|
ล่องคลองแสนแสบแบบใสๆ ใน "มีนบุรี" โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | ||||
สำหรับเมืองมีนบุรีนั้น มีความเป็นมาที่ยาวนาน และยังเป็นเมืองสำคัญในอดีตอีกด้วย โดยแต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น ทรงโปรดเกล้าฯให้รวมเอาท้องที่อำเภอคลองสามวา อำเภอแสนแสบ อำเภอเจียรดับ และอำเภอหนองจอก รวมเป็นเมืองเดียวกันและมีฐานะเทียบเท่าจังหวัด ขนานนามว่าเป็น "เมืองมีนบุรี" ซึ่งหมายถึงเมืองปลา เพื่อให้คู่กับเมืองธัญบุรี หรือเมืองข้าวนั่นเอง | ||||
เรามาเรียนรู้เรื่องราวของเมืองมีนกันก่อนที่ "พิพิธภัณฑ์ ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี" ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสำนักงานเขตมีนบุรี ในอาคารไม้ยกพื้นหลังใหญ่ ซึ่งเคยใช้เป็นศาลาว่าการเมืองมีนบุรีมาก่อน แต่ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เข้าไปชมกัน | ||||
นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนการแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆในอดีตของผู้ คนในย่านนี้ ทั้งเครื่องมือเกี่ยวกับการเกษตร เครื่องมือจับปลา รวมไปถึงข้าวของในบ้านเรือนอย่างโทรศัพท์ นาฬิกา พัดลมหน้าตาโบราณๆ อีกด้วย | ||||
ได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์คร่าวๆ ของเมืองมีนบุรีกันแล้ว คราวนี้ไปดูบรรยากาศโดยรอบกันบ้างดีกว่า จากสำนักงานเขตเราเดินข้ามฝั่งถนนมายังสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซึ่งด้านหลังสวนอยู่ติดกับคลองแสนแสบ | ||||
สำหรับชื่อที่มาของ "คลองแสนแสบ" นั้น ส่วนมากจะเชื่อตามคำบันทึกของนายดี.โอ.คิง นักสำรวจชาวอังกฤษที่บันทึกไว้ว่า "...คลองนี้ยาวถึง 55 ไมล์ เชื่อมนครกรุงเทพฯกับแม่น้ำบางปะกง...คนพื้นเมืองเป็นคนเชื้อสายมาเลย์... ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ มือข้างหนึ่งจะต้องใช้ปัดยุงเสมอ..." จึงเป็นที่มาของชื่อแสนแสบ เพราะยุงเยอะจนต้องเกาแสบไปทั้งตัว | ||||
ในมีนบุรีนี้เองที่ทำให้ฉันเริ่มเห็นภาพคลองสวยน้ำใสแทนภาพคลองดำน้ำ เน่า แม้จะน้ำไม่ใสแจ๋วราวกับกระจก แต่ก็ต้องถือว่าคุณภาพน้ำบริเวณนี้อยู่ในขั้นดี วัดได้จากการที่มีปลามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ ริมน้ำยังมีชาวบ้านลงทอดแห ยกยอจับปลา ยังมีคนลงแหวกว่ายอยู่ในคลอง ก็ต้องถือว่าน้ำในคลองนี้ยังมีคุณภาพดีอยู่ หากเทียบต้นคลองกับปลายคลองแล้วก็แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคลองสายเดียวกัน | ||||
ว่ากันเรื่องคลองมาเสียยาว เกือบลืมพาไปเที่ยวเสียแล้ว เราเดินเท้าจากสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 มาทางตลาดมีนบุรี แล้วเดินข้ามสะพานมายัง "ศาลเจ้าเจียวตี่เหล่าเอี๊ย" ศาลเจ้าเล็กๆ แต่งดงาม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในย่านนี้ บริเวณด้านหลังศาลเจ้านั้น เป็นที่ตั้งของ "ตลาดเก่ามีนบุรี" ตลาดเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีริมคลองแสนแสบที่เคยเป็นแหล่งค้าขายคึกคักในอดีต บริเวณนี้เป็นตลาดขนาดใหญ่กว่า 200 ห้อง และไม่ได้มีหน้าตาเป็นห้องแถวไม้ริมน้ำเหมือนตลาดเก่าอื่นๆที่เราเคยเห็นกัน บ่อยๆ แต่ตลาดห้องแถวที่นี่เป็นห้องแถวก่อด้วยอิฐไม่ฉาบปูน สร้างเป็นแถวยาวเรียงกันเป็นล็อกๆ | ||||
แม้จะเป็นตลาดร้าง แต่ฉันว่าที่ตลาดเก่ามีนบุรีนี้ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เดินชมบรรยากาศของห้องแถวก่ออิฐนี้ไปสักพักก็ชักเริ่มรู้สึกคล้ายกับไปเดิน อยู่ในเมืองจีน นี่ถ้าเปลี่ยนจากหลังคาสังกะสีเป็นหลังคากระเบื้องแบบจีน แล้วมีสะพานอิฐโค้งข้ามคลองเสียหน่อยก็ใช่เลย นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้เป็นฉากถ่ายหนังถ่ายละครหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผีๆ เพราะบรรยากาศของตลาดบางส่วนก็ดูเงียบสงัดเอาเสียจริงๆ | ||||
ใช้เวลาไม่นานนักเราก็มาถึง "มัสยิดกมาลุลอิส ลาม" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า "สุเหร่าทรายกองดิน" การก่อตั้งมัสยิดแห่งนี้เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยชาวอิสลามที่มาจากไทรบุรีตั้งแต่สมัยเริ่มขุดคลอง แต่ในสมัยนั้นจะใช้บ้านของคหบดีมุสลิมเป็นสถานที่ประกอบกิจทางศาสนา และต่อมาได้มีดำริจะสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวบ้านได้นำทรายกองใหญ่มากองไว้เพื่อเตรียมก่อสร้าง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านมายังบริเวณนี้ พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทรงตรัสถามว่ากองทรายไว้บนดินทำไม เมื่อทรงทราบคำตอบก็ได้พระราชทานทรายสำหรับก่อสร้างมัสยิดเพิ่มเติมให้ด้วย ชาวบ้านจึงเรียกกันต่อมาว่าสุเหร่าทรายกองดิน | ||||
เรามาปิดท้ายเส้นทางท่องเที่ยวกันที่ "ตลาดเก่าหนองจอก" ตลาดห้องแถวไม้ริมน้ำที่กำลังโรยรา แต่ก็มีเสน่ห์น่าชมไม่น้อย ในตลาดมีร้านยาจีน ยาสมุนไพร ร้านขายของชำของใช้สารพัดอย่าง หรือหากไม่ต้องการซื้ออะไรก็แค่เข้ามาเดินเล่นชมบรรยากาศเก่าๆ เก็บภาพประทับใจของสายน้ำคลองแสนแสบ ที่ไม่แสบเหมือนชื่อเลยสักนิดที่มีนบุรีแห่งนี้ * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ติดต่อสอบถามเรื่องเรือท่องเที่ยวได้ที่ คุณพีรพงษ์ ประธานชุมชนโซ๊ะมันร่วมพัฒนา โทร.08-1434-5795 สำนักงานเขตมีนบุรี โทร.0-2540-7901, 0-2540-7160 ต่อ 6687 และกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร โทร.0-2225-7612 ถึง 5 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ