วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

พฤติกรรมผู้ชายที่มักนำปัญหามาสู่ความรัก

พฤติกรรมผู้ชายที่มักนำปัญหามาสู่ความรัก



.....




เรามักติดสินใจเลือกผู้ชายมาเป็นบุคคลประจำความรักด้วยการอ้างอิงหลักความ น่ารักน่าเลิฟของผู้ชายมาเป็นเกณฑ์ แต่พอประกาศตัวว่ารักไปแล้ว เราก็มักพบว่าผู้ชายนั้นมักแสดงความไม่น่ารักออกมา..

พฤติกรรมที่ 1 "เขามักเห็นเรื่องเงินและงานมาก่อน"
ทั้งที่เขาควรลำดับความสำคัญมันเท่าๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าเขาดูไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกเอาเสียเลย หากเกิดปัญหามานัวเนียเขาพร้อมๆ กันหลายๆ เรื่องแล้ว เขามักจะมุ่งไปแก้ปัญหาอื่นๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาง้อเราและปัญหาความรัก ซึ่งมันทำให้ผู้หญิงเรารู้สึกว่าเขาหลงวัตถุมากกว่า โดยเฉพาะกับเรื่องเงินที่เขาแทบจะไม่สนใจใยดีเราเลย เขามักจะเลือกที่จะทุ่มเทกายและใจไขว่คว้ามันมาก่อน แล้วค่อยมาขอคืนดีกับความรัก โดยให้เหตุผลว่า "รักแบบอดสองมื้อ กินมื้อ มันไม่ Happy นะ แล้วจะพานทะเลาะกันก็เพราะความอดเนี่ยแหละ"

พฤติกรรมที่ 2 "เขามักให้เวลาเพื่อนมากกว่าแฟน"
นั่นเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกเลย สำหรับผู้ชายที่มีเพื่อนมากจึงลากชวนกันไปนอกลู่นอกทาง คนเดียวก็พังพอว่า แต่นี่ดันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหน้ากันมาทุกวัน เขาก็เลยออกนอกบ้านและเมาสิ้นสภาพกลับมาทุกที เขามักอ้างว่านานทีปีหนถึงจะได้เจอกันที แค่นับเอาวันฉลองวันเกิดของเพื่อนแต่ละคน เดี๋ยวเดือนนี้คนนู้นเกิด เดี๋ยวเดือนหน้าคนนั้นเกิดอีกแล้ว ตารางชีวิตของเขาจึงเต็มไปด้วยงานเลี้ยงที่ตามมารยาทสังคม และความเป็นเพื่อนด้วยยิ่งพลาดไม่ได้ แต่ที่เราขอให้เขาไปธุระปะปังเป็นเพื่อน เขาก็จะปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยว่าติดธุระที่นู่นที่นี่ไม่ว่าง แต่พอเพื่อนโทร.มาชวนไปดริ๊งค์เห็นว่าไม่พลาดเลยสักงาน

พฤติกรรมที่ 3 "เขาชอบเม้าท์ผู้หญิงแบบเสียๆ หายๆ"
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ยินเขาเม้าท์ถึงตัวเรา แต่สิ่งที่เขากระทำด้วยฝีปากและเสียงที่เปล่งออกมาจากกระบังลมของเขา มันมีเจตนาและความหมายจาบจ้วงเพศหญิงอย่างยับเยิน โดยไม่แคร์ว่าแฟนของเขาก็เป็นผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน โดยเฉพาะคำพูดของเขาที่มักจะชอบเอาความอ่อนโยน ขี้สงสาร หวั่นไหว และเจ้าน้ำตาว่า "นิสัยผู้หญิง" หรือไม่ก็พูดจาถากถางเย้ยหยันความงามความชราไปเปรียบเปรยกับสิ่งน่าเกลียด น่ากลัวที่พออยู่ต่อหน้าก็กลับพลิกลิ้นพูดดีพูดชม ไม่กล่าวคำพรุสวาทใดๆ ให้ระคายหู แต่เมื่อผู้ชายมาอยู่ร่วมกัน สำหรับผู้หญิงแล้วการรวมกันเป็นหมู่ของผู้ชา สิ่งที่น่ากลัวที่ไม่ใช่กำลังความเป็นชาย แต่กลับเป็นปากที่พวกเขาใช้เห่าหอน แขวะชำแหละความเป็นหญิงของเราอย่างไม่เหลือร่องรองความสวยเลยล่ะ

พฤติกรรมที่ 4 "เขามักฉวยโอกาสกับผู้หญิงอื่นเสมอ เมื่อมีโอกาส"
ถึงแม้ว่าจะมีผู้หญิงมายั่วปั่นอารมณ์ของเขา แต่ถ้าเขาไม่ร่วมมือร่วมใจไปกับกลลวงของเธอคนนั้น เรื่องมันก็มิน่าจะเกิดขึ้นได้หรอก เข้าทำนองว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง มันต้องแรงตบจากมือของเขาทั้งคู่แบบเมื่อเธอเสนอแล้ว เหตุใดเขาจะไม่สนองกันเล่า เพราะมันเป็นโอกาสทองของเขาแล้ว เรื่องความสัมพันธ์แนวนอกลู่ ความรักชนิดชอบหลบเราไปหาเศษหาเลยนั้น ช่างเป็นพฤติกรรมที่กวนความรักทำร้ายความสัมพันธ์อยู่เลย พฤติกรรมโฉดต่อความรักแบบนี้แม้ไม่ได้เกิดกับผู้ชายทุกคน แต่ส่วนใหญ่ล้วนมีเชื้อพร้อมฟักตัวกันทั้งนั้นแหละ ที่อาการรุนแรงยากจะเยียวยาถึงขั้นกับเพื่อนกับฝูงกับน้องกับนุ่งของเรา เขายังไม่เว้นเลยสิ

พฤติกรรมที่ 5 "เขาชอบแถไปเรื่อย"
ผู้ชายไม่นิยามการพูดความเท็จของตัวเองว่าเป็นการโกหกหรอกค่ะ ตราบที่เรายังไม่สามารถจับให้มั่นคั้นให้ตายได้ เขาไม่มีวันยอมรัก หรือต่อให้มีหลักฐานพยานบุคคลมาเป็นแบ็คอัพไว้ระบุความผิด เขาก็สามารถที่จะแถไปได้อีกว่า "ไม่ใช่ผม เป็นคนหน้าละม้ายคล้ายกันหรือเปล่า?" อาการแถไม่มีสิ้นสุดของผู้ชายมันช่างตอกย้ำอาการลื่นเป็นปลาไหลของผู้ชาย ที่ช่างทำให้ความรักกลายเป็นเรื่องน่าหน่ายเสียจริงๆ

พฤติกรรมที่ 6 "เขาชอบกระสันแต่เรื่องบนเตียง"
กลไกการทำงานของสมองผู้ชายไม่รู้เป็นอย่างไร ผู้ชายสามารถโยงใยเรื่องบนเตียงให้สัมพันธ์ได้กับทุกเรื่อง ในฐานะคนเป็นแฟน เราอาจจะรู้สึกว่าผู้ชายมักมีอาการอยากในเรื่องอย่างว่าบ่อย ทั้งที่เพิ่งจะเสร็จสมอารมณ์หมายลงไปได้แค่สักพักเอง แป๊ปเดียวเขาก็เกิดอาการ Want มันขึ้นมาอีก แม้หลายคนจะบอกว่ามันเป็นลางดีสำหรับความสัมพันธ์ที่เราสามารถเป็นตัวแปรทาง อารมณ์ให้เขาได้ แต่ถ้ามันถี่ไป นอกจากความเพลีย อ่อนล้า หมดแรงแล้ว เวลาว่างจากภารกิจแทนที่เราจะได้ทำอะไรอย่างอื่น ก็กลายเป็นว่าเขามาจับจองเพื่อกิจกรรมเสียเหงื่อในร่มเสียหมดแล้ว

พฤติกรรมที่ 7 "เขามักไม่แยแสโลและสรรพสิ่งชีวิตอื่น"
นอกจากสุราและนารีแล้ว ก็ดูเหมือนว่าผู้ชายมักจะไม่ค่อยสนใจใฝ่รู้เรื่องอื่นใดอีก บางทีเหตุบ้านการเมืองที่สังคมวิพากษ์กันให้โจ๋งครึ่ม ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาหูเอาตาไปไว้ที่ไหน เขาถึงตกข่าว ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องถามเรื่องชาวบ้านรั้วติดกัน เพราะคำตอบที่สามารถเดาได้ก็คือ "ไม่รู้ ไม่ชี้" แม้ในห้องนอนของเขาจะมีหนังสือนิตยสารอยู่บ้าง แต่เหล่าหนังสือนิตยสารของเขาเหล่านั้นก็เป็นภาพที่เขาบริโภคแต่ความงดงาม เซ็กซี่ หาได้อ่านเอาสาระไม่ ส่วนสิ่งที่เขาสามารถจำได้ติดสมองก็จะเป็นความอวบอึ๋มสะบึมหวิว และรอย Tatto ใกล้จุดต้องห้ามกลางกายนางแบบในนิตยสารเท่านั้นแหละ








ที่มา ... spicy

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ