|
หลัง จากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ จอมพล ถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่งแทน ไทยผูกพันตนเองกับอเมริกา และสงครามเวียดนามมากยิ่งขึ้น ในต้นปี พ.ศ.๒๕๐๗ หลังจากที่จอมพลถนอม กิตติขจร ขึ้นมาบริหารประเทศได้เพียงไม่กี่เดือน แผนยุทธศาสตร์ของอเมริกาที่จะบุกโจมตีเวียดนามเหนืออย่างรุนแรง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานทัพปฏิบัติการของอเมริกา เช่น ตาคลี อุดรธานี นครพนม อุบลราชธานี นครราชสีมา อู่ตะเภา น้ำพอง ดอนเมือง สัตหีบ กาญจนบุรี สกลนคร และพิษณุโลก ขณะที่อเมริกาทำสงครามในเวียดนามอย่างเต็มที่นั้น มีทหารอเมริกันประจำอยู่ในเมืองไทยถึง๔๙,๐๐๐ คน และมีเครื่องบินประมาณ๖๐๐ ลำ |
| ไทยเข้ารบในสงครามเวียดนาม โดยส่งทหารอากาศเข้าไปในเวียดนามใต้เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗และส่งทหารเรือในปีต่อมา ในที่สุดส่งทหารบกหน่วยจงอางศึก และหน่วยกองพลเสือดำ นอกจากนี้ยังมีทหารอาสาสมัครประเภทรับจ้างชั่วคราว คือ ทหารเสือพราน เข้าไปปฏิบัติการในลาวร่วมกับกองทัพลาวเผ่าแม้ว รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ยังต้องมีปัญหาเรื่องการแทรกซึม และบ่อนทำลายของขบวนการคอมมิวนิสต์ภายในประเทศประมาณ พ.ศ.๒๕๑๐ ผู้ก่อการร้ายออกปฏิบัติการต่อต้านรัฐบาลทั่วทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ | |
แต่ไทยก็ยืนหยัดอยู่กับฝ่ายโลกเสรีใน สงครามเวียดนาม จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาได้ถอนทหารออกไปจนหมดสิ้นในปีพ.ศ. ๒๕๑๖ แต่เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ยังมีการสู้รบกันต่อไป จนกระทั่งถึงพ.ศ.๒๕๑๘ เวียดนามทั้งสองจึงได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน |
|
การส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงครามเวียดนาม |
|
| ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ ประธานาธิบดี ตรันวันมินห์ แห่งเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย โดยขอให้ฝึกหัดนักบินของกองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ส่งเข้ามาฝึกในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๐๙ รัฐบาลเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากไทยเพิ่มเติม โดยขอให้จัดส่งเรือไปช่วยปฏิบัติการลำเลียง และเฝ้าตรวจบริเวณชายฝั่ง ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลให้แก่ เวียดนามใต้ และในปีเดียวกัน ก็ได้ขอกำลังจากกองทัพบกไทย เพื่อช่วยยับยั้งการคุกคามของเวียดนามเหนือ นอกจากรัฐบาลไทยแล้วเวียดนามใต้ก็ได้ขอร้องทำนองเดียวกันไปยังประเทศฝ่ายโลก เสรีอื่น ๆ | |
รัฐบาลไทยได้พิจารณาเห็นว่า รัฐบาลเวียดนามใต้ ได้รับการยอมรับจากสมัชชา แห่งสหประชาชาติแล้วว่า เป็นรัฐบาลที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้อง ประเทศไทยจึงควรให้ความร่วมมือเพื่อป้องกัน และยับยั้งการรุกรานครั้งนี้ เพื่อผดุงและรักษาไว้ซึ่งสันติสุขของประชาชาติผู้รักสงบในภูมิภาคนี้ จึงรับหลักการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ เวียดนามใต้ โดยให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบดำเนินการ กระทรวงกลาโหมได้พิจารณาสนับสนุนตามลำดับดังนี้ |
ขั้นต้น ให้ กองทัพอากาศทำการฝึกนักบินไอพ่นให้กับทหารอากาศเวียดนามใต้ ซึ่งเข้ามารับการฝึกในประเทศไทย ตั้งแต่กันยายน ๒๕๐๗ - กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ รวม ๗ รุ่น ๆ ละ ๔ คน รวม ๒๘ คน ขั้นที่สอง ให้ กองทัพอากาศส่งหน่วยบิน ประกอบด้วยนักบินเครื่องบินลำเลียง ๑๐ คน ช่างอากาศ ๖ คน ไปสนับสนุนกองทัพอากาศ เวียดนามใต้ ทำการบินลำเลียงด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ เมื่อกันยายน ๒๕๐๗ เรียกนามรหัสหน่วยนี้ว่า หน่วยบินวิคตอรี (Victory Wing Unit) ขั้นที่สาม จัด ตั้งกองบังคับการหน่วยช่วยเหลือทางทหารในสาธารณรัฐเวียดนามขึ้นในกรุง ไซ่ง่อน เมื่อพฤศจิกายน ๒๕๐๘ เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของหน่วยบินวิคตอรี ร่วมกับฝูงบินลำเลียงที่ ๔๑๕ เวียดนามใต้ |
ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ รัฐบาลเวียดนามใต้ขอร้องรัฐบาลไทย ให้ช่วยเหลือทางกำลังทหารเรือ ฝ่ายไทยจึงได้ส่งเรือจากกองทัพเรือไปช่วย โดยได้ส่งเรือหลวงพงัน ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ และเรือ ต.๑๒ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งไปร่วมปฏิบัติการใน เวียดนามใต้ โดยขึ้นสมทบกับหน่วยบริการทางทะเล ทางทหารสหรัฐฯ ประจำกรุงไซ่ง่อน และกองเรือเฉพาะกิจที่ ๑๑๕ ตามลำดับ เรียกนามรหัสว่า ซีฮอร์ส (Sea Horse Task Element) |
รัฐบาลเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากไทยเพิ่มเติมอีก ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงกลาโหม จัดกำลังรบภาคพื้นดินในอัตรากรมทหารอาสาสมัคร ไปปฏิบัติการใน เวียดนามใต้ ภายหลังได้รับนามรหัสว่า จงอางศึก (Queen's Cobra Unit) นับเป็นกองกำลังหน่วยแรกของกองทัพบกที่ปฏิบัติการรบในสงครามเวียดนาม ต่อมาเมื่อพฤษภาคม ๒๕๑๐ ก็ได้เพิ่มกำลังจากขนาดกรมเป็นกองพลในชื่อเดิม คือ กองพลทหารอาสาสมัคร จากนั้นก็ได้ปรับปรุงกองบังคับการหน่วยช่วยเหลือทางทหาร ในสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ในสาธารณรัฐ เวียดนาม คำย่อว่า บก.กกล. ไทย/วน. เป็นหน่วยขึ้นตรงกองบัญชาการทหารสูงสุด |
|
บก.กกล.ทหารไทยในสงครามเวียดนามผลัดที่ ๑ |
|
| จัดตั้งขึ้นเมื่อ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๑๐ โดยมี พลตรี ยศ เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา เป็นผู้บัญชาการ มีที่ตั้งชั่วคราวอยู่ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า เชิงสะพานเกษะโกมล ถนนอำนวยสงคราม กรุงเทพ ฯ กำลังพลในกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ ผลัดที่ ๑ ออกเดินทางตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๑๐ จึงเข้าที่ตั้งเสร็จ ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจได้ครบถ้วน สมบูรณ์ตามที่ได้รับมอบหมายทุกประการ ตามสายการบังคับบัญชาของชาติซึ่งประกอบไปด้วย กองบัญชาการกองกำลังทหารไทย กรมทหารอาสาสมัคร หน่วยเรือซีฮอร์ส และหน่วยบินวิคตอรี | |
เมื่อครบกำหนด ๑ ปี และเมื่อกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ ผลัดที่ ๒ เดินทางไปรับหน้าที่ เมื่อ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ แล้ว ก็เดินทางกลับประเทศไทยเป็นส่วน ๆ โดยเครื่องบินลำเลียงของสหรัฐฯ ดำเนินกรรมวิธีส่งกำลังพลคืนต้นสังกัด จนแล้วเสร็จเมื่อ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๑ |
|
บก.กกล.ทหารไทยในสงครามเวียดนามผลัดที่๒-๕ |
|
| ผลัดที่๒ พล โท ฉลาด หิรัญศิริ เป็นผู้บัญชาการ แบ่งการเดินทางโดยเครื่องบินลำเลียงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เสร็จสิ้นเมื่อ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ นอกจากปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว ยังได้ทำการช่วยเหลือประชาชน โดยจัดชุดแพทย์ ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผลัดกันออกไปปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวียดนามใต้ ณ สถานพยาบาลตูดึ๊ก จังหวัดยาดินห์ เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนอีกด้วย เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบ ๑ ปี และผลัดที่ ๓ มารับหน้าที่แล้ว จึงเดินทางกลับโดยแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน คือส่วนที่ ๑ จำนวน ๘๙ คน ส่วนที่ ๒ จำนวน ๖๐ คน ส่วนที่ ๓ จำนวน ๖๐ คน ส่วนที่ ๔ จำนวน ๑๘ คน เดินทางโดยเครื่องบินกลับถึงประเทศไทยเสร็จสิ้นเมื่อ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๒ | |
ผลัดที่๓ พลโท เชวง ยังเจริญ เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๓ การปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบคงเป็นเช่นเดียวกับผลัดที่ ๒ เมื่อปฏิบัติการครบกำหนด ๑ ปี และผลัดที่ ๔ ไปรับหน้าที่แล้วจึงเดินทางกลับ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน เดินทางโดยเครื่องบิน เสร็จสิ้นเมื่อ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๓ | | |
| ผลัดที่๔ พลโท เสริม ณ นคร เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งเป็น ๔ ส่วน เดินทางโดยเครื่องบิน เสร็จสิ้นเมื่อ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๓ การปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบคงเป็นเช่นเดียวกับผลัดที่ ๓ เมื่อปฏิบัติการครบ ๑ ปี และผลัดที่ ๕ มารับหน้าที่แล้วจึงเดินทางกลับ โดยแบ่งเป็น ๔ ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๔ | |
ผลัดที่ 5 พล ตรี ทวิช บุญญาวัฒน์ เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๔ ในปลายปี พ.ศ.๒๕๑๓ รัฐบาลไทยเริ่มดำริที่จะถอนกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้กลับประเทศไทย ได้มีการปรึกษาหารือ กับ กองบัญชาการทหารสูงสุดเวียดนามใต้ และรัฐบาลเวียดนามใต้ จนได้ข้อยุติในการถอนกำลังกลับ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกเริ่มถอนในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๔ ส่วนที่เหลือในเดือนกันยายน ๒๕๑๕ สำหรับหน่วยเรือซีฮอร์ส เรือ ต.๑๒ จะกลับในเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๔ เรือหลวงพงันจะกลับในเดือนเมษายน ๒๕๑๕ ส่วนหน่วยบินวิคตอรี จะถอนกำลังกลับหมดในเดือนธันวาคม ๒๕๑๔ กองบัญชาการทหารไทยฯ ผลัดที่ ๕ จะไปปฏิบัติการเพื่อควบคุมการถอนกำลังทหารไทยกลับ อยู่จนถึงเดือนเมษายน ๒๕๑๕ หลังจากนั้นรัฐบาลไทยจะส่งหน่วยขนาดเล็กที่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือ กับฝ่ายโลกเสรี ประจำในเวียดนามใต้ต่อไป การถอนกำลังกลับประเทศไทย ส่วนใหญ่เดินทางโดยเครื่องบินลำเลียงแบบ C -๑๓๐ ของสหรัฐฯ ส่วนสิ่งของส่งไปกับเรือหลวงพงัน โดยแบ่งการเดินทางเป็น ๓ ส่วน เสร็จสิ้นเมื่อ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๑๕ | | |
|
สำนักงานผู้แทนทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม |
|
| เมื่อกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ และกองกำลังทหารไทยทั้งหมด ต้องถอนกำลังกลับประเทศไทยในกลางเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๕ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า จึงได้ตั้งสำนักงานผู้แทนทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม (สน.ผทท.ไทย วน.) ขึ้น มีกำลังพล ๓๘ คน มีพันเอก ชูวิทย์ ช.สรพงษ์ เป็นหัวหน้าสำนักงาน เดินทางไปปฏิบัติงานเมื่อ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๕ และรับมอบหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับกองกำลังฝ่ายโลกเสรี ที่ยังคงอยู่ในเวียดนามใต้ | |
เมื่อปฏิบัติได้เกือบครบ ๑ ปี สถานการณ์ในเวียดนามใต้ เข้าสู่สภาพคับขันยิ่งขึ้น กองบัญชาการทหารสูงสุด จึงได้มีคำสั่งให้ปิดสำนักงานนี้ แล้วส่งมอบงานการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้กับสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารไทย ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไซ่ง่อน และให้กำลังพลเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ ๒ มีนาคม ๒๕๑๖ เป็นการยุติการปฏิบัติการรบของทหารไทยในเวียดนามใต้ตั้งแต่นั้นมา
พ.ต.สาโรช บุญญาพิชิตเดโช หมายเลข 87168
|
ขอให้ลดเร็ว ๆ สงสารเหลือเกิน
ตอบลบขอให้สหรัฐมอบ ฮ.ที่ส่งมาช่วยกู้ภัยน้ำท่วมไว้ใน ทอ.เลย
ตอบลบเอาใจช่วยทุกคนครับ
ตอบลบเมื่อปฏิบัติได้เกือบครบ ๑ ปี สถานการณ์ในเวียดนามใต้ เข้าสู่สภาพคับขันยิ่งขึ้น กองบัญชาการทหารสูงสุด จึงได้มีคำสั่งให้ปิดสำนักงานนี้ แล้วส่งมอบงานการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้กับสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารไทย ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไซ่ง่อน และให้กำลังพลเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ ๒ มีนาคม ๒๕๑๖ เป็นการยุติการปฏิบัติการรบของทหารไทยในเวียดนามใต้ตั้งแต่นั้นมา...
ตอบลบ.........สถานการณ์ในเวียดนามใต้ เข้าสู่สภาพคับขันยิ่งขึ้น......ผมเรียนมาน้อยครับเรื่องนี้ ฟังดูมันเมือนเรา...คือว่า ทำไมเราถึงกลับอะครับ ..