"เชิญรับชมได้ค่ะ"
|
"น้ำพุ"
ภาพยนต์ไทยอมตะ
ทัศนคติผิดๆที่เห็นลูกเป็นตัว "ซวย!!!"
|
น้ำพุลูกรัก..
เป็นครั้งแรกที่แม่เขียนถึงน้ำพุได้อย่างยากลำบากใช่ว่าไม่มีเรื่องจะเขียน ถึง ทว่ามีมากเกินไปจนแม่ไม่รู้จะขึ้นต้นจากตรงไหนดี เมื่อน้าแพทและกบบอกแม่ว่า น้ำพุไปแล้วนั้นแม่ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงไปใด้อย่างไร น้ำพุยังเปิดประตูรับแม่อวดกางเกงใหม่ที่จะใส่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้เช้า แม่ติว่าเป้าสั้นไปนิดนึง แต่น้ำพุก็บอกว่ามันเรียบร้อยดีแล้ว แม่ก็ไม่อยากขัดใจน้ำพุหรอก ที่จริงก็ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งนั้น ที่แม่ไม่ค่อยอยากขัดใจน้ำพุ ราวกับจะรู้ว่า น้ำพุจะมีเวลาอยู่กับแม่น้อยนิดเดียว เพียง ๑๘ ปีกับ ๒ เดือน ๑๕ วัน
แม่พยายามจะเอาน้ำพุกลับคืนมาให้ใด้ในเช้ามืดของวันนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ หมอพัลลภและเพื่อนของหมอที่รพ.เปาโลเขาช่วยน้ำพุอยู่ ๒ ชั่วโมง เป็นเวลาที่แม่ใจรอนๆราวกับหัวใจจะขาดตามน้ำพุไปด้วย แม่จูบน้ำพุเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาของเราไหลปนกันไปเมื่อแม่บอกน้ำพุว่า หลับให้สบายนะลูก
จากนั้นแม่ก็มีชีวิตอยู่ไปวันๆเหมือนถูกไขลาน จากวันนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้แม่พึ่งจะได้รู้จักว่า ความทุกข์นั้นใหญ่หลวงนักหนาเพียงไรอย่างไรก็ตาม แม่ดีใจที่น้ำพุรู้จักดีชั่ว และได้ใช้ความพยายามอดทนที่จะเป็นคนดีกับเขาให้ได้และน้ำพุก็ทำได้แล้ว
แม่นึกถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า แม่ได้ให้ความสุขกับน้ำพุพอเพียงหรือไม่ และก็คิดได้ว่าแม่น่าจะได้ให้ความสุขกับน้ำพุได้มากกว่านี้ บางครั้งน้ำพุว้าเหว่มาก เพราะน้ำพุเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน เข้ากับพี่ๆน้องๆไม่ได้เมื่อเขาจุ๋มจิ๋มเล่นปักหมอน หรือตัดเสื้อ น้ำพุก็เข้ามาเลียบๆเคียงๆแล้วก็ถูกเขาไล่ออกไป อย่างคืนวันนั้นที่พี่กับน้องเค้าลองเครื่องชั้นในกัน น้ำพุเข้ามาเขาก็แตกกระจายกันไปคนละทางสองทาง น้ำพุก็ถูกดุว่า ไม่รู้จักมารยาท น้ำพุอาจจะเหงาเหลือเกินในตอนนั้นและน้ำพุก็ปิดประตูให้แม่กับน้องๆ หันลงบันไดกลับมาอย่างเงียบๆลงมาเปิดเพลงและหาความสุขไปคนเดียว...ตามลำพัง
นี่เป็นความผิดของแม่คนเดียวหรอก ไม่ใช่ของใครเลย และบัดนี้แม่ก็รับเวรกรรมอันนั้นแล้ว หลับให้สบายเถิดนะน้ำพุ ระหว่างเราแม่ลูก ไม่ต้องพูดกันถึงชาตินี้...หรือชาติหน้าหรอก น้ำพุอยู่ในหัวใจของแม่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แม่ ๓๑ พค. ๑๗
_______________________________________________________________
"เรื่องของน้ำพุ"
เรื่องของน้ำพุ เมื่อได้อ่านก็รู้ซึ้งกับเรื่องนี้เมื่อ คำนำเริ่มต้นด้วย
น้ำพุเกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๙ นั้นเป็นชื่อที่เรียกกันเล่นๆในครอบครัว และเลยเรียกติดปากมาจนกระทั่งน้ำพุโตเป็นหนุ่ม
น้ำพุจบชั้นมัธยมที่โรงเรียนศรีวิกรม์ และจากนั้นได้จากไปเรียนที่เชียงใหม่ปีหนึ่ง ที่ไปเรียนก็เพราะน้ำพุตามใจแม่ เมื่อเห็นว่าควรเรียนที่นั่นจะดีกว่า น้ำพุก็ไปตามคำ เมื่อไปเรียนจึงรู้ว่าน้ำพุไม่ได้ชอบวิชาที่เรียนเลย แต่ชอบศิลปะมากกว่า จึงได้ขอแม่มาเรียน ก่อนการเปิดเรียนในปีนั้น น้ำพุได้บวชเณรอยู่เดือนหนึ่ง เมื่อเปิดภาคเรียนแล้วจึงสึกออกมาเรียนต่อ ระหว่างนั้น น้ำพุอยู่ในความอุปการะของป้า
ระหว่างปีสุดท้ายของการเรียน น้ำพุเริ่มคบเพื่อนหน้าตาแปลกๆ และพาเข้ามาในบ้านให้แม่เดือดร้อนใจอยู่เสมอ เช่น ริอ่านทำความรู้จักกับเหล้าแห้ง กัญชา และยาเสพติดชนิดต่างๆ
จากนั้นน้ำพุก็เปลี่ยนใช้ยาที่แรงขึ้นๆ จนกระทั่งถึงเฮโรอีน เมื่อมาสารภาพว่าติดแล้วนั้น น้ำพุกำลังเตรียมตัวจะไปอดที่ถ้ำเขากระบอก มาขอเงินแม่สามร้อยบาท ครั้งแรกตั้งใจจะไปโดยไม่บอก แต่หาเงินเท่าไรก็ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมาสารภาพ ระหว่างนั้นตัวข้าพเจ้าเองต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัด จึงไม่อาจจะไปดูแลน้ำพุที่ถ้ำเขากระบอกได้ เมื่อกลับมาน้ำพุสดใสขึ้นมาก ทำให้ครอบครัวมีความหวังว่าน้ำพุคงจะดีขึ้น มีคนถามข้าพเจ้าเสมอ หลังจากที่น้ำพุได้สิ้นชีวิตแล้วว่า "เลี้ยงลูกยังไงถึงได้ปล่อยให้ติดเฮโรอีน"
ทำให้ต้องนิ่ง และไม่อาจจะหาคำตอบได้
แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆแล้ว ก็จะต้องโทษตัวเองว่า "เลี้ยงลูกไม่เป็น"
และเมื่อเหตุไรที่ลูกชายสิ้นชีวิตไปเพราะยาเสพติด จึงนำเอามาเปิดเผย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ดี น่าจะปิดเป็นความลับไว้มากกว่า
คำตอบตรงบรรทัดนี้มีอยู่ว่า เพราะไม่อยากให้ลูกของคนอื่นๆ ต้องเสียชีวิตไปเพราะยาเสพติดอีก ถ้าเรื่องของน้ำพุจะเป็นประโยชน์ต่อลูกของใครอื่นได้ ข้าพเจ้าก็จะยินดีอย่างยิ่ง และจะไม่ขออะไรอื่นนอกจากผลกุศลที่ได้เกิดจากสิ่งที่ทำไปแล้วนี้ ขอให้น้ำพุจงไปมีความสุขในโลกใหม่ หรือที่ใดก็ตามที่น้ำพุขึ้น ไปอยู่ เมื่อน้ำพุกลับมาแล้วก็ตั้งใจเรียนดีขึ้น หลังจากที่ได้เสียเวลาไปถึงสองปี ปีแรกที่เชียงใหม่ และปีที่สองไม่ได้สอบที่โรงเรียนช่างศิลป์ เพราะต้องเข้าโรงพยาบาลถึงเดือนครึ่งเนื่องด้วยโรคไวรัสลงตับ เวลาเรียนมีไม่พอสอบ
วันสุดท้ายที่ได้พบลูกนั้น เป็นคืนวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ตอนเย็นลูกไปหาที่โรงพิมพ์ พาสาวน้อยหน้าตาจุ๋มจิ๋มไปด้วย และบอกว่าขอเงินไปเอากางเกงนักเรียน ได้หยิบเงินให้ไปและสั่งว่าอย่ากลับค่ำ น้ำพุก็รับคำเป็นอันดี เมื่อไปถึงบ้านนั้นประมาณสามทุ่ม น้ำพุมาเปิดประตูรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ใครจะรู้ว่านั่นเป็นการเปิดประตูครั้งสุดท้ายของลูก จากนั้นน้ำพุก็เอารูปมาอวด
และบอกว่า
"ตั้งแต่เกิดมาน้ำพุยังไม่เคยเขียนรูปได้ดีเท่านี้เลยแม่"
ข้าพเจ้ารับมาดูและชมด้วยใจจริงว่า "ดูดีนี่ แต่ทำไมไม่ใช้ดินสอดำ"
"น้ำพุไม่ชอบสีดำ"ข้าพเจ้าขึ้นนอน ยังนอนไม่หลับ ลูกสาวคนโตก็กลับ เธอมีงานที่มหาวิทยาลัยจึงกลับล่าไปมาก น้ำพุออกไปช่วยพี่สาวขนของ มีรูปซึ่งเป็นภาพพิมพ์ และกล่องผ้าเช็ดหน้าที่ทำขายในงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งน้ำพุสนใจมาก เลิกเรียนแล้วก็ไปนั่งดูว่าพี่สาวจะขายผ้าเช็ดหน้าได้สักเท่าไร จะขาดทุนหรือได้กำไร
"พี่กบ วันนี้ขายได้เท่าไร" น้ำพุถาม... โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะออกไปช่วยพี่สาวขนของลงจากรถ
เราเอารูปภาพพิมพ์ที่ได้มาจากเพื่อนๆ ของลูก ไปลองติดตามห้องต่างๆ น้ำพุลองติดห้องของพี่ของน้อง เดินไปทั่วบ้านราวกับจะสั่งลา ท้ายสุดนั้นข้าพเจ้าและลูกอีกสองคนเดินลงมาชั้นล่าง...ก็ที่ห้องน้ำพุนั่น แหละ ไม่ทราบว่าลงมาทำไมเหมือนกันทั้งที่ดึกมากแล้ว น้ำพุยังไม่นอน บอกว่าจะทำการบ้าน และพูดกับข้าพเจ้าเป็นคำสุดท้ายว่า
"แม่...น้ำพุจะซื้อสีน้ำมัน แม่ซื้อให้พุนะ...จะเอามาเขียนรูปติดห้อง แม่ว่าพุเขียนได้ไหม "ได้ซิ" แล้วข้าพเจ้าก็ออกมาจากห้องลูก...ขึ้นนอน น่าแปลกที่นอนไม่หลับเลย จนเกือบจะรุ่งสางจึงหลับไปได้นิดหนึ่ง รู้สึกได้ยินเสียงเหมือนอะไรล้มอยู่ข้างล่าง แต่ก็แว่วๆ เต็มที มานึกได้ทีหลังเสียอีกด้วย
ก่อนเข้าบ้านในวันนั้น น้ำพุโทรศัพท์ไปหาอ๊อด เพื่อนสนิท ชวนมานอนบ้าน แต่อ๊อดไม่มา
คนใช้ไปปลุกข้าพเจ้าตอนเช้ามืดให้ไปดู 'คุณพุ'
น้ำพุนอนเหยียดยาวอยู่หน้าเตียง แผ่นเสียงยังหมุนและไฟยังเปิด น้ำพุสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ถอดเสื้อ
เหมือนหัวใจจะขาดตามลูกไปด้วย ได้อุ้มลูกขึ้นรถ ให้พี่สาวน้ำพุขับไปโรงพยาบาล
หมอสันนิษฐานว่า น้ำพุหัวใจวาย
แต่ใครๆก็รู้ว่าน้ำพุไปเพราะยาเสพติด น้ำพุอาจจะหวนกลับไปใช้ยา ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาชนิดใด และยานั้นคงจะรุนแรง จนสามารถทำให้หัวใจน้ำพุหยุดโดยเฉียบพลัน ไม่มีใครช่วยได้
เป็นครั้งแรกที่แม่เขียนถึงน้ำพุได้อย่างยากลำบากใช่ว่าไม่มีเรื่องจะเขียน ถึง ทว่ามีมากเกินไปจนแม่ไม่รู้จะขึ้นต้นจากตรงไหนดี เมื่อน้าแพทและกบบอกแม่ว่า น้ำพุไปแล้วนั้นแม่ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงไปใด้อย่างไร น้ำพุยังเปิดประตูรับแม่อวดกางเกงใหม่ที่จะใส่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้เช้า แม่ติว่าเป้าสั้นไปนิดนึง แต่น้ำพุก็บอกว่ามันเรียบร้อยดีแล้ว แม่ก็ไม่อยากขัดใจน้ำพุหรอก ที่จริงก็ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งนั้น ที่แม่ไม่ค่อยอยากขัดใจน้ำพุ ราวกับจะรู้ว่า น้ำพุจะมีเวลาอยู่กับแม่น้อยนิดเดียว เพียง ๑๘ ปีกับ ๒ เดือน ๑๕ วัน
แม่พยายามจะเอาน้ำพุกลับคืนมาให้ใด้ในเช้ามืดของวันนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ หมอพัลลภและเพื่อนของหมอที่รพ.เปาโลเขาช่วยน้ำพุอยู่ ๒ ชั่วโมง เป็นเวลาที่แม่ใจรอนๆราวกับหัวใจจะขาดตามน้ำพุไปด้วย แม่จูบน้ำพุเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาของเราไหลปนกันไปเมื่อแม่บอกน้ำพุว่า หลับให้สบายนะลูก
จากนั้นแม่ก็มีชีวิตอยู่ไปวันๆเหมือนถูกไขลาน จากวันนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้แม่พึ่งจะได้รู้จักว่า ความทุกข์นั้นใหญ่หลวงนักหนาเพียงไรอย่างไรก็ตาม แม่ดีใจที่น้ำพุรู้จักดีชั่ว และได้ใช้ความพยายามอดทนที่จะเป็นคนดีกับเขาให้ได้และน้ำพุก็ทำได้แล้ว
แม่นึกถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า แม่ได้ให้ความสุขกับน้ำพุพอเพียงหรือไม่ และก็คิดได้ว่าแม่น่าจะได้ให้ความสุขกับน้ำพุได้มากกว่านี้ บางครั้งน้ำพุว้าเหว่มาก เพราะน้ำพุเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน เข้ากับพี่ๆน้องๆไม่ได้เมื่อเขาจุ๋มจิ๋มเล่นปักหมอน หรือตัดเสื้อ น้ำพุก็เข้ามาเลียบๆเคียงๆแล้วก็ถูกเขาไล่ออกไป อย่างคืนวันนั้นที่พี่กับน้องเค้าลองเครื่องชั้นในกัน น้ำพุเข้ามาเขาก็แตกกระจายกันไปคนละทางสองทาง น้ำพุก็ถูกดุว่า ไม่รู้จักมารยาท น้ำพุอาจจะเหงาเหลือเกินในตอนนั้นและน้ำพุก็ปิดประตูให้แม่กับน้องๆ หันลงบันไดกลับมาอย่างเงียบๆลงมาเปิดเพลงและหาความสุขไปคนเดียว...ตามลำพัง
นี่เป็นความผิดของแม่คนเดียวหรอก ไม่ใช่ของใครเลย และบัดนี้แม่ก็รับเวรกรรมอันนั้นแล้ว หลับให้สบายเถิดนะน้ำพุ ระหว่างเราแม่ลูก ไม่ต้องพูดกันถึงชาตินี้...หรือชาติหน้าหรอก น้ำพุอยู่ในหัวใจของแม่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แม่ ๓๑ พค. ๑๗
_______________________________________________________________
"เรื่องของน้ำพุ"
เรื่องของน้ำพุ เมื่อได้อ่านก็รู้ซึ้งกับเรื่องนี้เมื่อ คำนำเริ่มต้นด้วย
น้ำพุเกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๙ นั้นเป็นชื่อที่เรียกกันเล่นๆในครอบครัว และเลยเรียกติดปากมาจนกระทั่งน้ำพุโตเป็นหนุ่ม
น้ำพุจบชั้นมัธยมที่โรงเรียนศรีวิกรม์ และจากนั้นได้จากไปเรียนที่เชียงใหม่ปีหนึ่ง ที่ไปเรียนก็เพราะน้ำพุตามใจแม่ เมื่อเห็นว่าควรเรียนที่นั่นจะดีกว่า น้ำพุก็ไปตามคำ เมื่อไปเรียนจึงรู้ว่าน้ำพุไม่ได้ชอบวิชาที่เรียนเลย แต่ชอบศิลปะมากกว่า จึงได้ขอแม่มาเรียน ก่อนการเปิดเรียนในปีนั้น น้ำพุได้บวชเณรอยู่เดือนหนึ่ง เมื่อเปิดภาคเรียนแล้วจึงสึกออกมาเรียนต่อ ระหว่างนั้น น้ำพุอยู่ในความอุปการะของป้า
ระหว่างปีสุดท้ายของการเรียน น้ำพุเริ่มคบเพื่อนหน้าตาแปลกๆ และพาเข้ามาในบ้านให้แม่เดือดร้อนใจอยู่เสมอ เช่น ริอ่านทำความรู้จักกับเหล้าแห้ง กัญชา และยาเสพติดชนิดต่างๆ
จากนั้นน้ำพุก็เปลี่ยนใช้ยาที่แรงขึ้นๆ จนกระทั่งถึงเฮโรอีน เมื่อมาสารภาพว่าติดแล้วนั้น น้ำพุกำลังเตรียมตัวจะไปอดที่ถ้ำเขากระบอก มาขอเงินแม่สามร้อยบาท ครั้งแรกตั้งใจจะไปโดยไม่บอก แต่หาเงินเท่าไรก็ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมาสารภาพ ระหว่างนั้นตัวข้าพเจ้าเองต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัด จึงไม่อาจจะไปดูแลน้ำพุที่ถ้ำเขากระบอกได้ เมื่อกลับมาน้ำพุสดใสขึ้นมาก ทำให้ครอบครัวมีความหวังว่าน้ำพุคงจะดีขึ้น มีคนถามข้าพเจ้าเสมอ หลังจากที่น้ำพุได้สิ้นชีวิตแล้วว่า "เลี้ยงลูกยังไงถึงได้ปล่อยให้ติดเฮโรอีน"
ทำให้ต้องนิ่ง และไม่อาจจะหาคำตอบได้
แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆแล้ว ก็จะต้องโทษตัวเองว่า "เลี้ยงลูกไม่เป็น"
และเมื่อเหตุไรที่ลูกชายสิ้นชีวิตไปเพราะยาเสพติด จึงนำเอามาเปิดเผย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ดี น่าจะปิดเป็นความลับไว้มากกว่า
คำตอบตรงบรรทัดนี้มีอยู่ว่า เพราะไม่อยากให้ลูกของคนอื่นๆ ต้องเสียชีวิตไปเพราะยาเสพติดอีก ถ้าเรื่องของน้ำพุจะเป็นประโยชน์ต่อลูกของใครอื่นได้ ข้าพเจ้าก็จะยินดีอย่างยิ่ง และจะไม่ขออะไรอื่นนอกจากผลกุศลที่ได้เกิดจากสิ่งที่ทำไปแล้วนี้ ขอให้น้ำพุจงไปมีความสุขในโลกใหม่ หรือที่ใดก็ตามที่น้ำพุขึ้น ไปอยู่ เมื่อน้ำพุกลับมาแล้วก็ตั้งใจเรียนดีขึ้น หลังจากที่ได้เสียเวลาไปถึงสองปี ปีแรกที่เชียงใหม่ และปีที่สองไม่ได้สอบที่โรงเรียนช่างศิลป์ เพราะต้องเข้าโรงพยาบาลถึงเดือนครึ่งเนื่องด้วยโรคไวรัสลงตับ เวลาเรียนมีไม่พอสอบ
วันสุดท้ายที่ได้พบลูกนั้น เป็นคืนวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ตอนเย็นลูกไปหาที่โรงพิมพ์ พาสาวน้อยหน้าตาจุ๋มจิ๋มไปด้วย และบอกว่าขอเงินไปเอากางเกงนักเรียน ได้หยิบเงินให้ไปและสั่งว่าอย่ากลับค่ำ น้ำพุก็รับคำเป็นอันดี เมื่อไปถึงบ้านนั้นประมาณสามทุ่ม น้ำพุมาเปิดประตูรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ใครจะรู้ว่านั่นเป็นการเปิดประตูครั้งสุดท้ายของลูก จากนั้นน้ำพุก็เอารูปมาอวด
และบอกว่า
"ตั้งแต่เกิดมาน้ำพุยังไม่เคยเขียนรูปได้ดีเท่านี้เลยแม่"
ข้าพเจ้ารับมาดูและชมด้วยใจจริงว่า "ดูดีนี่ แต่ทำไมไม่ใช้ดินสอดำ"
"น้ำพุไม่ชอบสีดำ"ข้าพเจ้าขึ้นนอน ยังนอนไม่หลับ ลูกสาวคนโตก็กลับ เธอมีงานที่มหาวิทยาลัยจึงกลับล่าไปมาก น้ำพุออกไปช่วยพี่สาวขนของ มีรูปซึ่งเป็นภาพพิมพ์ และกล่องผ้าเช็ดหน้าที่ทำขายในงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งน้ำพุสนใจมาก เลิกเรียนแล้วก็ไปนั่งดูว่าพี่สาวจะขายผ้าเช็ดหน้าได้สักเท่าไร จะขาดทุนหรือได้กำไร
"พี่กบ วันนี้ขายได้เท่าไร" น้ำพุถาม... โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะออกไปช่วยพี่สาวขนของลงจากรถ
เราเอารูปภาพพิมพ์ที่ได้มาจากเพื่อนๆ ของลูก ไปลองติดตามห้องต่างๆ น้ำพุลองติดห้องของพี่ของน้อง เดินไปทั่วบ้านราวกับจะสั่งลา ท้ายสุดนั้นข้าพเจ้าและลูกอีกสองคนเดินลงมาชั้นล่าง...ก็ที่ห้องน้ำพุนั่น แหละ ไม่ทราบว่าลงมาทำไมเหมือนกันทั้งที่ดึกมากแล้ว น้ำพุยังไม่นอน บอกว่าจะทำการบ้าน และพูดกับข้าพเจ้าเป็นคำสุดท้ายว่า
"แม่...น้ำพุจะซื้อสีน้ำมัน แม่ซื้อให้พุนะ...จะเอามาเขียนรูปติดห้อง แม่ว่าพุเขียนได้ไหม "ได้ซิ" แล้วข้าพเจ้าก็ออกมาจากห้องลูก...ขึ้นนอน น่าแปลกที่นอนไม่หลับเลย จนเกือบจะรุ่งสางจึงหลับไปได้นิดหนึ่ง รู้สึกได้ยินเสียงเหมือนอะไรล้มอยู่ข้างล่าง แต่ก็แว่วๆ เต็มที มานึกได้ทีหลังเสียอีกด้วย
ก่อนเข้าบ้านในวันนั้น น้ำพุโทรศัพท์ไปหาอ๊อด เพื่อนสนิท ชวนมานอนบ้าน แต่อ๊อดไม่มา
คนใช้ไปปลุกข้าพเจ้าตอนเช้ามืดให้ไปดู 'คุณพุ'
น้ำพุนอนเหยียดยาวอยู่หน้าเตียง แผ่นเสียงยังหมุนและไฟยังเปิด น้ำพุสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ถอดเสื้อ
เหมือนหัวใจจะขาดตามลูกไปด้วย ได้อุ้มลูกขึ้นรถ ให้พี่สาวน้ำพุขับไปโรงพยาบาล
หมอสันนิษฐานว่า น้ำพุหัวใจวาย
แต่ใครๆก็รู้ว่าน้ำพุไปเพราะยาเสพติด น้ำพุอาจจะหวนกลับไปใช้ยา ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาชนิดใด และยานั้นคงจะรุนแรง จนสามารถทำให้หัวใจน้ำพุหยุดโดยเฉียบพลัน ไม่มีใครช่วยได้
http://www.kroobannok.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อารายเหรอ