วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โลกของคน .....ไร้ญาติขาดมิตร

โลกของคนไร้ญาติขาดมิตร


มีจริงหรือคนที่ไร้ญาติขาดมิตรแล้วจะมีความสุขได้ ในเมื่อใครๆ ก็ชอบพูดว่า คนที่มีความสุขนั้นจะต้องมีมิตรหรือครอบครัว

มี จริงครับ คนที่ไร้ญาติและขาดมิตร มีทั้งที่ไม่มีญาติมิตรจริงๆ ต่างล้มหายตายจากไปหมด เหลือแค่คนรู้จัก หรือคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน หรือเขาอาจมีญาติมิตร แต่เขาไม่สนิทที่จะคบหากัน ผมเคยรู้จักคนบางคน เธอเป็นสุภาพสตรีสูงอายุ มีการงาน มีการศึกษา เคยมีสามีแต่สามีนอกใจเธอใจเด็ดมากเลยขอเลิกไปเลย มีลูกก็ไม่มาเหลียวแลแม่ เพราะลูกอยู่กับพ่อเติบโตมีครอบครัวไป อาจมาหาเป็นครั้งคราวในยามเทศกาล แต่เธอบอกว่า “ไม่สนิทกันเลย เหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันที่ฝืนมาพบปะพูดคุย”

เธอ เคยพยามยามสร้างมิตรกับคนหลายรูปแบบ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำหลายๆ เรื่อง ดูเหมือนทุกคนรักเธอ แต่ก็จากและจางไปหมดเมื่อได้สมประโยชน์แล้วหรือคบกันไปนานๆ เข้า

เธอเคยถามผม่วา “ทำอย่างไรที่จะให้มิตรภาพระหว่างมนุษย์ยืดยาว เธอพยายมทำแล้ว แต่ไม่ย่วสักที” ทุก วันนี้เธอปกติดีไม่ระแวง ไม่ได้ป่วยทางจิต มีบางครั้งบ่นว่าเหงาๆ บ้าง เธอมีบ้านและห้องชุดให้เช่า โดยมีเงื่อนไขง่ายๆ ว่าให้เช่าถูกๆ หวังจะได้เป็นมิตรกันหรือเอาไว้คุยกันบ้าง เดือดร้อนก็ช่วยดูแลกันได้ แต่ถ้าใครทำไม่ถูกใจเธอหรือเธอไม่ถูกใจเขา ก็ขอให้แยกจากกันโดยสันติ แต่ก็เหมือนต่างคนต่างอยู่เช่นเดิม

เธอเป็นคนตั้งนิยามตัวเองไว้ว่า “เหมือนอยู่ในโลกของคนไร้ญาติ ขาดมิตร” แล้วเธอจะมีความสุขไหมเนี่ยคุณหมอ...เธอถามผมเมื่อพบกัน ผมตอบว่า “มีความสุขได้สิครับ” มี คนที่อยู่ในสภาพอย่างเธอได้อีกจำนวนมากในสังคมนี้ บางคนไม่กล้ายอมรับความจริง พยายามสร้างภาพปลอมๆ ว่ามีความสุขมาก และมีญาติมิตรรุมล้อมรอบตัว ทำให้เสียเวลา เงินทอง และพลังงานไปกับการสร้างภาพปลอมๆ แต่จะหาเอนดๆ หรือญาติที่น่ารักที่สนิทใจสักคนไม่มี

ถ้า หาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก คนเราจะเข้าใจกันได้ต้องมีสารเคมีที่เข้ากันกันได้เมื่ออยู่ใกล้ พูดคุยกันถูกคอทำให้ถูกอกถูกใจสนุกสนาน บางคนเป็นญาติโดยสายเลือด โดยนามสกุล หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ร่วมธุรกิจ ร่วมสังคม แต่เมื่อเข้าใกล้พูดคุยกัน สารเคมีมันเข้ากันไม่ได้ คุยไม่สนุก ใจไม่เปิดให้รับความสุขได้เลย

ใน โลกของคนยุคนี้ มุ่งความสุขและกาความอิสระมากๆ จะมีคนประเภทนี้มากขึ้น จะรักสันโดษ อยู่ลำพังและเคารพความคิดเห็นของตัวเองสูง แต่เขาก็ไม่สามารถหาความสุขได้

ก่อน อื่นต้องยอมรับความจริงในแง่ของตัวเองให้ได้ว่า เป็นคนอย่างไร (เราเปลี่ยนแปลงอย่างคนอื่นเขาได้ยาก ก็ไม่เป็นไรหรอก จงเป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละ) เราอยากทำอะไรมากที่สุด ทำไดมากแค่ไหน และเกิดประโยชน์กับสังคมส่วนรวมได้บ้างไหม ถ้าลงล็อคแล้วก็ให้เปิดไปเถิด เป็นไปเถิด เป็นไปอย่างที่อยากเป็น และทำอย่างที่อยากทำนั่นแหละ ทำให้ได้แค่ไหนก็แค่นั้นถือว่าเก่งมากแล้ว คุณจะพบว่าเกิดความสุขได้ในระดับหนึ่งทีเดียว

อย่า เปรียบเทียบกับคนอื่นในสิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้นะ จงมองสิ่งที่มีอยู เป็นอยู่ และทำได้เท่านั้นพอแล้ว ถ้าเปรียบเทียบแล้วจะเกิดการอิจฉาน้อยใจได้ ด้วยท่าทีที่พอใจตัวเอง และชีวิตอย่างพอใจตัวเองแล้ว คุณควรต้องนอนหลับพอเพียง ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง มีงานทำให้มีรายได้ และภูมิใจในตัวเอง มีงานอิดเรกหรืองานทำที่ถนัดทำให้เพลิดเพลิน รู้สึกภูมิใจและเป็นมิตรกับตัวเองทุกวัน แถมมีความคิดอยากช่วยคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการศรัทธาชีวิตเพื่อนมนุษย์ และเป็นเรื่องของคุณธรรม จิตวิญญาณของคุณจะได้รับผลของกรรมดีและจะแสดงออกมาในอนาคตไปไหนก็มีคนยอมรับ อยากเป็นมิตร แม้เราจะไม่สนิทใจอยากเป็นมิตรกับเขาก็ตาม ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เราก็มีความสุขได้แล้ว สุขในความเป็นตัวตนของตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้สึกเสมอว่า “เหมือนไร้ญาติ ขาดมิตร” นี่แหละ และอย่าหวังตอนเจ็บป่วยหรือใกล้ตายจะมีคนมาดูแลไหม คนที่คิดได้ ทำอะไรได้ในระดับรี้แล้ว เขาเลิกหวังสิ่งเล็กสิ่งน้อยกันแล้วครับ ปล่อยวางได้มากแล้ว เป็นอะไรก็เป็นไป เชื่อว่าจะเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นทั้งนั้น

ผมเชื่อในคำกล่าวที่ว่า..”The Last Man in the World is not Alone” เพราะเขาสามารถอยู่กับตัวเองได้แล้วครับ...สบายมาก






ที่มา.. นิตยสารบันทึกคุณแม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ