เปิดตำนานยาไทยยอดนิยม
แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเกือบศตวรรษ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ยาไทยยอดนิยม หลายยี่ห้อ
ยังดำรงอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางยาฝรั่งและยาชนิดใหม่เกิดมา แต่ยาโบราณยอดนิยมเหล่านี้ยังขายได้
และบางยี่ห้อยังคงรูปลักษณ์ ทั้ง***บห่อ ซอง ตรายี่ห้อเหมือนเดิมทุกอย่าง
ยิ่งใครได้รู้ถึงตำนานการเกิดขึ้นของแบรนด์ยายอดนิยมบางชนิด จะยิ่งค้บพบว่า นี่คือเสน่ห์
และวิถีชีวิตของคนในอดีตที่ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคลาสสิกต่อไปอีกนานเท่านาน
ตัวอย่างยาแบรนด์ยายอดนิยม ซึ่ง ผู้จัดการ Lite หยิบนำมาเล่าถึงการก่อกำเนิดและการตั้งชื่อสินค้า
ซึ่งมีที่มาที่ไป ชนิดที่ใครได้รู้แล้ว จะพบว่า ยี่ห้อหรือตราสินค้า ล้วนมีกำเนิดอย่างน่าติดตาม
ผงมหัศจรรย์ร่มชูชีพ
ซองสีส้มๆ มีสัญลักษณ์รูปร่มชูชีพ เป็นตำนานของอมตะแบรนด์อีกยี่ห้อหนึ่ง ถึงวันนี้มีอายุถึง 58 ปีเต็ม
แล้ว ซึ่งผงพิเศษโรยแผลและรักษาสิวชนิดนี้ ยังขายดิบขายดี และใช้สัญลักษณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง
ต้นกำเนิดของแบรนด์ร่มชูชีพนี้ เกิดขึ้นจาก การริเริ่มของ สมเกียรติ ศุภโกวิท ซึ่งเป็นคนชาวจังหวัดลำปาง
สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นที่ 1 (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยแม่โจ้)
ต่อมาได้เข้ารับราชการที่กรมป่าไม้ แต่ด้วยมีใจรักในการค้าขาย จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของเขาในขณะนั้น มีความคิดที่จะผลิตยาขาย เพราะเห็นว่าอาชีพขายยา
เป็นอาชีพที่สงบและเป็นกุศล และยาที่ผลิตได้จะต้องมีคุณภาพ ราคาถูก เหมาะกับผู้ที่มีรายได้น้อย
จึงได้อาศัยความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา พยายามคิดค้น และพัฒนาสูตรยาจากเภสัชตำรับทั้งในและต่างประเทศ
โดยซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมาปรุงผสมกับตัวยาอื่นๆ ทดลองอยู่นาน จึงได้ตำรับยาผงชนิดนี้ขึ้น มาบรรจุซองขาย
ไม่น่าเชื่อว่ายาที่เขาผลิตเริ่มขายดีและเริ่มเป็นที่ต้องการของผู้ที่ซื้อไปใช้ เขาจึงพยายามคิดตั้งชื่อ
ตำรับยาผงโรยแผลและรักษาสิวที่ตนเองได้พัฒนาขึ้น โดยมีอยู่วันหนึ่งได้ไปนอนพักอยู่ใต้ต้นประดู่หลังวัดเทพศิรินทราวาส
จังหวัดกรุงเทพมหานคร เห็นเครื่องบิน บินผ่านมามีทหารมากมายโดดร่มชูชีพ ลงมาทั่วท้องฟ้า
จึงเกิดความคิด และตัดสินใจใช้ "ร่มชูชีพ" เป็นเครื่องหมายการค้า และตั้งชื่อตำรับยาผงโรยแผลรักษาสิวนี้ว่า
"ผงวิเศษ" และยังนำเอารูปของตนเองมาไว้บนซองยาอีกด้วย ส่วนชื่อบริษัทได้นำชื่อ ภริยา "สมจิตต์" มาตั้ง
จึงได้เป็นบริษัทสมจิตต์โอสถจำกัด
โดยในช่วงแรกบริษัทฯ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 96 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงนางเลิ้ง เขตพระนคร กรุงเทพ
และผงวิเศษตราร่มชูชีพได้ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2493
ต่อมา ในปี 2505 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายใหม่ ให้เปลี่ยนชื่อยาต่างๆ ที่มีชื่อ
ฟังแล้วเป็นการอวดอ้างสรรพคุณในการรักษา สมเกียรติ จึงได้เปลี่ยนชื่อยาจาก "ผงวิเศษตราร่มชูชีพ"
เป็น "ผงพิเศษตราร่มชูชีพ" ซึ่งแปลว่าแตกต่างไปจากสามัญ
ในปีต่อมา สมเกียรติ ได้ย้ายบริษัท มาเปิดที่ เลขที่ 9/19 ซอยลาดพร้าว 23 ถนนลาดพร้าว
แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ และได้สร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ เป็นโรงงานชั้นเดียวพร้อมโรงพิมพ์
แลปัจจุบันให้ทายาทสืบทอดกิจการแทน
ตำนานยาตรากิเลน
"ยาธาตุ4 ตรากิเลน แม่บ้านเค้าซื้อติดบ้านเป็นประจำ" โฆษณายาธาตุ 4 ตรากิเลนที่หลายคนยังจำได้
แต่ใครจะรู้บ้างว่า แบรนด์ตรากิเลนถูกคิดขึ้นตั้งสมัย ร.6 และได้กลายเป็นคลาสสิคแบรนด์ที่ยังดำรงอยู่ถึง 100 กว่าปีแล้ว
ในประวัติ 110 ปีของโอสถสภา ได้ระบุว่า นายแป๊ะ เป็นผู้ริเริ่มนำเข้าสูตรยาและตั้งชื่อคำว่ากิเลนขึ้น
ครั้งแรกในประเทศไทย ผลิตยาชนิดแรก โดยใช้ชื่อว่ายากฤษณากลั่นตรากิเลน จากนั้นก็นำขึ้นทูลเกล้า
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้ในกิจการเสือป่า ปรากฏว่ายาขนานนี้มีสรรพคุณ
ในการบำบัดรักษาอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานเข็มเสือป่าเป็นรางวัล
และทรงเขียนแนะนำให้ใช้ยากฤษณากลั่น ในพระราชนิพนธ์กันป่วย ยิ่งกว่านั้นในปี 2456
ยังได้พระราชทานนามสกุล โอสถานุเคราะห์ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกด้วย
ตรากิเลน เป็นเครื่องหมายการค้าที่นายแป๊ะเลือกใช้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าตัวกิเลนเป็นสัตว์
ที่มาจากสวรรค์มักจะมาปรากฎตัวให้เห็นในปีที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อผนวกกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์
และคัมภีร์ตำราพิชัยสงคราม ยิ่งทำให้เครื่องหมายการค้า ดูศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือ
เมื่อนายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์ ถึงแก่กรรม นายสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ บุตรชาย
ได้สืบช่วงบริหารกิจการแทน โดยอาศัยพื้นความรู้ทันสมัยที่ได้รับการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบิดา
ทำให้นายสวัสดิ์สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด
ได้อย่างมั่นคงตลอดมา
โดยในระยะแรกมีผู้ร่วมงานเพียง 4-5 คน ผลิตและขายยากฤษณากลั่นเป็นหลัก ต่อมาได้ย้ายร้านขายยา
จากสำเพ็ง มาตั้งที่ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกเอส.เอ.บี. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้สมกับกิจการที่ใหญ่โตขึ้นว่า
โอสถสถานเต็กเฮงหยู ในปี พ.ศ. 2475 มีการเพิ่มตัวสินค้า อาทิ ยาธาตุ 4 ยาแก้ไอ ยาระบาย ยาอมโบตัน
ยาทันใจ ยาหอมชนะลม ล้วนได้รับความนิยมเป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคยืนยาวตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
ยาแก้ปวดประสระบอแรด
ยาชนิดนี้ เริ่มผลิตขึ้นโดย บริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2480
โดยพันตรีหลวงสิทธิโยธารักษ์ (ทองม้วน อินทรทัต) แพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิต
และจำหน่ายยารักษาโรค อัน ได้แก่ "ยาประสระนอแรด" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขเป็น
"ยาประสระบอแรด" จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีรสหวานจากน้ำตาลแลคโตส
และซักการินโดยไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีน จึงทำให้รับประทานง่าย
ตัวอย่างยี่ห้อยาไทยโบราณที่โด่งดัง
- ยาประสระบอแรด
- ยาซอมป่อยใหม่ มาจากคำว่า ยาซ่อมปอดใหม่
- ยาบวดหาย มาจากคำว่า ยาปวดหาย
-ยาทัมใจ แต่เดิมใช้ชื่อว่า ยาทันใจ ของโอสถสภา เป็นยาแสไพรินชนิดผงที่ผลิตมานานกว่า 60 ปี
- ยาน้ำระดมพล เป็นยาระบายอ่อนๆ รสเปรี้ยวอมหวาน ผู้ผลิตห้างขายยาอยู่หน้าวัดมหรรณพ์
- ยากุมารอ้วนพี รสหวานหอม ทำให้เด็กเจริญอาหาร ของห้างปลุกเศกโอสถ
- ยาประดงพระสังข์ทรงช้างตราเสือมังกร ของห้างขายยาตราเสือมังกร
- ยากฤษณากลั่นตรากิเลน ของห้างเต๊กเฮงหยู
- ยากวาดสมานลิ้นตราใบโพ ของห้างขายยาตราใบโพ
- ยาขมเม็ดตราใบห่อ ของห้างขายยาตราใบห่อ
- ยาหม่องขาว ตรา ลิงถือลูกท้อ
- ยาหอม ตรา ฤษีทรงม้า
- ยาร้อยปีของห้างสะพูมีโอสถ ถนนวิสุทธิกษัตริย์
- ยาหอม ตรา ห้าเจดีย์
- ยาหอมอำพันทอง ตราประสาททอง ของ ห้างประสาททองโอสถ
- ยาธาตุน้ำขาว ตรากระต่ายบิน
- ยาดองเหล้าแสงสว่างตราค้างคาว
เป็นยาให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทานเพื่อขับน้ำคาวปลา และ อยู่ไฟ
ที่มา
wintesla2003.com
แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเกือบศตวรรษ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ยาไทยยอดนิยม หลายยี่ห้อ
ยังดำรงอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางยาฝรั่งและยาชนิดใหม่เกิดมา แต่ยาโบราณยอดนิยมเหล่านี้ยังขายได้
และบางยี่ห้อยังคงรูปลักษณ์ ทั้ง***บห่อ ซอง ตรายี่ห้อเหมือนเดิมทุกอย่าง
ยิ่งใครได้รู้ถึงตำนานการเกิดขึ้นของแบรนด์ยายอดนิยมบางชนิด จะยิ่งค้บพบว่า นี่คือเสน่ห์
และวิถีชีวิตของคนในอดีตที่ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคลาสสิกต่อไปอีกนานเท่านาน
ตัวอย่างยาแบรนด์ยายอดนิยม ซึ่ง ผู้จัดการ Lite หยิบนำมาเล่าถึงการก่อกำเนิดและการตั้งชื่อสินค้า
ซึ่งมีที่มาที่ไป ชนิดที่ใครได้รู้แล้ว จะพบว่า ยี่ห้อหรือตราสินค้า ล้วนมีกำเนิดอย่างน่าติดตาม
ผงมหัศจรรย์ร่มชูชีพ
ซองสีส้มๆ มีสัญลักษณ์รูปร่มชูชีพ เป็นตำนานของอมตะแบรนด์อีกยี่ห้อหนึ่ง ถึงวันนี้มีอายุถึง 58 ปีเต็ม
แล้ว ซึ่งผงพิเศษโรยแผลและรักษาสิวชนิดนี้ ยังขายดิบขายดี และใช้สัญลักษณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง
ต้นกำเนิดของแบรนด์ร่มชูชีพนี้ เกิดขึ้นจาก การริเริ่มของ สมเกียรติ ศุภโกวิท ซึ่งเป็นคนชาวจังหวัดลำปาง
สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นที่ 1 (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยแม่โจ้)
ต่อมาได้เข้ารับราชการที่กรมป่าไม้ แต่ด้วยมีใจรักในการค้าขาย จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของเขาในขณะนั้น มีความคิดที่จะผลิตยาขาย เพราะเห็นว่าอาชีพขายยา
เป็นอาชีพที่สงบและเป็นกุศล และยาที่ผลิตได้จะต้องมีคุณภาพ ราคาถูก เหมาะกับผู้ที่มีรายได้น้อย
จึงได้อาศัยความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา พยายามคิดค้น และพัฒนาสูตรยาจากเภสัชตำรับทั้งในและต่างประเทศ
โดยซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมาปรุงผสมกับตัวยาอื่นๆ ทดลองอยู่นาน จึงได้ตำรับยาผงชนิดนี้ขึ้น มาบรรจุซองขาย
ไม่น่าเชื่อว่ายาที่เขาผลิตเริ่มขายดีและเริ่มเป็นที่ต้องการของผู้ที่ซื้อไปใช้ เขาจึงพยายามคิดตั้งชื่อ
ตำรับยาผงโรยแผลและรักษาสิวที่ตนเองได้พัฒนาขึ้น โดยมีอยู่วันหนึ่งได้ไปนอนพักอยู่ใต้ต้นประดู่หลังวัดเทพศิรินทราวาส
จังหวัดกรุงเทพมหานคร เห็นเครื่องบิน บินผ่านมามีทหารมากมายโดดร่มชูชีพ ลงมาทั่วท้องฟ้า
จึงเกิดความคิด และตัดสินใจใช้ "ร่มชูชีพ" เป็นเครื่องหมายการค้า และตั้งชื่อตำรับยาผงโรยแผลรักษาสิวนี้ว่า
"ผงวิเศษ" และยังนำเอารูปของตนเองมาไว้บนซองยาอีกด้วย ส่วนชื่อบริษัทได้นำชื่อ ภริยา "สมจิตต์" มาตั้ง
จึงได้เป็นบริษัทสมจิตต์โอสถจำกัด
โดยในช่วงแรกบริษัทฯ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 96 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงนางเลิ้ง เขตพระนคร กรุงเทพ
และผงวิเศษตราร่มชูชีพได้ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2493
ต่อมา ในปี 2505 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายใหม่ ให้เปลี่ยนชื่อยาต่างๆ ที่มีชื่อ
ฟังแล้วเป็นการอวดอ้างสรรพคุณในการรักษา สมเกียรติ จึงได้เปลี่ยนชื่อยาจาก "ผงวิเศษตราร่มชูชีพ"
เป็น "ผงพิเศษตราร่มชูชีพ" ซึ่งแปลว่าแตกต่างไปจากสามัญ
ในปีต่อมา สมเกียรติ ได้ย้ายบริษัท มาเปิดที่ เลขที่ 9/19 ซอยลาดพร้าว 23 ถนนลาดพร้าว
แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ และได้สร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ เป็นโรงงานชั้นเดียวพร้อมโรงพิมพ์
แลปัจจุบันให้ทายาทสืบทอดกิจการแทน
ตำนานยาตรากิเลน
"ยาธาตุ4 ตรากิเลน แม่บ้านเค้าซื้อติดบ้านเป็นประจำ" โฆษณายาธาตุ 4 ตรากิเลนที่หลายคนยังจำได้
แต่ใครจะรู้บ้างว่า แบรนด์ตรากิเลนถูกคิดขึ้นตั้งสมัย ร.6 และได้กลายเป็นคลาสสิคแบรนด์ที่ยังดำรงอยู่ถึง 100 กว่าปีแล้ว
ในประวัติ 110 ปีของโอสถสภา ได้ระบุว่า นายแป๊ะ เป็นผู้ริเริ่มนำเข้าสูตรยาและตั้งชื่อคำว่ากิเลนขึ้น
ครั้งแรกในประเทศไทย ผลิตยาชนิดแรก โดยใช้ชื่อว่ายากฤษณากลั่นตรากิเลน จากนั้นก็นำขึ้นทูลเกล้า
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้ในกิจการเสือป่า ปรากฏว่ายาขนานนี้มีสรรพคุณ
ในการบำบัดรักษาอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานเข็มเสือป่าเป็นรางวัล
และทรงเขียนแนะนำให้ใช้ยากฤษณากลั่น ในพระราชนิพนธ์กันป่วย ยิ่งกว่านั้นในปี 2456
ยังได้พระราชทานนามสกุล โอสถานุเคราะห์ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกด้วย
ตรากิเลน เป็นเครื่องหมายการค้าที่นายแป๊ะเลือกใช้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าตัวกิเลนเป็นสัตว์
ที่มาจากสวรรค์มักจะมาปรากฎตัวให้เห็นในปีที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อผนวกกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์
และคัมภีร์ตำราพิชัยสงคราม ยิ่งทำให้เครื่องหมายการค้า ดูศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือ
เมื่อนายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์ ถึงแก่กรรม นายสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ บุตรชาย
ได้สืบช่วงบริหารกิจการแทน โดยอาศัยพื้นความรู้ทันสมัยที่ได้รับการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบิดา
ทำให้นายสวัสดิ์สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด
ได้อย่างมั่นคงตลอดมา
โดยในระยะแรกมีผู้ร่วมงานเพียง 4-5 คน ผลิตและขายยากฤษณากลั่นเป็นหลัก ต่อมาได้ย้ายร้านขายยา
จากสำเพ็ง มาตั้งที่ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกเอส.เอ.บี. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้สมกับกิจการที่ใหญ่โตขึ้นว่า
โอสถสถานเต็กเฮงหยู ในปี พ.ศ. 2475 มีการเพิ่มตัวสินค้า อาทิ ยาธาตุ 4 ยาแก้ไอ ยาระบาย ยาอมโบตัน
ยาทันใจ ยาหอมชนะลม ล้วนได้รับความนิยมเป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคยืนยาวตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
ยาแก้ปวดประสระบอแรด
ยาชนิดนี้ เริ่มผลิตขึ้นโดย บริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2480
โดยพันตรีหลวงสิทธิโยธารักษ์ (ทองม้วน อินทรทัต) แพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิต
และจำหน่ายยารักษาโรค อัน ได้แก่ "ยาประสระนอแรด" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขเป็น
"ยาประสระบอแรด" จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีรสหวานจากน้ำตาลแลคโตส
และซักการินโดยไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีน จึงทำให้รับประทานง่าย
ตัวอย่างยี่ห้อยาไทยโบราณที่โด่งดัง
- ยาประสระบอแรด
- ยาซอมป่อยใหม่ มาจากคำว่า ยาซ่อมปอดใหม่
- ยาบวดหาย มาจากคำว่า ยาปวดหาย
-ยาทัมใจ แต่เดิมใช้ชื่อว่า ยาทันใจ ของโอสถสภา เป็นยาแสไพรินชนิดผงที่ผลิตมานานกว่า 60 ปี
- ยาน้ำระดมพล เป็นยาระบายอ่อนๆ รสเปรี้ยวอมหวาน ผู้ผลิตห้างขายยาอยู่หน้าวัดมหรรณพ์
- ยากุมารอ้วนพี รสหวานหอม ทำให้เด็กเจริญอาหาร ของห้างปลุกเศกโอสถ
- ยาประดงพระสังข์ทรงช้างตราเสือมังกร ของห้างขายยาตราเสือมังกร
- ยากฤษณากลั่นตรากิเลน ของห้างเต๊กเฮงหยู
- ยากวาดสมานลิ้นตราใบโพ ของห้างขายยาตราใบโพ
- ยาขมเม็ดตราใบห่อ ของห้างขายยาตราใบห่อ
- ยาหม่องขาว ตรา ลิงถือลูกท้อ
- ยาหอม ตรา ฤษีทรงม้า
- ยาร้อยปีของห้างสะพูมีโอสถ ถนนวิสุทธิกษัตริย์
- ยาหอม ตรา ห้าเจดีย์
- ยาหอมอำพันทอง ตราประสาททอง ของ ห้างประสาททองโอสถ
- ยาธาตุน้ำขาว ตรากระต่ายบิน
- ยาดองเหล้าแสงสว่างตราค้างคาว
เป็นยาให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทานเพื่อขับน้ำคาวปลา และ อยู่ไฟ
ที่มา
wintesla2003.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ