วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

4 เรื่องจริง...จากผู้หญิงถูกนอกใจ!!!

4 เรื่องจริง...จากผู้หญิงถูกนอกใจ!!!

http://hospluakdaeng.org/thai/images/stories//picture/41250horo2.jpg

.....

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ปัญหา ครอบครัวปัญหาหนึ่งที่ทำให้คนรักกันต้องเลิกรากันไปหลายต่อหลายคนนั้น นอกจากการไม่เข้าใจกันแล้ว การนอกใจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือชายที่ต่างไปมีเล็กมีน้อยก็เป็นอีกหนึ่ง ปัญหาสำคัญที่บั่นทอนครอบครัวไม่แพ้กัน

และ จากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่สำรวจพฤติกรรมของชายและหญิงในเรื่อง ของความสัมพันธ์แบบไม่ซื่อนั้น พบว่า มีผู้ชายถึง 60% ที่แอบไปมีผู้หญิงอื่น ในขณะที่ผู้หญิงเองก็มีเปอร์เซ็นต์สูงไม่แพ้กัน เพราะผลสำรวจเผยว่า 50% ของผู้หญิงก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับคนรักเท่าใดนัก


ทั้งนี้ร้อยทั้งร้อยจากคำสารภาพของคนคิดไม่ซื่อทั้งชายและหญิงยอมรับ ว่า ยังคงต้องการได้รับการอภัยและโอกาสจากคนรักอีกสักครั้ง ขณะที่อีกฝ่ายนั้นจะให้อภัยหรือจะเลิกกันไปเลย ก็ขึ้นอยู่กับเสียงของหัวใจว่า ในที่สุดแล้ว
“คุณยังรักเขาอยู่หรือไม่”


อย่างไรก็ดี ในวันนี้ทางทีมงาน Life and Family ขอนำประสบการณ์ตรง เรื่องราวในชีวิตจริงของผู้หญิง 4 คนที่เคยจับได้ว่า “พ่อของลูก” มีผู้หญิงอื่น และมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่าเพื่อนกัน จนกลายเป็นปัญหา “บุคคลที่สาม” เข้ามาพัวพันและทำให้สถานภาพทางครอบครัวสั่นคลอนอยู่ระยะหนึ่ง


http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/newimages/122644.jpg

อภัยมากไป จนไร้ค่า

“ปริม” สาวออฟฟิศ ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับแฟน เราก็พอทราบมาบ้างว่าเขามีคนอื่นด้วย แต่มันก็เป็นธรรมดาสำหรับผู้ชายที่จะเจ้าชู้บ้าง เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

“ก่อนแต่งงานเพียงไม่กี่เดือน เรามีความจำเป็นต้องไปทำงานที่ต่างประเทศระยะหนึ่ง ก็มีคนบอกว่า เขามีคนอื่นอีกแล้ว พอกลับมาถึงเมืองไทย เราก็ไปเจอบทสนทนาที่เขาแชทกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ก็โมโหนะ แต่ในที่สุดก็อภัยและตัดสินใจแต่งงานกัน”

แต่หลังจากที่แต่งงานกันได้ไม่นาน เขาและเธอก็มีอันต้องเลิกรากันไป ในขณะที่ลูกสาวยังมีอายุไม่ถึงขวบ ซึ่งสาเหตุที่นำมาสู่การเลิกรานั้น ปริมเผยว่า ความรักที่มีมันถูกบั่นทอนทุกวันจนวันหนึ่งมันก็ไม่มีอีกต่อไป


“แม้ รู้ว่าเขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา แต่เราก็ให้อภัยและตัดสินใจแต่งงานกับเขา พร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน เพราะความรัก แต่เราลืมคิดไปว่า การให้อภัยหลายๆครั้ง เขาอาจจะไม่เห็นคุณค่าในการอภัยจากเรา จนในที่สุดปัญหาต่างๆก็เริ่มตามมา ไม่เข้าใจกันเหมือนวันแรกๆที่รักกัน แม้จะอยากอยู่ด้วยเพื่อลูกมากแค่ไหน แต่มันก็ยากแก่การฝืนทนอีกต่อไป”

“เพราะ เชื่อมั่นว่า ต่างคนต่างอยู่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกเป็นเด็กมีปัญหาอย่างที่ใครๆคิด เด็กบางคนมีพ่อแม่ครบ แต่เกเรก็มี ดังนั้นเราจึงไม่อยากให้ลูกเห็นปัญหา เห็นภาพพ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ที่ผ่านมามันเจ็บเกินพอ เพราะเราได้ให้อภัยและให้โอกาสอยู่หลายครั้งแต่เขาอาจจะไม่ได้ต้องการมัน ในที่สุดเราสองคนก็ถึงทางตัน”

ทั้งนี้ สำหรับปริมแล้ว เธอบอกกับทีมงานว่า เรื่องเหล่านี้มันไม่ใครอยากให้เกิดหรอก แต่ถ้าเราจับได้ว่าเขามีคนอื่น ไม่ซื่อสัตย์กับเรา ผู้หญิงทุกคนควรตั้งสติและคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย แม้ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่มีทางยอมรับในสิ่งที่ทำ ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาก็ตาม

“สิ่ง สำคัญที่สุดคือ ถ้ายังรักเขาอยู่ เราก็ควรให้อภัย ให้โอกาส และดูว่าเราบกพร่องตรงไหนหรือไม่ แต่ถ้าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว จะเลิกกับเขาไปเลยหรือไม่ ก็ควรไตร่ตรองให้ดี”

http://www.eakpai.com/8_eakpai_story/images_eakpai_story/01_61.jpg

อยู่เพื่อรัก ทนเพราะรัก

‘จะ มีผู้หญิงสักกี่คนที่ทนอยู่กับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูก แต่กลับไปเลี้ยงดูปูเสื่อผู้หญิงอื่นดีกว่าเรา หนำซ้ำยังจะกลับมาทุบตีเราอีก!! ใครจะทน?’

หลายคนอาจคิดไปต่างๆนานา ถ้าเหตุการณ์ข้างต้นเกิดขึ้นจริงๆ และมักเชื่อว่า คงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนอยู่ในสภาพอย่างนั้นเป็นแน่ แต่ทว่าคำถามนี้อาจกระจ่างมากขึ้น เมื่อเรื่องจริงไม่อิงนิยาย สำหรับ “ภัทร” เจ้าของธุรกิจชื่อดัง ยอมรับว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่ยอมอยู่กับสามีที่ทุบตีเธอและมีหญิงอื่นเป็นภรรยาอีกหนึ่งคน


“เรา มีลูกด้วยกันสามคน ก็เริ่มโตๆกันหมดแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาให้หนักใจขนาดนี้มาก่อน จนวันที่รู้ว่าสามีมีคนอื่น เพราะเขาไม่ค่อยกลับบ้าน กลับมาทีไรก็มักจะมีเรื่องทะเลาะกัน บางครั้งก็ทุบตีเราก็มี”

“ใจ นึงก็อยากเลิกไปเลย แต่อีกใจนึงก็ทำไม่ได้เพราะลูก ลูกไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน เราไม่เคยทะเลาะกันให้ลูกเห็น อีกอย่างคือ ธุรกิจที่ทำนั้น ถ้าเลิกกันมันก็มีผลกระทบหลายอย่าง ชื่อเสียงของเขาก็จะพลอยเสียหายไปด้วย”

“ทุก วันนี้เราก็อยู่ๆกันไป ขึ้นชื่อว่าสามี และพ่อของลูก เราก็รักเขานั่นแหละ ตอนนี้ก็ทำใจแล้ว เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ เราไม่ห้าม เพราะห้ามไปก็เปล่าประโยชน์ เราทำใจของเราให้แข็งแรงขึ้นจะดีกกว่า และที่สำคัญทุกอย่างก็ เพื่อลูกเท่านั้น”

เพราะด้วยเหตุผลที่ยังรักสามีและรักลูก ทำให้ภัทรยังคงเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง แต่ถ้าเลือกได้ ภัทรก็ยังหวังว่าสักวันสามีคงกลับมาเป็นคนเดิม เหมือนตอนที่รักกันใหม่ๆ รักเธอด้วยความทนุถนอม ไม่ใช่รักด้วยอารมณ์และเห็นเป็นของตาย ซึ่งสำหรับภัทรแล้ว เธอมองว่า การที่ผู้ชายไปมีคนอื่นนั้น หากเป็นแฟนกัน จะตัดสินใจทำอะไรก็ไม่ยากเท่าการเป็น “สามี-ภรรยา”กันแน่นอน

http://pics.hi5.com/userpics/810/149/1494930810.img.jpg

เจ้าชู้มาก จาก “สามี”เหลือเพียง “เพื่อน”

“กว่า ยี่สิบปีที่ผ่านมา เราทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปโดยปริยายหลังจากที่เราเลิกกันเพราะ เขามีคนอื่น ในขณะที่ลูกสาวเพิ่งได้เพียงสามขวบ”

การเลิกรากันอาจไม่ได้หมายถึงการตัดขาดออกจากวงโคจรชีวิตเสมอไป เพราะจากการที่ได้พูดคุยกับ “ออย” ผู้หญิงเก่งในระดับผู้บริหารอีกหนึ่งคนที่ประสบปัญหา “บุคคลที่สาม” ในขณะที่เธอกำลังอุ้มท้องลูกสาวคนแรกและคนเดียวของครอบครัว

ออยเล่าว่า สามีของเธอนั้น เจ้าชู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้ชาย ตอนนั้นหวังว่าถ้าแต่งงานแล้ว เขาก็คงเลิก แล้วยิ่งมีลูกด้วยยิ่งน่าจะหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นได้

“มัน ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย ความเจ้าชู้ไม่ได้ลดลง เขายังคงมีเล็กมีน้อยและมีแบบถาวร จนในที่สุดเราก็ตัดสินใจแยกทางกัน ทุกวันนี้เขาก็มีครอบครัวใหม่กับผู้หญิงคนนั้น มีลูกด้วยกัน แต่เขากับเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ ยังติดต่อกันอยู่ เขายังเป็นพ่อของลูก ที่ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร ลูกก็เข้าใจดี”

ทั้งนี้ ออยได้เสนอความเห็นว่า การที่ผู้ชายไม่ซื่อสัตย์กับเรานั้น ถ้าคุยกันแล้วยังไม่แก้ไข ก็จะทนอยู่กันไปทำไม แต่ของอย่างนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ ผู้หญิงบางคนรับไม่ได้ก็เลิกโดยปราศจากการให้ภัย ขณะที่อีกหลายคนอาจจะยังรัก จึงเลือกที่จะเป็นผู้ให้โอกาสสักครั้งหนึ่งก็มี


http://www.zheza.com/images/blog/uploads/head/798273.jpg





อยากได้มากใช่มั้ย เอาไปเลย!!

กรณีสุดท้ายที่ร้ายแรงแต่ก็จบกันแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง สำหรับครอบครัวของ “มีน” ที่ยอมรับว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิด หลังจากที่สามีไปหาความสุขจากข้างนอก หลังจากที่ให้อภัยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายก่อนเขาจะเลิกเจ้าชู้นั้น เธอตัดสินใจเปิดโอกาสให้สามีย้ายข้าวของไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเลยทีเดียว

“ตอนนั้นมีลูกสองคนแล้ว เขาไม่ใช่คนหล่อ หน้าตาดี แต่ผู้หญิงชอบเพราะในสังคมต่างจังหวัดนั้น ถ้าผู้ชายคนไหนพอจะมีเงินก็มักจะชอบเป็นธรรมดา ตัวเขาเองก็เที่ยว รักสนุก แต่ไม่ได้จริงจังอะไร และที่สำคัญ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว โรคเอดส์ก็ไม่ได้ระบาดขนาดนี้”

เธอเล่าว่า ในช่วงที่ยังไม่ได้แต่งงานกันนั้น ไม่รู้เลยว่าเจ้าชู้ ลายเพิ่งมาออกหลังจากแต่งงานกันแล้ว ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบคนเจ้าชู้ แต่พอมาเจอกับตัวก็ตั้งสติก่อนเลย

“มี อยู่วันหนึ่ง มีผู้หญิงอุ้มท้องมาหาที่บ้านแล้วบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของสามีเรา พ่อแม่ของสามีก็ไม่รับผิดชอบเพราะท่านบอกว่า ลูกชายแต่งงานเพียงครั้งเดียว ลูกสะใภ้ก็อยู่ตรงนี้ คุณเป็นใครก็ไปเคลียร์กับเจ้าตัวเอาเอง”

“ตอนนั้นโมโหมาก ลูกก็ยังเล็กอยู่ เลยตั้งสติแล้วถามกลับว่า เป็นเมียเขาใช่มั้ย เราก็ไปเรียกเขามา เผชิญหน้ากันเลย สามีก็ไม่ยอมรับ เพราะบอกว่าไม่ใช่ลูกของเขา ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ข้อเท็จจริง เลยบอกว่า ให้ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันเลย”

“ถ้า อยากได้เขามาก ก็เอาไปเลย เราเลี้ยงลูกเองได้ ซึ่งสามีเราก็ไม่ยอมไป ขณะที่ผู้หญิงเองก็ไม่เอา จะเอาแต่เงิน...ตอนนั้นเลยรู้ว่า มีผู้หญิงที่จ้องจะจับผู้ชายเพราะอยากได้เงินเยอะมาก ซึ่งหลังจากนั้นสามีก็ไม่ยุ่งกับใครอีกเลย”

มีนยอมรับว่า เหตุการณ์ในวันนั้นมันเป็นภาพที่ลืมไม่ลงจริงๆ แต่สิ่งที่พูดไปก็ตัดสินใจแล้ว ไม่ได้ประชดสามีเพราะเหนื่อยเกินอภัย แต่อาจเป็นโชคดีของครอบครัวของเธอ ที่โอกาสครั้งสุดท้ายที่สามีได้รับ เขายังสำนึก เห็นแก่ครอบครัว กลับตัวกลับใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นอีก

อย่างไรก็ดี จากประสบการณ์ตรงของผู้หญิงทั้ง 4 คนนี้ ทำให้เรารู้ว่า ทางออกของผู้หญิงทุกคนที่เจอปัญหาความเจ้าชู้ของผู้ชายนั้น ก่อนจะตัดสินใจเลิกรากัน กระบวนการทางความคิดของพวกเธอได้ผ่านการให้อภัย ให้โอกาส และความรักมาก่อนแล้ว ขณะที่ตัวแปรสำคัญที่สุดที่ทำให้คนเป็น “แม่”หลายคนต้องอดทนและคิดแล้วคิดอีกก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปนั้นคือ “ลูก” นั่นเอง


อาจตั้งตัวไม่ทัน เมื่อความรักเข้าตาแต่ขอให้ทุกคนตั้งตัวและตั้งสติทันเวลาเมื่อปัญหา


http://variety.teenee.com/foodforbrain/img5/53957.jpg
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เดลิเมล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ