วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

The Brothers Bloom (UNITED HOME ENTERTAINMENT)



The Brothers Bloom (UNITED HOME ENTERTAINMENT)

กำหนดฉาย : 5 พฤศจิกายน 2552
(เฉพาะที่ SFW เซ็นทรัลเวิล์ด และ APEX สยามสแควร์)


เรื่องย่อ The Brothers Bloom

เอเดรียน โบรดี้ นักแสดงชายรางวัลออสการ์จาก The Pianist (2002), ราเชล ไวซ์ นักแสดงหญิงรางวัลออสการ์จาก The Constant Gardener (2005), มาร์ค รัฟเฟโล (Zodiac) และริงโกะ คิคูชิ นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่นผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จาก Babel (2006) ร่วมประชันบทบาทกันใน The Brothers Bloom ภาพยนตร์เบาสมองเรื่องของการผจญภัยครั้งสุดท้ายของสองหนุ่มนักต้มตุ๋นมือ หนึ่งของโลก

ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของคู่พี่น้องตระกูลบลูม โลกที่การหลอกลวงคือศิลปะ และไม่มีสิ่งใดเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น สองพี่น้องมีฝีไม้ลายมืออันหาที่ติไม่ได้ตลอดระยะเวลาหลายปีของการร่วมงาน กัน บัดนี้ทั้งคู่ตัดสินใจทำงานชิ้นสุดท้าย ด้วยการวางแผนหลอกล่อสาวสวยรวยทรัพย์นิสัยประหลาดคนหนึ่ง ให้เดินเข้าสู่หลุมพรางที่ทำให้พวกเขาต้องออกเดินทางท่องไปทั่วโลก

เท่าที่จำความได้ สตีเฟ่น (มาร์ค รัฟเฟโล) และ บลูม (เอเดรียน โบรดี้) มีเพียงกันและกันตลอดมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่เป็นสิบแปดมงกุฎระดับชาติ ทั้งสองแบ่งปันทุกสิ่งร่วมกัน สตีเฟ่นเป็นคนคิดแผนการอันซับซ้อน ขณะที่บลูมผู้น้องยังคงใฝ่ฝันถึงการผจญภัยอันแท้จริง แบบที่ไม่ต้องพึ่งพาแผนการของพี่ชาย และเมื่ออยากวางมือ บลูมรับปากทำงานกับสตีเฟ่นเป็นครั้งสุดท้าย โดยเข้าไปตีสนิทกับเพเนโลพี (ราเชล ไวซ์) ทายาทมหาเศรษฐีจากนิวเจอร์ซีย์ จนเมื่อความสัมพันธ์เริ่มเบ่งบาน เพเนโลพีก็เชื่อว่าตนเองกำลังจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ครั้งสำคัญที่สุดใน ชีวิต เธอและ บลูม พร้อมด้วยสตีเฟ่น และแบงแบง (ริงโกะ คิคูชิ) ผู้ช่วยสาวของพวกเขา ร่วมเดินทางข้ามมหาสมุทรไปกรีซ และตระเวนไปทั่วโลก จากกรุงเอเธนส์ ไปกรุงปราก ไปเม็กซิโก สู่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มก้าวเข้าใกล้จุดอันตราย บลูมจึงได้รู้ว่าแผนครั้งนี้ของพี่ชายคือแผนที่เสี่ยงตายที่สุดในชีวิตการ เป็นนักต้มตุ๋นของเขา



นักแสดง

เอเดรียน โบรดี้ (บลูม)

ภาพยนตร์เรื่อง The Pianist ของผู้กำกับ โรมัน โปลันสกี้ ทำให้โบรดี้เป็นนักแสดงอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสาขาเดียวกันนี้บนเวทีลูกโลกทองคำ, Screen Actors Guild Award และ BAFTA ด้วย

โบรดี้เกิดและโตในนิวยอร์ค เข้าศึกษาในโรงเรียนการแสดง และเรียนต่อที่ American Academy of Dramatic Arts ผลงานที่ทำให้เขาเริ่มถูกจับตามองคือ King of the Hill (1993) ตามมาด้วย Summer of Sam (1999) และ Liberty Heights (1999) ส่วนภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Cadillac Records (2008), The Darjeeling Limited (2007), Hollywoodland (2006), King Kong (2005), The Village (2004), The Thin Red Line (1998) และ The Last Time I Committed Suicide (1997)

ราเชล ไวซ์ (เพเนโลพี)

นักแสดงสาวชาวอังกฤษ ที่มักได้รับบทเป็นผู้หญิงกล้าหาญและชาญฉลาดคนนี้ ยังคงมองหาบทที่ท้าทายความสามารถของเธออยู่เสมอ หลังจากที่การแสดงอันยอดเยี่ยมของเธอในภาพยนตร์ดราม่า เรื่อง The Constant Gardener ทำให้เธอคว้ารางวัลมากมาย ทั้ง Screen Actors Guild Award, ลูกโลกทองคำ และออสการ์

ไวซ์ก้าวเข้าสู่อาชีพนักแสดงตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเคม บริดจ์ ที่ซึ่งเธอได้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Talking Tongues Theatre เพื่อนำเสนอละครแนวทดลองหลายเรื่อง จนได้รับรางวัล Guardian Award จากเทศกาลเอดินเบิร์ก

ผลงานภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของไวซ์ ได้แก่ My Blueberry Nights (2007), The Fountain (2006), Runaway Jury (2003), The Shape of Things (2003), About a Boy (2002), Enemy at the Gate (2001), The Mummy (1999) และ Stealing Beauty (1996)

มาร์ค รัฟเฟโล (สตีเฟ่น)

หนึ่งในนักแสดงชายที่มีคนต้องการร่วมงานด้วยมากที่สุดในฮอลลีวูด รัฟเฟโลเริ่มต้นอาชีพนักแสดงในวงการละคร และได้รับรางวัล Lucille Award สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง This is Our Youth รวมถึงได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี่จากบทบาทบนเวทีบรอดเวย์เรื่อง Awake and Sing!

สำหรับวงการภาพยนตร์ รัฟเฟโลโด่งดังจาก You Can Count on Me ในปี 2000 ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์มอนทรีอัล และรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งลอส แองเจลิส

รัฟเฟโลขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทได้ในภาพยนตร์ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ดราม่าอย่าง Reservation Road (2007), Zodiac (2007), All the King’s Men (2006) ภาพยนตร์เบาสมองอย่าง Rumor Has It… (2005), Just Like Heaven (2005), 13 Going on 40 (2004) หรือภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง Collateral (2004), Windtalkers (2002)

ริงโกะ คิคูชิ (แบงแบง)

ริงโกะ (หรือชื่อเดิมว่ายูริโกะ) คิคูชิ เริ่มต้นอาชีพนางแบบและนักแสดงตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอคือ Ikitai ในปี 1999 จากนั้นก็มีผลงานโฆษณาและภาพยนตร์ตามมาอีกมากมาย อาทิ The Reason (2004), The Taste of Tea (2004), Funky Forest (2005), Portrait of the Wind (2005), Arch Angels (2006) และ Tokyo Serendipity (2007) แต่ผลงานที่สร้างชื่อให้เธอโด่งดังขึ้นมาอย่างแท้จริงคงหนีไม่พ้น Babel ภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรกของเธอ ซึ่งการแสดงอันเปี่ยมพลังในบทเด็กสาวหูหนวก ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี 2006

ร็อบบี้ โคลเทรน (เดอะ คูเรเทอร์)

โคลเทรนปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ตั้งแต่ยุค 80 ในผลงานอย่าง Britannia Hospital (1982), Krull (1983), Defence of the Realm (1985), Caravaggio (1986) และ Mona Lisa (1986) แต่เขามาเป็นที่จดจำจากบทจิตแพทย์ชื่อฟิทซ์ ในซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง Cracker ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล BAFTA สาขานักแสดงโทรทัศน์ชายยอดเยี่ยม

เขาเคยรับบทเป็นวาเลนทิน ซูคอฟสกี้ คู่ปรับของเจมส์ บอนด์ ในเรื่อง Goldeneye (1995) และ The World is Not Enough (1999) ผลงานเด่นเรื่องอื่นของโคลเทรน ได้แก่ Ocean’s Twelve (2004), Van Helsing (2004), From Hell (2001), The Pope Must Die (1991), Nuns on the Run (1990) และภาพยนตร์ชุด Harry Potter

แม็กซิมิเลี่ยน เชลล์ (ไดม่อน ด็อก)

อีกหนึ่งผู้ชนะรางวัลออสการ์ และเป็นบุคคลที่ได้รับรางวัลทางด้านการแสดงมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วนตลอด อาชีพของเขา ตัวอย่างเช่น ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ 6 ครั้ง, ชนะรางวัลจากชมรมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งนิวยอร์ค 3 ครั้ง, รางวัลลูกโลกทองคำอีกหลายครั้ง รวมถึงรางวัล Deutscher Filmpreis 7 ครั้ง เป็นต้น

เชลล์ได้ชื่อเป็นนักแสดงที่พูดภาษาเยอรมันผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน ฮอลลีวูด เขาเกิดที่กรุงเวียนนา เป็นบุตรของกวีชาวสวิส และนักแสดงหญิงชาวออสเตรีย เริ่มแสดงละครเวทีเมื่อปี 1954 และแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกเมื่อปี 1958 คือ The Young Lions ประกบกับดาราใหญ่ มาร์ลอน แบรนโด และมอนต์โกเมอรี่ คลิฟท์ สามปีต่อมา เชลล์ก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ด้วยการพิชิตรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Judgment at Nuremberg จากนั้นก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ในสาขาเดิมอีกครั้งจาก The Man in the Glass Booth (1975) และสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Julia (1977) นอกจากการเป็นนักแสดงฝีมือเยี่ยม เขายังเป็นผู้กำกับฝีมือดีด้วย งานกำกับเรื่อง First Love (1970) และ The Pedestrian (1973) ได้รับเลือกเป็นตัวแทนจากประเทศเยอรมนีในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และในปี 1984 ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Marlene ของเขา ก็ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ รวมถึงได้รับรางวัลจากชมรมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งนิวยอร์ค และ National Board of Review

ผลงานภาพยนตร์เรื่องเด่นของเชลล์มีดังนี้ Topkapi (1964), The Castle (1968), The Odessa File (1974), Cross of Iron (1977), Peter the Great (1986), The Freshman (1990), Little Odessa (1994) และ Deep Impact (1998)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ