สำนวนไทยดั้งเดิมยังคงใช้ได้ดีมาถึงทุกวันนี้ แต่ในความเป็นจริง ในหลายสถานที่ ยามน้ำลดตอกลับไม่ผุดหากแต่มี”รูโผล่”แทน ดังเช่นที่ “บ้านผาชัน” อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ริมน้ำโขง ที่มีปรากฏการณ์"น้ำลดรูโผล่"ให้ เห็นในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเราโชคดีมีโอกาสพบเจอโดยบังเอิญเมื่อครั้งมาเที่ยวผาแต้ม(เมื่อปลายปี 52)แล้วเกิดติดลม เที่ยวเลยเถิดมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ครั้งนั้นเป็นการรู้จักบ้านผาชันแบบสิวๆผิวๆเท่านั้น ผิดกับครั้งนี้ที่“ตะลอนเที่ยว”มีโอกาสได้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของบ้านผาชัน มากขึ้น(เกินกว่าครึ่ง) ชนิดที่พูดได้ไม่อายเลยว่าบ้านผาชันมี“ดี”และมี“ดีกรี”แห่งความสุขในระดับสูงรอคอยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสเรียนรู้กัน | ||||
แม้ชุมชนจะตั้งอยู่ริมน้ำโขง แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่ไม่สามารถดูดซับกักเก็บน้ำไว้ได้ ทำให้ในช่วงปีพ.ศ. 2535-2547 บ้านผาชันประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำจนเข้าขั้นวิกฤต ชนิดที่ในช่วงเดือน พ.ย.-เม.ย. เด็กๆต้องขาดเรียนในช่วงเช้าเพื่อมาช่วยครอบครัวตักน้ำจากลำโขงไปเก็บไว้ใช้ สอย ปัญหานี้ทำให้ชาวบ้านพยายามเสาะหาลู่ทางในการนำน้ำมาใช้สอย ทั้งการขุดน้ำบาดาล(แต่ไม่พบน้ำใต้ดิน) สูบน้ำจากแม่น้ำโขง(แต่ด้วยความที่มีพื้นที่ริมโขงลาดชันมาก การสูบน้ำต้องใช้กำลังแรงสูง ทำให้เครื่องสูบน้ำพังเสียบ่อย ไม่คุ้มกับค่าไฟที่จ่ายไป) จนสุดท้ายหมดหนทางก็ต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมากิน มาใช้ | ||||
หลังประสบความสำเร็จในเรื่องน้ำ ชาวบ้านลืมตาอ้าปากยิ้มได้ พวกเขาเริ่มหันมามองศักยภาพด้านอื่นๆของหมู่บ้าน ก่อนจะเดินหน้าต่อด้วยการจัดตั้งกลุ่มบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ขึ้นในปี 2548 และดำเนินการเรื่อยมา ซึ่งแม้จะไม่ได้เนี๊ยบนิ้งเหมือนพวกเอกชนมืออาชีพ แต่ว่าที่นี่ก็มีความเรียบง่ายในวิถีหมู่บ้าน ความเป็นกันเอง ความจริงใจของชาวบ้านเป็นสิ่งเติมเต็ม จนเป็นที่มาของการออกตะลอนเที่ยวของเราในทริปนี้ | ||||
การเที่ยวบ้านผาชันที่เหมาะสมนั้น “ตะลอนเที่ยว” เห็นว่าควรมาพักค้างแบบโฮมสเตย์สัก 1คืน(และ 1 วันกว่าๆ) โดยหลังจากหลับนอนแบบสบายๆสไตล์โฮมเสตย์ในค่ำคืนแรกและคืนสุดท้ายแล้ว เราก็ตื่นแต่เช้าตรู่มุ่งหน้าสู่ท่ากกกระดาน จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่งโขง ที่นอกจากจะเป็นท่าขึ้น-ลง เรือของชาวบ้านแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดรับตะวันเบิกฟ้าชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว มีลักษณะเป็นหน้าผาเตี้ยๆมีร่องน้ำโขงกั้นพรมแดนไทย-ลาวไหลพาดผ่านเลื้อยยาว ไปตามส่วนโค้งของแผ่นผา เกิดเป็นมุมเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น | ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
3... พูดถึงความมหัศจรรย์ธรรมชาติแล้ว บ้านผาชันค่อนข้างโชคดี เพราะนอกจากจะมีสามหมื่นรูแล้วที่นี่ยังมี “เสาเฉลียงใหญ่” เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ และเป็นจุดหมายในการเที่ยวลำดับต่อไปหลังจากการล่องเรือเสร็จสิ้น กินข้าวกินปลาเป็นที่เรียบร้อย | ||||
| ||||
โลงหลังนี้วางทอดยาวใต้เพิงผา ทำจากไม้พยอมท่อนเดียว มีความยาวกว่า 8 ศอก ใช้บรรจุศพคนโบราณ(คน 8 ศอก)เพื่อนำศพไปเผาก่อนนำโลงกลับมาใช้งานต่อ ด้านหัวโลงทำเป็นแผ่นโค้งคล้ายเขาควายเพื่อใช้ในการจับยก ทำให้ชาวบ้านบางคนเรียกว่า “โลงเขาควาย” ด้านหน้าโลงมีบาตร ธูป เทียน มาลัย และเครื่องเซ่นสรวงที่ผู้ศรัทธามาบูชาไว้ | ||||
เออ จริงของแกแฮะ ที่โลงมีร่องรอยแป้งขาวพร้อมการขัดจากผู้มาเยือนอยู่หลายจุด(ชาวบ้านที่นี่ จะไม่ยุ่งกับโลงเพราะเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆที่ถ้าไม่สังเกตคงไม่รู้ แต่มันจำเป็นที่กลุ่มท่องเที่ยวบ้านผาชันจะต้องระดมสมองวางแผนรองรับกับการ เปลี่ยนแปลงใหญ่ๆแรงๆเร็วๆที่จะมาพร้อมกับการท่องเที่ยวเพราะบ้านผาชันใน วันนี้ได้เปลี่ยนแปลงผ่านจากยุคบริหารจัดการน้ำเข้าสู่ยุคบริหารจัดการการ ท่องเที่ยวแล้ว ถ้ามีการบริหารจัดการดี ชุมชนก็มั่นคง ยั่งยืน แถมยังมีรายได้เสริมเพิ่มเข้ามาอีก แต่ถ้าบริหารไม่ดี อนาคตข้างหน้าของบ้านผาชันจะเป็นอย่างไร? เราไม่อยากคาดเดาเลยจริงๆ | ||||
หมู่ บ้านท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ บ้านผาชัน ตั้งอยู่ที่ ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี นอกจากสิ่งน่าสนใจในเนื้อเรื่องแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งชวนชม อาทิ ศิลาปะการัง หินหัวพญานาค สวนหิน ถ้ำนางเข็ญฝ้าย ป่าชุมชน ซึ่งทางหมู่บ้านได้มีการจัดแพ็กเกจการท่องเที่ยวเป็น 3 รูปแบบด้วยกันคือ แบบมาเช้าเย็นกลับ(มีให้เลือกทั้งทางบกและทางน้ำ) แบบโฮมสเตย์ 1 คืน แบบศึกษาดูงาน โดยผู้สนใจสามารถข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-9720-8900,08-6261-4910 และสามารถสอบถามแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในอุบลฯเชื่อมโยงกับบ้านผาชันได้ที่ ททท.อุบลฯ 0-4524- 3770 , 0-4525-0714 ส่วน"แอร์แว" เป็นนวัตกรรมสำคัญภูมิปัญญาชาวบ้านผาชัน โดยนายชรินทร์ อินทร์ทอง ผู้นำชุมชนบ้านผาชันได้คิดค้นระบบนี้ขึ้น ด้วยการการทดลองนำแนวคิดจากการสังเกตการทำงานของกระบอกสูบลมของเครื่องตี เหล็กมาผสมกับการพับของสายยาง นำแรงลมมาช่วยสูบน้ำ จึงมีการผลิตท่อส่งแรงดันน้ำขึ้น โดยชุมชนได้ทดลองระยะห่างของท่อลม จนได้ระดับพอดีที่จะสูบน้ำได้แรงสูงสุด และเรียกชื่อว่า "แอร์แว" ที่มาจากคำว่า "แอร์" (Air) คือ อากาศ และ "แว" คือ แวะ ซึ่งหมายถึง "อากาศมาแวะ" ในท่อแล้วทำให้เกิดแรงดันน้ำ |
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000004936
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ