สมุดพยากรณ์ ที่เพิ่งพบของนอสตราดามุส
สมุดภาพที่พึ่งค้นพบ
ปี ค.ศ.1994 นักเขียนชาวอิตาเลียน นามว่า เอนซา มาสซ่า (Enza Massa) ได้เข้าไปร่วมงานเทศกาลหนังสือโบราณที่จัดโดยหอสมุด แห่งชาติของอิตาลี เธอบังเอิญเจอะเจอเอกสารเก่าแก่เล่มหนึ่งซึ่งเขียนไว้ตั้งแต่ ค.ศ.1629 ในชื่อ "Nostradamus Vatinicia Code" มีนามของผู้เขียนคือ "มิเชลแห่งนอเตรอะดาม" (Michel de Notredame) ปรากฏอยู่ในเล่ม
เอกสาร นี้นอสตราดามุสไม่เคยพิมพ์เผยแพร่ ภายในเป็นภาพสีนํ้า จำนวน 80 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพสามารถตีความออกมาได้เป็นคำทำนายถึงอนาคตของโลก ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นคำทำนายของนอสตรา-ดามุสจริง ก็นับเป็นเอกสารอันประเมินค่ามิได้
แต่ก่อนอื่น เรามาทบทวนเรื่องราวของเขากันสักหน่อยดีไหมครับ
นอ สตราดามุสเป็นทั้งหมอและโหราจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ในฝรั่งเศส ช่วงศตวรรษที่ 16 เขาเกิดในปี 1503 มีเชื้อสายยิว เติบโตในมณฑลโปรวองซ์ ต่อมาได้เข้าเรียนแพทย์ จากนั้นก็แต่งงาน ทว่าภรรยาคนแรกของเขากับลูกๆได้เสียชีวิตจากกาฬโรคระบาด นอสตราดามุสจึงออกตระเวนไปทั่วเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ จากนั้นก็แต่งงานใหม่ และสร้างหลักฐานอยู่ที่เมืองซาลอง แม้เขาจะศึกษาและผูกพันกับโหราศาสตร์เป็นเวลานาน แต่ด้วยความเป็นคนถ่อมตน จึงไม่ค่อยประกาศคำพยากรณ์ใดๆ จนกระทั่งอายุ 45 จึงได้เขียนคำทำนายเหตุการณ์ ประจำปี ค.ศ.1550 ขึ้น
ภาพโป๊ปสังหารหมี.
ผู้คน พากันชื่นชอบในการทำนายของเขา และได้มีการแปลเป็นภาษาต่างๆในประเทศเกือบทั่วยุโรป แม้กระทั่งกษัตริย์และราชินีก็ยังให้ความสนใจต่อคำทำนายของเขา
อย่างไร ก็ตาม การพยากรณ์ของนอสตราดามุส บางครั้งก็กระทบกระเทือนถึงผู้นำทางศาสนา หรือองค์ สันตะปาปา โดยเฉพาะรูปภาพ 80 รูป ในสมุดสำคัญเล่มนี้ ซึ่งมีหลายภาพที่เกี่ยวโยงถึงโป๊ปในด้านที่ทำลายภาพพจน์ ดังนั้น ศาสนจักรจึงไม่พอใจ และเป็นสาเหตุให้สมุดเล่มนี้ไม่อาจตีพิมพ์ออกมาได้
หนังสือ พยากรณ์ (almanac) ประจำปีของนอสตราดามุส มีทั้งคำทำนายให้กับรัฐบาล ตลอดจนคิงและควีนแห่งฝรั่งเศส รวมทั้งโป๊ป ทั้งนี้พระราชินีแคเธอรีน เดอ เมดิชิ (Catherin de Medici) ผู้ให้ความปกป้องพิทักษ์แก่นอสตราดามุสได้ทรงอ่านคำทำนายในปีถัดไป และทรงพบว่า "ร้ายกาจเกินกว่าที่จะเอ่ยถึง" เพราะเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับภัสดาของพระองค์
คือ
กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2
ภาพโป๊ปสตรี.
"พระ ราชาสมควรจะต้องระมัดระวังพระองค์ อันเนื่องมาจากการกระทำของบุคคลรอบข้าง ในสิ่งที่ข้าไม่อาจเขียนเป็นตัวอักษรได้ ทั้งนี้ดวงดาวบนท้องฟ้าได้บ่งบอกไว้เช่นนั้น"
พระราชินีแคเธอรีนนั้น ทรงเชื่อมั่นในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสอย่างยิ่ง ทรงให้เขาทำนายอนาคตของโอรสธิดา ซึ่งนอสตราดามุสได้ถวายคำพยากรณ์ว่า จะมีถึง 4 องค์ ที่จะได้เป็นกษัตริย์!?
และแล้วในปี ค.ศ.1559 ได้มีการประลองฝีมือครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสระหว่างธิดาของ เฮนรี่ที่ 2 กับกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ในการนี้เฮนรี่ที่ 2 ได้ทรงเข้าร่วมในการประลองด้วย และทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคมหอกของมอนต์โกเมอรีย์ หัวหน้าองครักษ์ชาวสกอต ต่อมาอีกสิบวันก็สิ้นพระชนม์ ทำให้การพยากรณ์ของนอสตราดามุสโด่งดังไปทั่วยุโรป
นอสตราดามุสถึงแก่กรรมลงด้วยวัย 63 ปี ใน ค.ศ.1586
นอสตราดามุส.
นอกจาก การพยากรณ์เกี่ยวกับฝรั่งเศสแล้ว นอสตราดามุสยังทำนายเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆของโลกไว้มากมาย นับตั้งแต่มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนในปี 1666 การครองราชย์ของนโปเลียน การขึ้นสู่ อำนาจของฮิตเลอร์ การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฯลฯ
กลับมาถึงเรื่องเอกสารหรือสมุดรูปภาพที่สูญหายไป 400 ปีกันใหม่
นอ สตราดามุสได้ เขียนคำพยากรณ์อันเป็นมรดกลับเฉพาะนี้ หลัง จากสูญเสียครอบครัวจากโรคระบาด และต่อมาเมื่อแต่งงานใหม่ เขาได้มอบคำพยากรณ์สำคัญชิ้นนี้ "Les Prophecies" แก่ เซซาร์ (Cesar) บุตรชายคนโตเมื่ออายุเพียงหนึ่งขวบ เพื่อว่า"...ในวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าจะได้อธิบายคำพยากรณ์นี้แก่ชาวโลก..."
เมื่อเซซาร์เติบโตขึ้น ก็ได้เป็นนักเขียน และจิตรกรฝีมือดี ซึ่งเชื่อกันว่ารูปภาพในสมุดพยากรณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือการเขียนของเขาในสมัย เด็ก เนื่องจากทุกรูปเขียนขึ้นง่ายๆ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่ามิใช่ฝีมือระดับจิตรกรมืออาชีพ
พระราชินีแคเธอรีน เดอ เมดิชิ.
ปี 1629 เซซาร์ได้มอบสมุดพยากรณ์นี้แก่พระคาร์ดินัล บาร์เบอรินี (Barberini) ซึ่งต่อมาได้เป็นสันตะปาปาเออร์บานที่ 8 (Pope Urban VIII) โดยคาร์ดินัลเป็นผู้ขอสมุดนี้ เนื่องจากทำนายเกี่ยวพันกับโป๊ป และนำมาเก็บไว้ในห้องสมุดวาติกันโดยไม่มีใครได้เห็นอีกเลย
ปี ค.ศ.1888 มีชายผู้หนึ่งนามว่า ปิโวลิ (Pivoli) นำสมุดนี้มาขายให้กับหอสมุดแห่งชาติที่กรุงโรม เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้ข้อมูลเรื่องนี้
กระทั่งเอนซา มาสซ่า ได้พบสมุดนี้ดังกล่าวแล้ว ภาพพยากรณ์จึงได้นำมาเปิดเผยให้ได้รู้ทั่วกัน ซึ่งใน 80 ภาพสีนํ้าเหล่านี้ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมีอาทิ
"อัคคีภัย หอคอย" (The Burning Tower) เพลิงที่ปรากฏขึ้นในภาพนั้นพลุ่งโพลงขึ้นไปราวกับถูกระเบิด เห็นแล้วทุกคนต่างนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 11 กันยายน 2001 เมื่ออาคารแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ถูกผู้ก่อการร้ายพุ่งเครื่องบินเข้าถล่มจนพินาศ โดยนอสตราดามุสได้เขียนคำพยากรณ์ไว้ว่า "มหาอัคคีจากศูนย์กลางของโลกได้สั่นสะเทือนแผ่นดิน ในบริเวณอันอยู่ในนครแห่งใหม่ (New City)"
ภาพวงล้อแห่งเวลา.
ซึ่งในครั้งสมัยนอสตราดามุสนั้นยังไม่มี "นิวยอร์ก" ดังนั้น คำว่า "นครใหม่" ในทำนายนี้จึงหมายถึงนครอื่นใดไปไม่ได้
ภาพ "วงล้อแห่งเวลา" (The Wheel of Time) บ่งบอกถึงเหตุการณ์หมุนเวียนของโลก เป็นประวัติ-ศาสตร์ที่นำมาสู่รูปแบบของโลกปัจจุบัน เช่น การเผชิญหน้าของลัทธิประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ อันทำให้เกิด "สงครามเย็น" ในศตวรรษที่ 20
ภาพ "ผู้หญิงหันหลังให้องค์สันตะปาปา" ภาพนี้ผู้สันทัดกรณีอธิบายว่า โป๊ปนั้นได้แก่ สันตะปาปาเบเนดิกท์ที่ 16 ซึ่งเป็นสังฆราชในขณะนั้น และการหันหลังให้ก็คือ ผู้คนได้เลิกศรัทธาในคริสต์ศาสนาอีกต่อไป
อีกภาพหนึ่งจากสมุดพยากรณ์.
ภาพ "โป๊ปสังหารหมี" เป็นภาพขององค์สันตะปาปาขี่มังกร และจ่อดาบที่คอหมี หมีนั้นเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซีย ซึ่งเป็นชาติคอมมิวนิสต์ และช่วงปี ค.ศ.1917 ถึง 1991 สันตะปาปาทุกองค์ก็หวั่นเกรงลัทธินี้อย่างยิ่ง จนสหภาพโซเวียตล่มสลายในสมัยสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2
ภาพ "โป๊ปสตรี" แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงประมุขสูงสุดของคริสต์ศาสนา จากบุรุษเป็นสตรี มีความหมายส่อเค้าว่า อนาคต...สตรีจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
ภาพอัคคีภัยหอคอย.
นอกจาก นี้ ยังมีภาพการทำนายถึง "Antichrists" หรือ "ซาตาน" ซึ่งที่ผ่านมา นอสตราดามุสได้พยา-กรณ์ว่า ซาตานแรกคือ "นโปเลียน" ซาตานที่สองคือ "ฮิตเลอร์" และซาตานที่สาม ได้แก่ ผู้ ก่อการร้ายมุสลิม อาทิ ภาพ "สันตะปาปากับอสรพิษ" ภาพ "กริฟฟิธกับพระอาทิตย์" ซึ่งทั้งงูร้ายหรือกริฟฟิธ ล้วนแสดงถึงการมาของ "ซาตานที่ 3" ซึ่งจะก่อกวนทำลายล้างโลกจนพินาศในอนาคต
ถ้าท่านผู้อ่านสนใจในราย ละเอียดการทำนายต่างๆในสมุดพยากรณ์เล่มนี้ก็ติดตามชมได้ในโทรทัศน์ทรูวิชั่น ช่อง History (44) เรื่อง "THE LOST BOOK OF NOSTRA-DAMUS" เดือนตุลาคมนี้ ตามวันเวลาที่มีกำหนดไว้ในวารสารประจำเดือน Premiere ครับผม.
ทีมงาน ต่วย''ตูน
ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ชื่อของ ''นอสตราดามุส'' โหรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอายุเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ เหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างเช่นการไฮแจ็คเครื่องบินพาณิชย์ที่บรรทุกผู้โดยสารร้อยกว่าชีวิตก่อนจะ พุ่งเข้าชน อาคารธุรกิจชื่อดังของโลกอย่าง เวิล์ด เทรดเซนเตอร์ ในกรุงนิวยอร์ก
เหตุการณ์หลังจากการชนนั้น ถูกนำไปผูกกับคำทำนายของเขาอย่างช่วยไม่ได้
นอสตราดามุสเขียนเอาไว้ที่ เซ็นจูรี่เล่ม 6 โคลงบทที่ 97 ว่า
“ ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45 เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา”
“ มาบัส (MABUS ) จะตายในไม่ช้า จะมีการฆ่าหมู่คนและสัตว์อย่างสยดสยอง ทันใดนั้นการแก้แค้นจะปรากฎขึ้นจากร้อยแผ่นดิน ความกระหาย อดอยาก จะเกิดชึ้นเมื่อดาวหางโคจรผ่านมา.....”
“ ศาสนาที่มีชื่อเหมือนทะเลจะมีชัย การต่อต้านนิกายของอะดาลูนกาทิฟผู้บุตรพวกหัวดื้อ พวกโศกเศร้าตำหนินิกายจะกลัวเกรง อาลิฟ กับ อาลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง....”
นั่นคือโคลงที่ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะตีความไปในทางเดียวกัน เพราะนอสตราดามุสเขียนแบบไม่ค่อยจะติดต่อเป็นเรื่องเป็นราวเท่าใดนัก ที่สำคัญเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเวลาอย่างแน่ชัด แต่กระนั้นหลายคนตีความว่ายามที่นอสตราดามุสมองเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าใส่ ตึกเวิล์ดเทรดไม่แตกต่างไปจากหอกแหลมจากฟากฟ้าจะบินมาพร้อมกับลูกไฟ
เพราะหัวของเครื่องบินที่มีปีกนั้น ดูเผินๆก็ไม่แตกต่างกับหอกขนาดยักษ์เท่าใดนัก
เช่นเดียวกับการชนก็เกิดการระเบิดทันทีจนเป็นลูกไฟไปทั่วฟ้า
ที่สำคัญเขาพูดถึงเมืองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามว่าเป็น ดินแดนที่ 45 ตรงกับเส้นรุ้งที่ 45 อันเป็นที่ตั้งของมหานครนิวยอร์กเหมือนกัน
แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่น่ากลัวเท่ากับการที่นอสตราดามุสกล่าวต่อว่า จะเกิดสงคราม ผู้คนจะล้มตายเมื่อมาบัสถูกฆ่าในเวลาไม่นานนับจากนี้ เพราะมีการตีความต่อว่า Mabus นั้น มาจากการย้อนชื่อต้นของ USaMA Binladen(อุสมา บิน ลาเดน) ซึ่งเป็นคนที่สหรัฐมองว่าเป็นตัวการในการก่อวินาศกรรมครั้งนี้
ยิ่งถ้ามองตามคำทำนายต่อ หลายคนเชื่อว่า การตายของบินลาเดน จะเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสันติภาพและจะเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่าทุก ครั้ง โดยการแก้แค้นของพวกร้อยแผ่นดิน (United State) ซึ่งก็คือ สหรัฐนั่นเอง
ส่วนอาวุธลับที่สหรัฐจะใช้จัดการกับขบวนการก่อการร้ายจนกระทั่งเกิดการ ตายอย่างมากมายนั้น นอสตราดามุสใช้คำว่า ดาวหางมาเยือน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดาวหางที่นอสตราดามุสเห็นจะเป็นระบบป้องกันภัยจากอวกาศที่สหรัฐภาคภูมิใจ นักหนา เช่นเดียวกับเรื่องของความอดอยาก เพราะเมื่อสหรัฐทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมาตรการแซงชั่น ป้องกันไม่ให้นำอาหารเข้าสู่ประเทศนั้นๆจะต้องเกิดขึ้นอย่างแนนอน
ก่อนหน้านี้มีคนพยายามตีความว่า นอสตราดามุส มั่ว ฝันเฟื่อง คำทำนายของเขาดูจะไม่เป็นจริง ส่วนใหญ่ที่คนเชื่อก็เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แลไปทึกทักตามที่นอสตราดามุสเขียนเอาไว้เอง
เชื่อว่า หลายคนก็ยังหวังว่า คำทำนายของโหรบรรลือโลกคนนี้จะผิดอีกครั้งหนึ่ง
เพราะ คงไม่มีใครอยากจะเจอกับสงครามโลกที่กินเวลายาวนานกว่า 50 ปีอย่างแน่นอน
เนื่องจากเขากล่าวเอาไว้ในอีกโคลงว่ายุคของสันติจะกลับมาอีกครั้งในปี 2055
ชอบครับ
ตอบลบเชื่อค่ะ ชอบด้วย ได้ดูสารคดีของนอสตราดามุส มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆ แล้วค่ะ และก็ติดตามข่าวหรือเหตุการณ์
ตอบลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาตลอด