช่วงที่เป็นสิว เพราะพริกจะทำให้เลือดร้อน กระตุ้นให้การอักเสบของสิวลุกลาม แพร่กระจายไปได้ เวลาที่สาว ๆ ชาวจีนเป็นสิว มักจะต้มแปะฮวยแปขี่เฉ้าจนเดือด
น้ำจะออกมาเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็เทใส่อ่างเทแล้วเอาผ้าขนหนูลงไปชุบขึ้นมาเช็ดหน้าขณะที่ยังร้อนๆ เเต่ใช้กันทีต้องใช้เป็นหม้อ ๆ เเละต้องขยันทำทุกวันนะคะ
เเล้วนี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของสาวจีนซึ่งจะมีวิธีดูแลตัวเองให้สวยงามอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องเครื่องสำอางประทินผิว ยาสมุนไพร และอาหารการกินบำรุงสุขภาพ
เรียก ว่าเป็นความงามตามตำรับคนจีนที่ต้องงามจากข้างใน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สาวจีนมักจะดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอค่ะ สาวคนไหสนใจก็ลองทำตามดูนะคะ เพราะจะได้เป็นสาวที่สุขภาพดี
ผิวพรรณ เเจ่มใส เเละไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตราย เพราะทุกอย่างที่ว่ามาทั้งหมด เป็นสมุนไพรทั้งนั้น ดีกว่าไปซื้อยาเเพง ๆ เเละครีมบำรุงเเพง ๆ เเละที่สำคัญประหยัดงบได้ตั้งหลายบาทนะคะ ^^
นางสนมกับรูปปั้นจักรพรรดิ์ที่เค้าบอกว่าปั้นออกมาหน้าเหมือนที่สุด
ที่มา ข้อมูลจาก Health & Cuisine เเละ PaNdA
ที่เราบอกว่าอุ๊ยโน่นงาม นี่สวย คนจีนแท้แต่โบราณกาลอาจไม่ได้มองอย่างนั้นก็ได้ เเต่สำหรับคนจีนแท้ อย่างไหนเรียกว่างาม ไปดูกันค่ะ
ใบหน้า
รูปหน้าที่คนจีนถือว่างามแต๊ งามปะล้ำปะเหลือ ต้องเป็นรูปไข่ค่ะ แต่รายละเอียดของใบหน้าก็สำคัญนะคะ
โดยเฉพาะ...ระยะห่างระหว่างตาสองข้างค่ะ จะต้องเท่ากับความยาวของดวงตา ถึงจะเรียกว่า สวยจริง !
ดวงตา
หญิงงามต้องมีดวงตาเรียวยาว หางตาตวัดโค้งขึ้น และนัยน์ตาต้องเป็นสีดำสนิทค่ะ
ริมฝีปาก
ถ้า แองเจลิน่า โจลี่หลุดไปอยู่ในยุคจีนโบราณคงชีช้ำแน่ เพราะปากอิ่ม ๆ ห้อย ๆ ที่เรามองว่างาม คนจีนเขาเห็นแล้วจะพาลสะดุ้ง ว่า"ลื้อเอาถุงกาแฟไปยัดไว้ใต้ปากทำไม "
ริมฝีปากที่สวยของจีนนั้นเน้นความเล็กค่ะ เล็กจนต้องบรรยายว่า "เล็กเหมือนผลเชอร์รี่"
เล็กอย่างเดียวไม่ได้นะคะ ต้องเป็นสีชมพูสด เป็นมันเงา แล้วมุมปากต้องโค้งขึ้นด้วยค่ะ
รูปร่าง
สำหรับรูปร่าง จีนเน้นเอวอย่างเดียวค่ะ ต้องคอดเข้าไว้! สาวจีนสมัยก่อนถึงได้ฮิตรัดเอวชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูไงคะ
คิ้ว
คิ้วคือ "สายรุ้งแห่งอารมณ์"ของชาวจีนค่ะ
แต่ต้องแล้วแต่ราชวงศ์ด้วยนะ
ราชวงศ์ฉิน - คิ้วต้องดกดำ ยาวโค้งดั่งคันศร
ราชวงศ์ฮั่น - คิ้วต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม
ราชวงศ์ถัง - คิ้วต้องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวค่ะ
เซ็กซี่สไตล์จีนโบราณ
ถ้าอยากเป็นสาวฮอตตัวแม่ของแผ่นดินจีนเมื่อพันปีก่อน ซิลิโคนยังมิใช่คำตอบค่ะ
เพราะอย่างที่บอกว่า คิ้วคือสายรุ้งแห่งอารมณ์ สาวเซ็กซี่จึงต้องมีคิ้วเข้ากับสมัย และต้องรู้จักแสดงอารมณ์ผ่านคิ้วอีกต่างหาก
จะกระเง้ากระงอด กระงืดกระงื้อแค่ไหน ปล่อยออกไปทางคิ้วให้หมดค่ะ !
และอวัยวะเซ็กซี่ลำดับถัดมาก็คือ ไหปลาร้า และช่วงคออันเรียวระหงนั่นเองค่ะ ^^
กินอย่างไรให้สวยเเบบจีน..??
คนจีนเนี้ย เขาถือค่ะว่าคนสวยคนงามเเท้ๆ ต้องสวยงามทั้งภายนอกเเละภายใน เเละคนจีนก็ขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศสมุนไพรตัวเเม่อย่เเล้ว เรามาดูกันดีกว่าค่ะ
ว่าอาหารที่สาวจีนโบราณนิยมกินบำรุงความงามนั้นมีอะไรบ้าง
โสม : ส่วนที่นำมาใช้คือราก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสหวานชุ่มคอคล้ายรากชะเอมเทศ แพทย์จีนเชื่อในสรรพคุณว่าโสมช่วยบำรุงพลังชีวิต ปอด ม้าม
แก้ อาการเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ฯลฯ แพทย์ปัจจุบันพบว่าในรากโสมมีสารชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณคล้ายฮอร์โมนเอสโต รเจน ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสดชื่นเปล่งปลั่ง
ไม่เ***่ยวแห้งหรือแตกเป็นขุย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย คนจีนจึงเชื่อว่ากินโสมแล้วอายุยืนนั่นเอง
อีกอย่างที่สาวจีนเลยนิยมทำเพื่อให้โหงวเฮ้งดีคือการทำหมังหมิ่ง เป็นการถอนขนบนใบหน้าด้วยเส้นด้าย คนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวมักไปทำกัน
ตัง กุย : แพทย์จีนมักจะจัดตังกุยให้หญิงวัยทอง เพราะเชื่อว่ามีธาตุอุ่น สรรพคุณบำรุงโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ แก้ปวดประจำเดือน
ลดอาการร้อนวูบวาบ เพิ่มเม็ดเลือดสำหรับผู้หญิงที่โลหิตจาง อีกทั้งยังบำรุงตับและม้ามด้วย
ไข่มุก : เพื่อความงาม สาวชาวจีนยังนิยมกินไข่มุก (โอ้! พระเจ้า) หมู่สาวจีนซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส แต่ก็มีข้อบ่งใช้ว่า
หญิงสาวที่ยังไม่มีลูก ไม่ควรกินเกินปีละ 4 ตำลึง เนื่องจากจะทำให้มดลูกบีบตัว และมีบุตรยาก วิธีกินก็คือให้นำไข่มุกมาบดเป็นผงชงกับน้ำอุ่นจนละลายแล้วดื่ม
ห่อ ซิ่วโอว ก็เป็นสมุนไพรเพื่อความงามอีกชนิดหนึ่ง มีนิทานเล่าว่า แม่ชีคนหนึ่งไปขุดหัวหอสิ่วโอวจากในป่ามาต้มกินเป็นประจำ จนอายุมากแล้วผมก็ยังไม่หงอก คนอื่นๆ เลยเอาอย่างบ้าง
จนเป็นที่เล่าต่อ กันมาว่าหอสิ่วโอวมีสรรพคุณบำรุงผมให้ดกดำ... เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ แต่เมื่อปีก่อนมีบริษัทผลิตแชมพูของฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง สกัดสารจากหอสิ่วโอวผสมไปในแชมพูเพื่อช่วยบำรุงผมแตกปลายให้ดีขึ้น"
แปะ ฮวยแปขี่เฉ้า : จัดเป็นยาถอนพิษขนานหนึ่งของจีน ซึ่งนิยมใช้มาตั้งแต่โบราณ ใช้ถอนพิษได้หลายชนิด เช่น พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย พิษจากพืชบางชนิด เป็นต้น
จิงจูฉ่าย : เป็นผักชนิดหนึ่ง กลิ่นหอม แพทย์จีนเชื่อว่าเป็นยาเย็น ช่วยแก้ไข้ได้ ความเย็นของจิงจูฉ่ายยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด ทำให้เลือดอุ่นและไหลเวียนได้ดี
คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาประกอบอาหารกินกันในหน้าหนาว
กระเพาะ ปลา : อย่างเช่นกระเพาะปลาตุ๋นใส่โสม ที่คนจีนจะนิยมกินกินกันปีละครั้งเฉพาะหน้าหนาว ถ้าปีไหนหนาวนานก็สามารถทำกินได้หลายครั้ง แต่คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรกินมากค่ะ
มีวิธีทำก็คือ ต้องตุ๋นข้ามวันข้ามคืนด้วยหม้อตุ๋นสองชั้น พอเช้าใส่หมูสับใหม่ๆ สุกแล้วปรุงด้วยซีอิ๊วนิดหน่อย เเละแม่บ้านชาวจีนจะตักให้ลูกๆ เเละคนในครอบครัวกินคนละชาม เป็นยาบำรุงเลือดลม
ทำให้เลือดอุ่น เเต่ถ้าวันไหนกินยาโป๊วชุดนี้ ห้ามกินของเย็น เช่น น้ำเย็น น้ำส้มสายชู หัวไชเท้า เพราะเกรงว่าจะไปหักล้างกัน"
คน จีนจะไม่กินเผ็ดถ้าไม่จำ เป็น โดยเฉพาะช่วงที่เป็นสิว เพราะพริกจะทำให้เลือดร้อน กระตุ้นให้การอักเสบของสิวลุกลาม แพร่กระจายไปได้ เวลาที่สาว ๆ ชาวจีนเป็นสิว มักจะต้มแปะฮวยแปขี่เฉ้าจนเดือด
น้ำจะออกมาเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็เทใส่อ่างเทแล้วเอาผ้าขนหนูลงไปชุบขึ้นมาเช็ดหน้าขณะที่ยังร้อนๆ เเต่ใช้กันทีต้องใช้เป็นหม้อ ๆ เเละต้องขยันทำทุกวันนะคะ
เเล้วนี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของสาวจีนซึ่งจะมีวิธีดูแลตัวเองให้สวยงามอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องเครื่องสำอางประทินผิว ยาสมุนไพร และอาหารการกินบำรุงสุขภาพ
เรียก ว่าเป็นความงามตามตำรับคนจีนที่ต้องงามจากข้างใน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สาวจีนมักจะดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอค่ะ สาวคนไหสนใจก็ลองทำตามดูนะคะ เพราะจะได้เป็นสาวที่สุขภาพดี
ผิวพรรณ เเจ่มใส เเละไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตราย เพราะทุกอย่างที่ว่ามาทั้งหมด เป็นสมุนไพรทั้งนั้น ดีกว่าไปซื้อยาเเพง ๆ เเละครีมบำรุงเเพง ๆ เเละที่สำคัญประหยัดงบได้ตั้งหลายบาทนะคะ ^^
นางสนมกับรูปปั้นจักรพรรดิ์ที่เค้าบอกว่าปั้นออกมาหน้าเหมือนที่สุด
ที่มา ข้อมูลจาก Health & Cuisine เเละ PaNdA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ