วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

อิ่มอร่อย “ข้าวหมูทอดเจ๊จง 16 บาท” ขวัญใจคนยาก ถูกปากไฮโซpalungjit.compalungjit.com



อิ่มอร่อย “ข้าวหมูทอดเจ๊จง 16 บาท” ขวัญใจคนยาก ถูกปากไฮโซ




เจ๊จง เจ้าของร้านข้าวหมูทอดเจ๊จง


ใครจะคิดว่าจาก คนที่เคยอยู่ดีกินดี กลับต้องขายแฟลต หันมาเปิดร้านอาหารตามสั่ง ไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อตะหลิว กลับกลายมาเป็นเศรษฐีนีจากการขายข้าวหมูทอดรสเด็ด เพียงเพราะเห็นอาหารที่ทำง่ายๆ เช่นนี้ แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายแพง ลูกซื้อมารับประทานแล้วไม่อิ่ม จึงคิดทำเอง และกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้สมาชิกในครอบครัวอย่างสุขสบาย



ขายหมูทอดตกวันละ 160-180 กก.



จงใจ กิจแสวง หรือเจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง ย่านห้างเทสโก โลตัส สาขาพระราม 4 เล่าว่า ธุรกิจเกิดจากความอดทน และแรงฮึดสู้ หลังจากชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด ต้องขายทรัพย์สิน และของมีค่าทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านที่ซุกหัวนอน ต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จากที่เคยมีเงินใช้จ่าย เลี้ยงลูก 3 คน ได้อย่างสุขสบาย แต่โดนโกงจากการเล่นแชร์ ทำให้เงินที่เก็บสะสมไว้เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ มีเจ้าหนี้มาทวงเงินทุกวัน แต่ตนเองก็ไม่หนี้ คิดเพียงว่าถ้ามีเงินเมื่อไหร่จะใช้คืนอย่างแน่นอน ในช่วงปี 2540 ต่อมาเมื่อรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงคิดทำของขาย โดยไปเช่าบ้านหลังเก่าเล็กๆ ที่ต้องมาซ่อมแซม เปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง โดยในแต่ละวันต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนประมาณ 1,500 บาท ซึ่งต้องไปหยิบยื่นจากผู้เป็นพ่อ





ลูกค้ายืนรอต่อคิวทุกวันช่วงตั้งแต่เวลา 11.00-13.00 น. (เจ๊จงบอกว่าลูกค้าที่เห็นในภาพถือว่าน้อยมากหากเทียบกับวันอื่นๆ)


การเปิดร้านขายอาหารตามสั่งในวันแรก เรียกได้ว่าเจ๊จงไม่มีทุนในการซื้ออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ แม้กระทั่งตะหลิวที่ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการขายอาหารตามสั่ง ต้องไปยืมเพื่อนบ้าน รวมถึงจาน ชาม ช้อม ส้อม ด้วยเช่นกัน เมื่อในแต่ละวันขายอาหารได้พอมีกำไรเหลือก็ค่อยๆ นำไปซื้ออุปกรณ์ภายในร้านจนครบ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นการขายอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า ทำให้แค่ช่วงเที่ยงอาหารก็หมด





จานนี้ราคา 21 บาท (เติมข้าวได้อีก)



“ในช่วงที่เรามาขายอาหารตามสั่ง และทำเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ก็ขายดี แต่รายได้ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้หนี้ได้หมด จึงคิดว่าในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยง ไปถึง 2 ทุ่มที่เป็นเวลาเข้านอนเพื่อเตรียมขายอาหารในตอนเช้า ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงจึงคิดอยากทำอะไรขาย เพื่อไม่ต้องการให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งไอเดียการขายข้าวหมูทอดเกิดจากลูกไปซื้อข้าวเหนียวหมูทอดมากิน ในราคา 10 บาท แต่มีหมูทอดเพียง 4 ชิ้น เราจึงบอกลูกค้าหมูทอดอย่างนี้แม่ก็ทำได้ อร่อยกว่าด้วย และสามารถทำให้หมูนุ่มได้โดยไม่ต้องใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยให้การอุดหนุน”





ถุงนี้ราคา 16 บาท สำหรับซื้อกลับบ้าน (เติมข้าวได้อีกเช่นกัน)



เมื่อการทดลองทำหมูทอดที่ตนเองหมักเอง ก็รู้สึกว่ารสชาติอย่างนี้น่าจะทำขายได้ แต่เมื่อคิดจะทำขายเจ๊จง บอกว่าไม่ต้องการให้เป็นหมูทอดที่มีอยู่ทั่วไป จึงนำหมูสามชั้นมาหั่นให้บาง เพื่อให้เหลือน้ำมันหมูไม่มากนัก ชุบแป้ง และทอดให้กรอบ มารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ น่าจะขายได้ ซึ่งในวันแรกซื้อหมูสามชั้นมา 8 กก. ก็ขายหมด จึงเกิดกำลังใจ วันที่สองเพื่อเป็น 20 กก. ก็ขายหมดอีก จนวันที่สามเพิ่มเป็น 50 กก. จนกระทั่งในช่วงเดือนแรกที่ขายข้าวหมูทอดใช้หมูตกประมาณวันละ 80 กก. จนกระทั่งในปัจจุบันใช้หมูวันละ 160-180 กก.




ทอดหมูกันตลอดทั้งวัน



สำหรับจุดเด่นของร้านหมูทอดเจ๊จง ที่ลูกค้าติดอกติดใจกันนักหนา เจ๊จงบอกว่าคงอยู่ที่การเลือกใช้หมูคุณภาพ ข้าวสวยลูกค้าสามารถตักได้เอง เติมข้าวได้จนอิ่ม มีผัดสดให้รับประทานฟรี และตบท้ายด้วยกล้วยน้ำหว้า ที่มีไว้บริการให้ลูกค้ารับประทานฟรีอีกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ น้ำจิ้มแจ่ว ที่รับประทานเข้ากันดีกับหมูทอด นอกจากนี้ในเรื่องของราคา ถือว่าเหมาะสมกับเศรษฐกิจในยุคนี้ ซึ่งข้าวหมูทอดใส่ถุงขายถุงละ 16 บาท หากรับประทานที่ร้านข้าวจานละ 21 บาท (ตักข้าวได้เอง) แต่หากลูกค้าต้องการกับข้าวอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น ปูจ๋า ไส้กรอก ตับกระเทียม ปลาหมึกกระเทียม กุนเชียง ไข่ต้ม และทอดมัน ราคาก็จะเพิ่มตกอย่างละ 5-15 บาท






บริเวณหน้าร้านที่ทุกวันลูกค้าต้องต่อคิว แบ่งเป็น 2 แถม สำหรับซื้อใส่ถุงและรับประทานในร้าน



แม้ว่าร้านหมูทอดเจ๊จง จะตั้งราคาขายไว้ไม่แพง หวังให้ลูกค้าอิ่มอร่อย และจ่ายเงินอย่างสบายกระเป๋า แต่รายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในแต่ละวันตกหลักหลายหมื่นบาท ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีเงินซื้อบ้าน รถยนต์ และส่งลูกให้เรียนโรงเรียนดีๆ ได้ รวมถึงบรรดาญาติพี่น้องก็ได้รับอานิสงค์ดังกล่าวไปด้วย คือ พ่อ-พี่น้องมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการมาช่วยทำงานที่ร้าน โดยเฉพาะน้องชาย และลูกสาวคนโต ก็ได้นำหมูทอดเจ๊จงไปขายในช่วงเช้า ย่านสีลม และหน้าอาคารมาลีนนท์ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น




ข้าวหมูทอดเพิ่มกับอื่นๆ ตามต้องการ ราคาเพิ่มขึ้นตามลำดับ




สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตเจ๊จงบอกว่า คงจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกๆ ที่ปัจจุบันลูกค้าลูกสาวคนโตเพิ่งเรียนจบก็มาช่วยทำงานที่ร้าน ส่วนลูกสาวคนรอง ก็กำลังศึกษาด้านอาหาร และมีแนวคิดที่จะนำความร้าด้านอาหารมาปรับปรุงคุณภาพ และตกแต่งหน้าใหม่ พร้อมทั้งจัดระบบการบริหารจัดการภายในร้านให้เป็นระบบ เพื่อให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่ลูกชายคนเล็ก กำลังศึกษาในระดับมัธยม แต่ทุกวันเมื่อกลับจากโรงเรียนก็จะต้องมาช่วยหั่นผักไว้คอยบริการลูกค้าเช่น เดียวกัน





ผักสดลูกค้าตักได้ไม่อั้น (แต่ควรทานให้หมด) ส่วนลูกชาย (ชุดนักเรียน) และคุณพ่อ ช่วยหั่นผัก




จากคนที่เคยเดินทางมาถึงจุดต่ำสุดในชีวิต แต่กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้นั้น เจ๊จงบอกว่ากำลังใจจากครอบครัว และความอดทน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะหากไม่มีกำลังใจดังกล่าว ก็คงไม่มีข้าวหมูทอดรสชาติอร่อย ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยได้อิ่มท้อง ซึ่งถือเป็นการทำบุญที่ทั้งผู้ให้และคนรับอิ่มใจ




ลูกค้าเต็มร้าน (แต่เจ๊จงบอกว่าน้อยมาก เพราะถ้าเยอะต้องไม่มีแม้แต่ที่ยืนรับประทานในร้าน)







ลูกค้าขาประจำต่างติดใจในรสชาติ





***สนใจติดต่อ 08-3013-2574***
palungjit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ