วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

อัลฟัลฟา หญ้ามหัศจรรย์ Alfalfa

อัลฟัลฟา หญ้ามหัศจรรย์ Alfalfa


เมื่อนึกย้อนไปมากกว่า 2000 ปี ก่อนคริสตกาล ได้มีการค้นพบหญ้า Alfalfa และนำมาใช้เป็น ยาสมุนไพรเพื่อเพิ่มความแข็งแรงแก่ร่างกาย และรักษาโรคมากมาย ชาวอาหรับได้ใช้หญ้าอัลฟัลฟาเลี้ยงม้า และพบว่าหญ้าชนิดนี้ทำให้ม้าแข็งแรงและวิ่งแร็ว เขาได้ลองรับประทานเองและมั่นใจในผลดีของหญ้าชนิดนี้ที่มีต่อสุขภาพและความ แข็งแรงของตนเอง จึงตั้งชื่อว่า อัลฟัลฟา แปลว่า บิดาของอาหารทุกชนิด (Father of All Foods)

ความพิเศษของหญ้าอัลฟัลฟา ด้วยการมีรากที่หยั่งลึกลงไปใต้ดินได้ลึกมากจนไม่มีรากของพืชชนิดใดสามารถ หยั่งลงลึกเท่านี้ได้ อัลฟัลฟา จึงสามารถดูดซึมเอาแร่ธาตุนานาชนิดใต้ชั้นดินลึก ๆ นี้ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

Alfalfa บิดาของอาหารทุกชนิด

“อัลฟัลฟา” ประกอบด้วย ไวตามินที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด ใน “ อัลฟัลฟา ” 100 กรัม มีไวตามิน เอ 8,000 ยูนิต และยังมีไวตามินเค ตามธรรมชาติ เป็นปริมาณสูงอีกด้วย ซึ่งช่วยในการแข็งตัวของเลือด “อัลฟัลฟา” มีไวตามิน เค สูงถึง 20,000 – 40,000 ยูนิต ในอัลฟัลฟา 100 กรัม “ อัลฟัลฟา ” ยังอุดมไปด้วยไวตามินดี แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ปอแตสเซียม คลอรีน ซิลิคอน แมกนีเซียม ไวตามินบี คอมแพลกซ์ อิโนซินอล, โฟลิคแอซิคและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยอีกหลายชนิด

ใน อัลฟัลฟา มีคลอโรฟิลล์สูง และมีคุณสมบัติจัดเป็นพืชที่ให้ เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอ็นไซม์ถึง 8 ชนิด ดร. แฟรงค์ โบเออร์ นักชีววิทยา ผู้เขียนตำราเกี่ยวกับโภชนาการที่มีชื่อของสหรัฐถึงกับให้ฉายาของ “ หญ้า อัลฟัลฟา ” นี้ว่า “ยารักษาโรคที่มหัศจรรย์”

Alfalfa กับการใช้เพื่อสุขภาพ

Alfalfa ทำความสะอาดผิวจากภายใน


คลอโรฟิลล์ ปริมาณสูง, ไวตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลฟัลฟาด้วยปริมาณที่เหมาะสม จะทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน (Blood and Bowel cleanser) ลดการตกค้างของเสียตามผิดหนัง ใน อัลฟัลฟา ยังมีสาร ไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทานอัลฟัลฟาปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะแลดูสะอาดขึ้น

Alfalfa กับ โรคกระเพาะอาหาร

เมื่อหมอจำนวนมากที่ใช้อัลฟัลฟา รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่าง ๆ เช่นมีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการแน่นจุกเสียดเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) และ โรคเบื่ออาหาร โดยพบว่า อัลฟัลฟา มีไวตามิน ยู ซึ่ง ดร. กาเนทท์ ประจำมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวว่า ไวตามิน ยู นี้มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ (Peptic ulcer) ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ

ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ แก้ไขได้ด้วยอัลฟัลฟา

สารอาหารในอัลฟัลฟา จะช่วยปรับสมดุลย์ กรด-ด่าง ในร่างกาย ป้องกันการสะสมของ กรดยูริค และกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่าง ๆ ในหนังสือของ แคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ “Feel Like a Million” ได้กล่าวว่า “ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟา เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาตอยส์ ใช้ อัลฟัลฟา เพื่อรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าเขาสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้น และความเจ็บปวดก็หายไป


นอกจากนี้ อัลฟัลฟา ยังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตรช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม อัลฟัลฟา ยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่าย ปัสสาวะให้เป็นปกติ

ฉะนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักโภชนาการจึงได้ให้สมญานาม “ อัลฟัลฟา ” ว่าเป็น “หญ้ามหัศจรรย์” ที่ใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ อย่างได้ผล


อัลฟัลฟา (Alfalfa) กับประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์หลักของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนสตรีวัย ใกล้หมดประจำเดือน ควรรับประทาน อัลฟัลฟา (Alfalfa) เป็นประจำ

อัลฟัลฟา ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) สตรีในวัยใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและภาวะกระดูก เสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนในอัลฟัลฟา จะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง ไวตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในอัลฟัลฟาซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้ ไวตามินและแร่ธาตุในอัลฟัลฟา จะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปกติในช่วงนี้ เช่น ร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย

ภาวะคลอเรสเตอรอลสูง
คลอโรฟิลล์ ปริมาณสูง, ไวตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลฟัลฟาด้วยปริมาณที่เหมาะสม จะทำหน้าที่ขจัดของเสียสารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน (Blood and Bowel cleanser) อย่างไรก็ตาม กรดอะมิโน ที่จำเป็นที่อยู่ในใบของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะช่วยให้การทำงานของระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี อีกทั้งยังเป็นยาระบายและยาขับปัสสาวะทางธรรมชาติที่ดี มักใช้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เพื่อการบำบัดอาการติดเชื้อทางปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ และอาการเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก และยังช่วยขจัดพิษในร่างกายโดยเฉพาะในตับได้อีกด้วย

วิตามิน K ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะช่วยป้องกันอาการคลื่นเหียน อยากอาเจียนได้

อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีสาร Fluoride และแคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในกระดูก และป้องกันฟันผุ

ส่วนสาร Betacareotene ยังเป็นประโยชน์ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคผิวหนังและเยื่อบุผิวให้มีสุขภาพที่ดี

อัลฟัลฟา (Alfalfa) อุดมไปด้วย แคลเซียม วิตามิน C, B12 และ Bioflavinoid ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติเป็น อย่างมาก

สาร Saponin ที่พบใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีลักษณะเดียวกันที่พบในราก โสม ซึ่งอาจช่วยหรือส่งเสริมให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อหัวใจทำงาน ได้อย่างเหมาะสม

สาร Chlorophyll จะช่วยในการดับกลิ่นปากและกลิ่นตัว ต่อต้านความเป็นกรดเปรี้ยวของร่างกายและช่วยดูแลแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยใน การย่อยภายในลำไส้อีกด้วย

ไฟเบอร์ตามธรรมชาติที่มีอยู่มากใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะช่วยฟื้นฟูภาวะลำไส้อ่อนแอ นอกจากนี้ ไฟเบอร์ ยังช่วยในการลำเลียงของเสียที่อยู่ภายในลำไส้ออกจากระบบได้เป็นอย่างดี ทำให้หลอดลำไส้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีส่วนช่วยฟื้นฟู บรรเทาคนไข้ที่อยู่ในภาวะติดสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ได้

อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีสาร Carotene ที่ช่วยสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ภายในร่างกายใหม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลายไป

อัลฟัลฟา (Alfalfa) ทำความสะอาดผิวจากภายใน

อัลฟัลฟา ยังช่วยลดการตกค้างของเสียตามผิวหนัง เนื่องจากในอัลฟัลฟายังมีสาร ไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทานอัลฟัลฟาปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะแลดูสะอาดขึ้น

อัลฟัลฟา (Alfalfa) กับ โรคกระเพาะอาหาร
เมื่อหมอจำนวนมากที่ใช้อัลฟัลฟา รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่าง ๆ เช่นมีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการแน่น จุกเสียเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่าอัลฟัลฟา มีไวตามิน ยู ซึ่ง ดร.กาเนทท์ ประจำมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวว่า ไวตามิน ยู นี้มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ (Peptic ulcer) ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ

อัลฟัลฟา มีเอ็นไซม์ เบต้าอีน (Betaine Enzyme) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งการมีเบต้า-แคโรทีนเป็นปริมาณสูง ของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะทำให้ ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่า อัลฟัลฟาสามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องเพราะมีแก๊สมา รักษาแผลในกระเพาะ-ลำไส้ ได้เป็นอย่างดี การรักษาโรคของหญ้าอัลฟัลฟานี้ อาจจะเป็นลักษณะเดียวกันกับวิธีธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่สุนัขและแมว จะกินหญ้าเพื่อรักษาโรคกระเพาะของมันได้

ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาดอยด์ แก้ไขได้ด้วยอัลฟัลฟา
สารอาหารในอัลฟัลฟา จะช่วยปรับสมดุล กรด-ด่าง ในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริคและกรดอื่น ๆ ตามข้อต่าง ๆ ในหนังสือของ แคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ “Feel Like a Million” ได้กล่าวว่า ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟา เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาดอยด์ ใช้อัลฟัลฟา เพื่อรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าเขาสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้น และความเจ็บปวดก็หายไป

คุณสมบัติของสารอาหารในอัลฟัลฟ่า มีดังนี้
1. แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
2. ขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น
3. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
4. ช่วยลดแผลอักเสบ ยั้บยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
5. ช่วยอาการชา บวม และเส้นเลือดขอดบรรเทาลง
6. ขับกรดจากข้อต่าง ๆ ทำให้อาการปวดข้อทุเลาลง
7. ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
8. ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
9. ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น
10. เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
11. มีสารอาหารที่บำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกกลับดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
12. ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นดีขึ้น
13. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
14. ช่วยปรับสภาพของผู้หญิงวัยทอง

ขอบคุณที่มาwww.free-webboard.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ