สาเหตุการ ดับสูญของคนบนเกาะ Greenland
ย้อนอดีตไปเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนนี้ เกาะ Greenland อันเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และอยู่ใกล้ Iceland คือสวรรค์บนดินของชาวยุโรป เพราะดินแดน Greenland ในสมัยนั้นมีอากาศอบอุ่น และมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนเชื้อชาติไอซ์แลนด์ ประมาณ 5,000-6,500 คนได้อพยพไปตั้งรกรากอยู่ตามริมฝั่งของเกาะ เขาเหล่านี้ได้สร้างโบสถ์ ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ เช่น แกะ แพะ ทำ ไร่ ล่าแมวนํ้าและวอลรัส (walrus) เป็นอาหารและได้ติดต่อค้าขาย
กับพ่อค้าชาวยุโรปบนผืนแผ่นดินใหญ่ด้วยดี เป็นเวลานาน
แต่ในปี ค.ศ. 1361 หลังจากที่ได้มาทำ มาหากินบนเกาะมานานร่วม 300 ปี พระนักบวชชาวเนอร์เวย์ชื่อ I. Bardarson ได้รายงานว่าฝูงชนกลุ่มนี้ได้สาบสูญไปจากโลก อย่างไม่มีใครรู้เหตุผลเลยว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้น
นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้พยายามค้นหาหลักฐานและคำ อธิบายเหตุผลการดับสูญของชนกลุ่มนี้มาเป็นเวลานาน โดยตั้งข้อสงสัยมากมายว่าคนกลุ่มนี้ถูกพวกเอสกิโม หรือชนเผ่าอื่นที่ตั้งรกรากอยู่ทางแคนาดาฆ่าล้างโคตร หรือถูกพวกโจรสลัดฆ่า หรือคนกลุ่มนี้เสียชีวิตเพราะขาดอาหาร อันเป็นผลมาจากการที่ Greenland ถูกภัยหนาวคุกคามอย่างรุนแรง และต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 500 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 1300-1800
มาบัดนี้คณะนักวิจัยซึ่งนำ โดย P.Buckland แห่งมหาวิทยาลัย Sheffield ในประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับทุนวิจัยจาก North Atlantic Bio-cultural Organization ของสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าไวกิ้ง (Viking) กลุ่มนี้มิได้เสียชีวิตเพราะถูกโจรสลัดฆ่าหรือตายเพราะสงครามใดๆ แต่ตายเพราะถูกอิทธิพลของดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพราะการยึดมั่นถือมั่นในวัฒนธรรมของตนอย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลงใดๆ
Buckland ได้รายงานว่าเมื่อสภาพทางเศรษฐกิจของสังคมชาวเกาะในสมัยนั้นไม่ดี อันเป็นผลมาจาก
สาเหตุที่ว่า คนเกาะมิได้ดำรงชีพเป็นชาวประมง แตยึดอาชีพ กสิกรเลี้ยงสัตว และทำไร่
ดังนั้น เวลาอากาศแปรปรวนมาก เช่น มีฤดูร้อนที่หนาวติดต่อกันนานถึง 20 ปี ต้นไม้และหญ้าซึ่งเป็นอาหารหลักของสัตว์บนเกาะได้ตายลง สัตว์ที่จำ เป็นต้องบริโภคหญ้า และพืชจึงได้ล้มตายตาม คุณภาพชีวิตของชาวเกาะจึงได้ล่มสลาย
ในที่สุด Bucklandและคณะได้ข้อมูลวิถีของชาวเกาะกลุ่มนี้จากการศึกษากระดูกสัตว์ที่ ขุดพบบนเกาะ ทำให้เขารู้ว่าชาวเกาะบริโภคสัตว์ชนิดใดเป็นอาหาร และก็ได้พบว่าในฤดูร้อนชาวเกาะมักจะเดินทางไปทางเหนือของเกาะเพื่อล่าวอลรัส เอางาไปขาย พอถึงฤดูหนาว คนเหล่านี้ก็หันมาเลี้ยงแกะ แพะ วัว ฯลฯ แต่ที่น่าประหลาดคือชาวเกาะกลุ่มนี้ไม่ตกปลาเป็นอาหารเลย เพราะเขาไม่ได้ขุดพบซากกระดูกปลาใดๆ ในสถานอาศัยของคนเกาะเลย
ส่วนประเด็นดินฟ้าอากาศที่ทำ ให้คนเกาะกลุ่มนี้ถึงชีพตักษัยนั้น นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนำ โดย L.Barlow แห่งมหาวิทยาลัย Colorado ก็ได้พบว่า ในราวคริสต์ศตวรรษที 14 ยุโรปตอนเหนือต้องผจญภัยอากาศที่หนาวมากถึง 4 ครั้ง และในแต่ละครั้งใช้เวลานาน คือในช่วงปี ค.ศ. 1308-1318, 1324-1329, 1343-1362 และ1380-1384
ข้อมูลภัยหนาวนี้ Barlow ได้จากการขุดเจาะนํ้าแข็งบนเกาะ แล้ววิเคราะห์ส่วนประกอบของก๊าซต่างๆในนํ้าแข็ง ทำให้เขารู้สภาพอากาศในอดีตที่ผ่านมาในช่วง 1,000 ปีได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นข้อมูลที่ได้จากนักวิทยาศาสตร์ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีต่างก็ชี้บอกเราให้รู้ว่าวาระสุดท้ายของชาว เกาะกลุ่มนี้ว่า เมื่อต้องเผชิญภาวะอากาศที่หนาวมาก และเมื่ออาชีพที่ผิดปกติ (อยู่บนเกาะ อยู่ใกล้ทะเลแต่ไม่จับปลา) ชาวเกาะได้ประสบปัญหาอาหารขาดแคลน และเมื่ออาหารใกล้จะหมดเขาได้ฆ่าวัว แกะ แพะเป็นอาหาร จากนั้นก็ลงมือฆ่าสุนัข และเมื่อสัตว์ทุกชนิดหากไม่ล้มตายก็ถูกฆ่าตายจนหมด ผู้คนก็ได้ล้มตายในเวลาต่อมา เพราะไม่ปรากฎในประวัติศาสตร์ว่าผู้คนบนเกาะนี้ได้อพยพย้ายเกาะแต่ประการใด
การสิ้นสูญของชาวเกาะกลุ่มนี้จึงมีสาเหตุมาจากการยึดติดกับวัฒนธรรมยุโรปที่ ตนเคยชิน โดยไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติจากถิ่นเดิมในยุโรปที่เคยเลี้ยงสัตว์ แต่เมื่อมาอยู่บนเกาะก็ยังเลี้ยงสัตว์ต่อโดยไม่รู้จักหัดจับปลา พอเวลาดินฟ้าอากาศไม่อำนวยวัฒนธรรมจึงฆ่าคนเหล่านี้หมด........
ลิงค์ หัวข้อ: http://www.trytodream.com/topic/1976
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ