หนองน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งในเคราลา สายน้ำแยกจากทะเลสาบ บึงน้ำ
และคลองหลายสาย เรือนแพตกแต่งหรูหราตั้งเรียงรายตามหนองน้ำลึกขนาดเรือผ่านได้นี้
เป็นความสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังเมืองชายฝั่งทะเล ทางใต้ของอินเดียไม่เคยขาดสาย
หนองน้ำลึก และเรือนแพแบบพื้นเมือง
เป็นองค์ประกอบสำคัญของเคราล่า อะนิตา
และแองกัส เฮย์ สองสามีภรรยา นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษก็คิดเช่นนี้
และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตกับประสบการณ์ล่องแม่น้ำในเอเชีย
การล่องเรือจึงไม่เพียงแต่ได้ชื่นชมความงามตามธรรมชาติของเคราล่า
แต่ยังเหมือนกับได้ส่องกล้องดูภาพชีวิตชนบทของเคราล่าอย่างใกล้ชิดด้วย
เรือนแพที่พร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ล่องอย่างช้าๆ ไปตามลำน้ำ
แวะให้วางเบ็ด ตกปลา ตามความชอบของแต่ละคน
ตามปกติแล้ว ชาวอินเดียเรียกเรือนแพว่า เคตตูวัลลัม ซึ่งหมายถึงเรือที่ทำขึ้นจากการมัดไม้
รวมเข้าด้วยกัน และใช้เป็นพาหนะเดินทางได้สะดวก แต่เรือนแพรุ่นใหม่มีทั้งห้องน้ำ
ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำสะอาด ห้องทานข้าว ห้องครัว และระเบียงพักผ่อน มีตะเกียงโบราณ
ส่องเป็นแสงมะลังมะเลือง สมกับเป็นโรงแรมลอยน้ำแสนหรูหรา
เรือนแพขนาดครอบครัว มีลูกเรือท้องถิ่นประจำอยู่ 3 คน มีหน้าที่ขับเรือ ทำอาหาร
และคนรับใช้ส่วนตัว อาหารที่เสิร์ฟเป็นอาหารพื้นเมืองทำขึ้นใหม่บนเรือทุกมื้อ
แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณของนักท่องเที่ยว จะเลือกแบบห้องนอนเดี่ยว หรือเตียงคู่
โตมี เจ ปูลิคัตติล เจ้าของเรือนแพ บอกว่า เขามีเรือนแพทั้งแบบติดแอร์ และพัดลม
มีเรือนเฉพาะของผู้หญิง ที่มีลูกเรือผู้หญิงไว้บริการโดยเฉพาะ สำหรับเรือนนวด
ตกแต่งแบบพื้นเมือง แบบที่เรียกว่า นาลูเกตุ หรือแบบเคราล่าแบบดั้งเดิม เพื่อให้ได้บรรยากาศ
เขตอลัปปูซา ขึ้นชื่อมากว่า เป็นศูนย์ฟื้นฟูอายุเวทด้วยวิถีธรรมชาติ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมนวดน้ำมันและสมุนไพร จึงแนะนำให้เลือกเรือนแพอายุรเวท
หรือหากต้องการประชุมในบรรยากาศที่แปลกออกไป ก็มีเรือนแพขนาดใหญ่
รองรับผู้เข้าประชุมได้เป็นร้อยคน
สรีจิท เจ้าของเรือนแพอีกบริษัท บอกว่า การประชุมในเรือนแพ ยังช่วยพัฒนาธุรกิจ
เพราะพนักงานได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศ และความสวยงามของเคราล่า
ปัจจุบัน ในอลัปปูซา มีเรือนแพบริการอยู่มากกว่า 500 หลัง
แต่ละหลังใช้เวลาประมาณ 5 เดือนในการก่อสร้างและตกแต่ง
ขนาดปกติยาวประมาณ 18 – 21 เมตร กว้าง 4.5 เมตร ตัวเรือทำด้วยแผ่นไม้
จากต้นขนุนป่า หลังคาใช้ไม้ไผ่ค้ำ มุงด้วยทางมะพร้าว
ทาผนังด้านนอกด้วยน้ำมันมะม่วงหิมพานต์
ช่วงเดือนกันยายน ถึง มีนาคม เป็นช่วงคับคั่งของฤดูท่องเที่ยวที่อลัปปูซา
ด้วยมีเทศกาลเฉลิมฉลองมากมาย รวมทั้งงานแข่งเรืออันเลื่องชื่อ
นักท่องเที่ยวอย่างเดลฟิน เดลาเฮย์ บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่เธอจำได้คือ
ได้ล่องเรือตอนกลางคืน แวะที่วัดแห่งหนึ่ง ได้เห็นชาวบ้านออกมาสวดมนต์
อุตสาหกรรมท้องถิ่น และเจ้าของร้านขายของได้ผลพลอยได้
จากธุรกิจท่องเที่ยวเรือนแพ ที่กำลังบูมนี้ไปด้วย
สุเรนดรัน เจ้าของร้านค้าในเคราล่า ยังบอกด้วยว่า เรือนแพมีความหมาย
ต่อความเป็นอยู่ของคนที่นี่ เรือนแพเป็นสัญลักษณ์การพัฒนาของอลัปปูซา
ที่มา
http://www.wintesla2003.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ