วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จินตนาการบำบัด Imaginary Healing

จินตนาการบำบัด Imaginary Healing





จินตนาการบำบัด

เคยคิดเล่นๆ ดูไหม ว่าทำไมเราถึงฝัน ทำไมเราถึงจินตนาการ และสิ่งที่ดูไม่มีวันเป็นจริงเหล่านี้ เป็นเรื่องไร้สาระชวนเสียเวลา หรือช่วยให้เราสบายใจขึ้นกันแน่

ในมุมมองของการบำบัดทางอารมณ์แล้ว การได้ใช้พลังการสร้างสรรค์ทางความคิด ไม่นับเป็นเรื่องเสียเวลาหรือไร้สาระแต่อย่างใด เพราะจินตนาการสุดลึกล้ำของคนเรา ถูกสร้างมาอย่างมีเหตุผล หนึ่งในนั้นคือการดูแลและรักษาสมดุลตัวเราเอง และยังนำมาบำบัดอารมณ์เราได้ด้วย

หากความฝันของเราถูกสร้างขึ้นเพื่อระบายความเครียด การจินตนาการก็ด้วยเหมือนกัน ที่สามารถช่วยดูแลใจไปจนถึงบำบัดอาการทางกายได้ด้วย กองการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขของบ้านเรา ยังมีข้อมูลออกมาเผยแพร่ด้วยว่า ความคิดจินตนาการของเรานี่ล่ะ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในตัวเรา อย่างเช่นถ้าเรานึกถึงมะม่วงเปรี้ยวๆ เราก็สามารถน้ำลายสอได้เลย

งานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า ความคิด จินตนาการ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ไม่ว่าอุณหภูมิร่างกาย การใช้ออกซิเจน ความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ ขนาดม่านตา การหลั่งน้ำลาย การหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแม้แต่คลื่นสมอง และฮอร์โมนต่างๆ ดังนั้นแล้วหากเราต้องการร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ก็สามารถฝึกคิดบวก และจินตนาการเชิงสร้างสรรค์เพื่อดูแลตัวเองได้ เพราะมีการนำจินตนาการบำบัด ไปใช้กับคนไข้โรคทั่วๆ ไป อย่างปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้ นอนไม่หลับ ฯลฯ ได้อย่างได้ผลดีมาแล้ว

อัศจรรย์ จินตนาการบำบัด

คุณทราบไหมว่า ความคิดและจินตนาการของเราสามารถนำพาชีวิตไปในทางที่ดีหรือร้ายก็ได้

เอมิล กูเอ (Emile Coue) เภสัชกรชาวฝรั่งเศสพบว่าเราคิดอย่างไร ชีวิตของเราก็จะเป็นเช่นนั้น ถ้าเราคิดในทางที่ดีเราจะมีความสุข ถ้าเราคิดเรื่องไม่ดี เรื่องเศร้า เราก็จะมีความทุกข์สุขภาพเราก็จะไม่ดี
นักวิทยาศาสตร์สุขภาพพบว่า การคิดและสร้างจินตนาการให้เกิดความผ่อนคลาย เพื่อให้จิตเป็นสมาธินั้น ทำให้เกิดพลังอันน่าอัศจรรย์ และสามารถนำมาใช้ในการบำบัดความเจ็บป่วยทางกายและจิตได้
งานวิจัยทางการแพทย์พบว่า การคิดและสร้างจินตนาการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในร่างกายของคน เรา ทั้งเรื่องอุณหภูมิ การใช้ออกซิเจนในเนื้อเยื่อต่างๆ การไหลเวียนของโลหิต ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ ปฎิกิริยาของม่านตา การหลั่งน้ำลายและกรดในกระเพาะอาหาร รวมถึงมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด คลื่นสมอง สารเคมี และฮอร์โมนต่างๆ ด้วย
ดังนั้นแพทย์และนักบำบัดทางกายและจิตจึงได้นำ การ สร้างจินตนาการบำบัด (Imagery Healing) มาใช้ในการบำบัดโรคต่างๆ ดังนี้

1. โรคเครียด ปวดศรีษะ ให้จินตนาการถึงปมเชือกที่ค่อยๆ คลายตัวออก ก้อนขี้ผึ้งที่กำลังหลอมละลาย หรือกลุ่มหมอกควันแห่งความเครียดหนาทึบรอบตัวที่ค่อยๆ คลายตัวออกแล้วไหลลงพื้น

2. กระดูกหักหรือได้ รับบาดเจ็บ หากต้องการให้แผลหายเชื่อมหรือกระดูกติดเร็วขึ้น ให้จินตนาการว่า ตัวเรากำลังโบกปูนเชื่อมกำแพงที่แตก แล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดร้อยร้าวที่ผนังให้ติดกัน หรือใช้กาวชนิดติดทนทานต่อกระดูกที่หักของเราให้ติดกันอย่างแข็งแรง

3. โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ให้จินตนาการว่า เรากำลังใช้รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กแล่นผ่านเข้าไปในเส้นเลือดหัวใจ แล้วค่อยๆ ถากเอาก้อนไขมันและแคลเซียมที่เกาะผนังหลอดเลือดออกที่ละน้อยๆ จนหมด

4. โรคหืด โรคปอด ให้จินตนาการว่า มีสายยางรัดอยู่รอบๆ หลอดลมของเรา ทำให้หายใจไม่ออก แล้วเราค่อยๆ ดึงสายนั้นออกจนหายใจได้สะดวกขึ้น หรือจินตนาการว่า เรากำลังใช้เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กเข้าไปดูดเสมหะที่ติดอยูในหลอดลมของเรา ออกจนเกลี้ยง

5. โรคเบาหวาน ให้จินตนาการว่า เราถือกุญแจอินซูลินเข้าไปเปิดประตูที่ผนังเซลล์ เมื่อประตูเปิดออก น้ำตาลกลูโคสก็วิ่งเข้าไปในเซลล์ เพื่อให้เซลล์นำไปใช้งาน

6. โรคมะเร็ง ให้จินตนาการว่า มีปลาฉลามตัวเล็กๆ ว่ายอยู่ในกระแสเลือดของเรา และเมื่อพบเซลล์มะเร็ง ปลาฉลามก็ค่อยๆ กัดกินเซลล์มะเร็งไปเรื่อยๆ จนหมด

7. อาการปวด ให้จินตนาการว่า อาการปวดกำลังถูกต้อนเข้าไปในกล่องโลหะที่ปิดฝาแน่นจนไม่สามารถออกมาได้ หรือเรากำลังกดรีโมทลดความเจ็บปวดให้แก่ตัวเอง หรือนึกถึงภาพสายน้ำตกเย็นยะเยือกกำลังไหลลงมาบริเวณที่เราเจ็บ ทำให้รู้สึกเย็นมากจนชาและหายเจ็บ

8. ต้องการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ถ้าเป็นคนขี้อาย ให้จินตนาการว่า กำลังพูดให้คนจำนวนมากฟัง หรือกำลังแสดงคอนเสริ์ตต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก

เรา สามารถฝึกหัดสร้างจินตนาการเพื่อให้สุขภาพดี จิตใจผ่อนคลาย และรักษาโรคที่เป็นอยู่ได้ไม่ยาก ด้วยการฝึกทุกวันๆ ละ 15 -30 นาที โดยจะฝึกในท่านั่งหรือนอนก็ได้ แต่ควรอยู่ในสถานที่อากาศเย็นสบายและเงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวน หรือมีเพียงดนตรีประกอบเบาๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า "คิดอย่างไร ใจเราก็จะเป็นเช่นนั้น" คิดถึงความสุข ความสุขก็จะมาอยู่ใกล้ๆ ตัว แต่ถ้าคิดวนเวียนแต่เรื่องที่ทำให้จิตใจขุ่นมัว ความสุขก็จะถอยห่างไปไกลลิบลับ..จ้า

ที่มา : นิตยสาร Secret (ฉบับที่ 13 มกราคม 2552)

จากการทดลองกับเด็กจำนวน 34 คน อายุระหว่าง 6-15 ปี ที่มักจะปวดท้องโดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยทั้งหมดได้รับยาเช่นเดียวกัน แต่ 19 รายได้รับการบำบัดด้วยวิธีการจินตนาการเป็นเวลา 8 สัปดาห์

เสียงเพื่อช่วยในการจินตนาการแบ่งเป็น 4 ครั้ง ในสองสัปดาห์ 20 นาทีต่อครั้ง และ 10 นาทีต่อครั้งทุกวัน การบำบัดจะแนะนำให้เด็กจินตาการเพื่อลดความเจ็บปวด อาทิ ในหนึ่งครั้ง จะกระตุ้นเด็กจิตนาการถึงลูกแก้วเรืองแสงที่ค่อยๆ ละลายบนมือ แล้วพวกเข้าก็วางมือนั้นลงมาบนท้อง ความอบอุ่นและแสงสว่างจะค่อยๆซึมเข้าสู่ท้องเพื่อสร้างเกราะป้องกัน ซึ่งจะทำหน้าต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาสู่ท้อง

เด็กที่เข้ารับการบำบัดด้วยวิธีนี้มากที่สุด สามครั้ง สามารถที่จะลดการปวดท้องได้มากกว่าเด็กที่รักแต่เพียงยาอย่างเดียว ประโยชน์ของการบำบัดด้วยจินตนาการนี้ สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6เดือนหลังการบำบัด __________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ