วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

ตามหา"ไอ้ตีนโต" มนุษย์วานรดึกดำบรรพ์

matichon

อีก ครั้งหนึ่งที่ชาวมาเลเซียได้พบเห็นสัตว์กึ่งลิงกึ่งมนุษย์ รูปร่างสูงใหญ่ มีขนยาวรุงรัง ในบริเวณป่าของ รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ที่ผ่านมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ หมู่บ้านกำปัง มาไว, โกตา ติงจิ คนงานสามคนเห็นสัตว์กึ่งลิงกึ่งมนุษย์จำนวนสามตัว ตัวหนึ่งยังเล็กอยู่ ขณะกำลังขุดบ่อเลี้ยงปลา ไม่นานนักพวกมันก็จากไปโดยทิ้งรอยเท้าและขนไว้ รอยเท้าตัวหนึ่งมีขนาด 45 เซนติเมตร รูปร่างหน้าตาของสัตว์ดังกล่าวจากภาพสเก๊ตช์ตามคำบอกเล่าของผู้พบเห็นคล้าย กับ "ไอ้ตีนโต" (Big Foot) มนุษย์วานรที่พบเห็นในอเมริกาเหนือ

รายงาน การเห็นไอ้ตีนโตในป่าทึบของรัฐยะโฮร์มีมาตั้งแต่ปี 1954 แล้ว โดยสองครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในปี 1995 และปี 2000 เดือนมกราคม ปี 1995 ชาวบ้านแจ้งว่าพบไอ้ตีนโตในป่าทึบของรัฐยะโฮร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญสัตว์ป่าของมาเลเซียระดมพลออก ค้นหามันในบริเวณกว้างหลายพันตารางไมล์ แต่ทว่าคว้าน้ำเหลว แต่ก็พบรอยเท้าใหม่ๆ ของมัน

อีกครั้งหนึ่งในเดือนมกราคม ปี 2000 ที่ป่าในรัฐยะโฮร์เช่นกัน เหลียง ฉง เซิน ชายวัย 50 ปี อ้างว่าเห็นไอ้ตีนโตสองตัวขณะกำลังทำงานอยู่ในอยู่สวน เขาเล่าว่า อยู่ห่างจากไอ้ตีนโตเพียง 10 เมตรและทัศนวิสัยก็ดีเยี่ยม ไอ้ตีนโตตัวแรกสูงราว 1.83 เมตร ขนยาวสีดำทั่วตัวรวมทั้งที่ใบหน้าด้วย ตัวที่สองสูงราว 1.52 เมตร ขนสีน้ำตาล

"หัวใจผมเต้นเร็วมาก เมื่อเห็นทั้งสองตัวยืนอยู่ใกล้ต้นยาง เพราะกลัวว่ามันจะเข้ามาทำร้าย" เหลียง ฉง เซิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

เรื่องที่ค่อนข้างประหลาดนี้เป็นไปได้หรือไม่ หลายคนอาจไม่เชื่อ แต่วินเซนต์ โชว ที่ปรึกษาของ Malaysian Nature Society (MNS) ของรัฐยะโฮร์ เชื่อว่าไอ้ตีนโตมีอยู่จริงในรัฐยะโฮร์ เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซีย ว่า

"บิ๊กฟุตมีอยู่จริง เราได้รับรายงานจากคนจำนวนมากว่าเห็นมันในป่าที่ทันจุง เพียไอ, เมอร์ซิง คาฮัง, วนอุทยานแห่งชาติเอ็นดัว

"รอมปินและโกตา ทิงจิ" และว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไอ้ตีนโตเป็นทรัพย์สมบัติพิเศษของยะโฮร์ซึ่งต้องปกปักรักษาไว้ โชวประมาณว่า ไอ้ตีนโตมีความสูงระหว่าง 8-10 ฟุต มีขนสีน้ำตาลโดยดูจากขนที่ร่วงบนพื้นซึ่งมีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นรักแร้ของ มนุษย์



ภาพสเก๊ตช์ไอ้ตีนโตในป่ารัฐจอร์เจีย
จากคำบอกเล่าของผู้เผชิญหน้าระยะใกล้
นับ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 เป็นต้นมา มีรายงานการพบเห็นไอ้ตีนโตในหลายส่วนของโลก คือ ในอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และเอเชีย ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งชาวพื้นเมืองเรียกไอ้ตีนโตที่นั่นว่า "เยติ" มนุษย์หิมะตีนโต ข้อมูลจากการพบเห็นในอเมริกาเหนือแสดงว่าไอ้ตีนโตมีความสูงประมาณ 7-9 ฟุต และมีน้ำหนักอยู่ในระหว่าง 600-900 ปอนด์

ปัจจุบันประเทศที่มี รายงานการพบเห็นไอ้ตีนโตมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกาซึ่งมีเกือบทุกรัฐ ยกเว้นรัฐเดลลาแวร์และฮาวาย นักวิจัยไอ้ตีนโตบอกว่า การพบเห็นไอ้ตีนโตในอเมริกาเหนือมีมานานกว่า 400 ปีแล้ว ชาวอินเดียนแดงในบริติช โคลัมเบีย เรียกมันว่า "Sasquatch" ซึ่งมีความหมายว่า "ลิงยักษ์" รายงานการพบเห็นที่เก่าแก่ที่สุด คือรายงานของเดวิด ทอมสัน พ่อค้าชาวแคนาดาเมื่อปี 1811 เขาพบรอยเท้าประหลาดบนหิมะขนาดยาว 14 นิ้ว กว้าง 8 นิ้ว และมีนิ้วเท้าเพียง 4 นิ้ว


ภาพลวงโลกของโรเจอร์ แพตเตอร์สัน
ใน ขณะที่เรื่องราวของไอ้ตีนโตได้รับความสนใจจากสาธารณชน ก็มีคนเล่นตลกกับเรื่องนี้ ในปี 1967 ชาวอเมริกันก็ได้ฮือฮากันกับภาพไอ้ตีนโตขณะกำลังเดินไปตามร่องลำธารในป่าตอน เหนือของแคลิฟอร์เนียที่ โรเจอร์ แพตเตอร์สัน ถ่ายไว้ได้ด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตร


ทว่าภายหลังมีผู้จับได้ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ไอ้ตีนโตในภาพคือ ไคลด์ ไรน์เก้ สวมชุดลิงกอริลลาตบตาชาวโลก ต่อมายังพบว่ามีการหลอกลวงด้วยการทำรอยเท้าไอ้ตีนโตขึ้นมาอีกหลายราย และมีรายงานพร้อมภาพถ่ายที่ทำขึ้นคล้ายกับที่แพตเตอร์สันเคยทำออกมามากมาย ทำให้เรื่องราวของไอ้ตีนโตในอเมริกาเหนือขาดความน่าเชื่อถือจากสาธารณชน

อย่าง ไรก็ตาม ปัจจุบันในอเมริกาเหนือก็ยังมีผู้สนใจเรื่องราวของไอ้ตีนโตกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนักมานุษยวิทยาหลายๆ คนที่คิดว่ามันเป็นไปได้ ในสหรัฐมีองค์กรศึกษาไอ้ตีนโตเกือบทุกรัฐ และมีทีมค้นหาไอ้ตีนโตกันอย่างเอาจริงเอาจัง



ภาพสเก๊ตช์ไอ้ตีนโต ที่ยะโฮร์ มาเลเซีย

ภาพวาดลิงยักษ์ giganto
ใน ปีนี้ทีมค้นหาจะปฏิบัติการที่รัฐฟลอริดาในระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม รัฐจอร์เจีย 2-5 กุมภาพันธ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย 2-5 มีนาคม รัฐอริโซนา 30 มีนาคม-2 เมษายน รัฐโอไฮโอ 27-30 เมษายน รัฐโอเรกอน 25-28 พฤษภาคม รัฐวิสคอนซิน 22-25 มิถุนายน รัฐนิวยอร์ก 27-30 กรกฎาคม

มีทฤษฎี หลากหลายที่อธิบายเรื่องราวของไอ้ตีนโต ทั้งทฤษฎีที่ชี้ว่าเป็นไปไม่ได้และทฤษฎีที่ชี้ว่าเป็นไปได้ หนึ่งในทฤษฎีที่ชี้ว่าเป็นไปไม่ได้คือ ทฤษฎีหมี ทฤษฎีนี้อธิบายว่าไอ้ตีนโตที่เห็นกันแท้จริงแล้วเป็นหมีขนาดใหญ่ซึ่งทำให้ ผู้พบเห็นเข้าใจผิด ส่วนทฤษฎีที่เป็นไปได้มีอยู่สองทฤษฎี ทฤษฎีแรกคือ "Bigfoot-Giganto Theory" ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักมานุษยวิทยาและนักไพรเมทวิทยา

ทฤษฎีนี้อธิบายว่า ไอ้ตีนโตคือลิงเอปยักษ์ญาติของลิงเอปยักษ์ "Gigantopithecus" ซึ่งเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ทว่ายังคงมีชีวิตรอดอยู่ในบริเวณซึ่งห่างไกลจากถิ่นที่อยู่ของมนุษย์

อีกทฤษฎีหนึ่งคือ "ทฤษฎีโฮมินิด" ทฤษฎีนี้อธิบายว่า ไอ้ตีนโตคือต้นตระกูลบรรพบุรุษของมนุษย์ที่เรียกว่าโฮมินิด (hominid) หรือมนุษย์วานรซึ่งแยกสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ของลิงเอป

จอร์จ คาราส นักวิจัยไอ้ตีนโตอธิบายว่า สิ่งที่ยืนยันได้ว่าไอ้ตีนโตแตกต่างจากลิงเอปก็คือ นิ้วเท้าของลิงเอปจะใหญ่และถ่างออก แต่นิ้วเท้าของไอ้ตีนโตไม่มีลักษณะเช่นนั้น รอยเท้าของไอ้ตีนโตคล้ายกับเท้าของมนุษย์โฮโม อีเรคตัส หรือโฮโม ซาเปียน ส่วนขนก็ไม่เหมือนขนของมนุษย์หรือลิงเอป หรือสัตว์ชนิดใดๆ เลย เขาจึงเชื่อว่าไอ้ตีนโตไม่ใช่มนุษย์แต่ใกล้เคียงมนุษย์มากกว่าสัตว์ชนิดใดๆ ของโลกในปัจจุบัน

ขณะ ที่นักโบราณคดีบางคนเชื่อว่า ไอ้ตีนโตเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthal) บรรพบุรุษของมนุษย์โฮโม ซาเปียนซึ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 250,000-50,000 ก่อนคริสต์ศักราช

ว่าไปเรื่องราวของไอ้ตีน โตเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ทว่าขณะนี้มันเข้าทำนองเดียวกับเรื่องยูเอฟโอคือยังหาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ ได้ คงต้องให้เวลากับนักวิจัยไอ้ตีนโตและทีมค้นหาสักระยะหนึ่ง

เครดิต:Artsmen.net



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อารายเหรอ